รู้จัก ‘นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน’ จิตแพทย์หน้าหล่อ ผู้เอามวลชนอยู่หมัด ด้วยเทคนิคแห่งจิตวิทยา
หลายคนคงทราบกันดีว่า บุคลากรอย่าง ‘จิตแพทย์’ หนึ่งคนที่จะออกมามาสู่สังคมได้นั้น จำเป็นต้องมีบทบาทพื้นฐานเด่น มีความสามารถในการเข้าใจพฤติกรรมคนอย่างลุ่มลึก แบบว่าถ้าเราดูตามหนังส่วนใหญ่ ก็จะรู้ว่า จิตแพทย์ จะมีเทคนิคหลายๆ อย่างที่ทำให้คนไข้อยากพูด อยากเล่า และอยากรับฟัง จนทำให้หัวใจและสมองของคนไข้สุขสบายขึ้น
เปิดหัวมาแบบนี้ และในช่วงเวลานี้ ก็คงจะเดาไม่ยาก
เพราะเรากำลังจะพูดถึง ‘จิตแพทย์’ สุดฮอตที่วันนี้ใครๆ ก็ต่างรู้จักนั่นแหละ
อย่างที่ทราบดีว่า รัฐบาลตอนนี้เจอปัญหารุมเร้าสารพัดด้าน ไหนจะเรื่องการเมือง และไหนจะเรื่องเร่งด่วนรายวันอย่างการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19
สิ่งที่ทำให้หนักอกหนักใจไม่แพ้การแก้ปัญหาคือจะทำอย่างไรให้ทุกข้อความจากรัฐที่ส่งออกไปไม่รู้สึกระคายหูคนที่เบื่อรัฐบาลซึ่งตรงนี้แหละ ‘โคตรสำคัญเลย’ เพราะเสียงจากลุงตู่หรือแม้แต่เสียงตะกุกตะกักของโฆษกที่มือไม่ถึงมันจะยิ่งทำให้แรงเสียดทานด้านลบของประชาชนที่มีอยู่แล้วทวีมากขึ้นไปอีก
นั่นจึงทำให้ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง ‘นายแพทย์ ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน’ ขึ้นเป็นโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด19.) หรือ ศบค.เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ภายใต้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
หมอทวีศิลป์ เลยเป็นชื่อและเป็นภาพลักษณ์ที่หลายคนเริ่มเห็นกันเรื่อยมาในช่วงนี้
ด้วยหน้าตาที่ชวนมอง น้ำเสียงที่ชัดเจน และความสามารถในการตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนแบบมีกึ๋น พร้อมทั้งให้ข้อมูล ข่าวสาร ตลอดจนตอบทุกคำถาม ทุกข้อสงสัย จากการแถลงข่าวผลการประชุมของศูนย์ศบค.ในทุกๆวัน ทำให้ หมอทวีศิลป์ กลายเป็นหน้าตาของรัฐบาลไปโดยทันทีในเวลานี้
เสียงตอบรับจากการปฏิบัติงานในฐานะโฆษกศบค.ของหมอทวีศิลป์ ได้ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในเชิงบวกด้วยท่าที บุคลิกนุ่มนวล ที่พร้อมจะตอบทุกคำถาม ด้วยความเข้าใจ สามารถอธิบายเรื่องทางการแพทย์ให้เป็นเรื่องที่ง่ายต่อการเข้าใจเพื่อให้ประชาชนได้ปฏิบัติตัวตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 อย่างถูกต้อง
และที่สำคัญไปกว่านั้น ยังพบว่าความแม่นยำ ในข้อมูล บวกกับบุคลิกของหมอทวีศิลป์เอง ยังช่วยเป็นกาวใจระหว่างบรรยากาศตึงเครียดทางสังคมกับกับ ‘บิ๊กตู่’ ผ่านการทำหน้าที่ตอบคำถาม ให้ข้อมูล ทำความเข้าใจกับสื่อได้เรียบร้อย และน่าจะเป็นขวัญใจนักข่าวและประชาชนจำนวนหนึ่งไม่น้อย
เส้นทางของหมอ ‘โรคจิต’
แน่นอนว่า การที่หมอทวีศิลป์ สามารถรับบทบาทนี้ได้เป็นอย่างดี ก็ต้องยอมรับว่าประสบการณ์ของการเป็นจิตแพทย์ มีส่วนในการแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะและการแสดงออกที่ดี
แต่รู้ไหมว่า ตัวหมอทวีศิลป์เอง ไม่เคยคิดว่าจะมาเป็นจิตแพทย์ และไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเรียนแพทย์ด้วยซ้ำ เพราะตอนเด็กเป็นคนชอบการวาดรูป ถนัดทางขีดๆ เขียนๆ มากกว่า
อย่างไรก็ตาม ที่สุดก็ได้เรียนหมอ และพอเรียนจบแพทย์ปี 6 จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ปี 2532 ก็ต้องมีการใช้ทุน โดยต้องทำงานเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 3 ปี โดย ใช้วิธีจับลูกปิงปอง ซึ่งตอนนั้นหมอถูกจับให้อยู่รอบที่ 5 และเหลือโรงพยาบาลให้จับไม่กี่แห่ง…
“ตอนนั้นคุณพ่อไม่ค่อยสบาย โรงพยาบาลที่มีให้เลือกก็มีแค่โรงพยาบาลประสาทสงขลา กับที่จิตเวชนครราชสีมาเท่านั้น พอดีเพื่อนอยากไปที่สงขลา เราก็สละสิทธิ์ให้เขา เพราะเราเองก็มีความจำเป็นที่จะต้องดูแลพ่อ ก็เลยได้อยู่ที่จิตเวชนครราชสีมา”
คุณหมอเล่าย้อนไปถึงการทำงานในอดีตให้ฟังไว้ว่า วันหนึ่งๆ ต้องออกตรวจคนไข้เกือบร้อยคนต่อวัน และพอดีกับช่วงนั้นมีข่าวลือว่าเขื่อนลำมูลบนจะแตก ก็มีชาวบ้านแตกตื่นอพยพกัน เป็นข่าวครึกโครม เขาก็เลยจำเป็นต้องไปดูแลจุดนั้น
เพราะแรกๆ ไม่คิดว่าจะต้องดูงานทางด้านจิตเวช เพราะเรียนเกี่ยวกับทางกายมา แต่พอทำไปทำมาสักพักก็รู้สึกสนุก เพราะมีอะไรที่เขาคิดว่าต้องเรียนรู้อีกมาก ก็เลยตัดสินใจเรียนต่อทางด้านจิตเวชที่โรงพยาบาลบ้านสมเด็จเจ้าพระยา พอเรียนจบครบ 3 ปีก็ได้เข้าทำงานที่นั่น และทำหน้าที่สอนนักศึกษาแพทย์ควบคู่กันไป จนปี 2537 ก็ตัดสินใจไปเรียนต่อเพิ่มเติมด้านจิตเวชที่ชิคาโก สหรัฐอเมริกา ทางด้านประสาทจิตเวชศาสตร์
“ความรู้เกี่ยวกับจิตเวชสมัยนั้นยังไม่เจริญ จะเรียนเกี่ยวกับจิตใจอย่างเดียว ต่อมาพอเราไปเรียนเพิ่มก็รู้ว่ามีอีกหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับจิตใจ กายก็ใช่ สมองก็ใช่ การใช้ยาก็ช่วยได้ มันสัมพันธ์กันหมด ก็ถือเป็นโชคดีของเราที่ได้รู้ทั้งกายและจิต เพราะเราเรียนทางกายมา 6 ปี แล้วมาต่อจิตอีก ก็ครบ”
อย่างไรก็ตาม แม้จะเรียนมาแน่นปึ้ก แต่ภาพลักษณ์ของคนที่เป็นหมอรักษาอาการทางจิตในยุคนั้น ก็ยังถูกสังคมมองติดลบอยู่ ซึ่งหมอทวีศิลป์เล่าไว้ว่า…
“ผมจำได้ว่าพอเพื่อนฝูงรู้ข่าวว่าเลือกเรียนต่อทางด้านนี้ ก็ถูกทักท้วง ซึ่งแม้ตัวเองจะมั่นใจ แต่ก็มีบ้างที่เกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และขัดๆ หูเมื่อถูกเรียกว่า ‘หมอโรคจิต’ อย่างตอนไปเป็นแพทย์ประจำบ้านที่โรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่ง ก็มีคนตะโกนทักว่า “เฮ้ย!!…เป็นไงหมอโรคจิต” คนก็หันมามอง ซึ่งตอนนั้นก็มีอายๆ เพราะตอนนั้นสังคมยังไม่เข้าใจงานด้านนี้เหมือนในปัจจุบันนี้ ทำให้ในยุคนั้นแพทย์ที่ทำงานรักษาผู้ป่วยทางจิตมักจะถูกมองเป็นหมอชั้น 2”
อย่างไรก็ตาม การทำงานในฐานะจิตแพทย์นั้น ก็ยังเต็มไปด้วยความประทับใจ คุณหมอบอกไว้ว่า “มีเคสหนึ่งที่จำได้ดีคือรายผู้ป่วยชายคนหนึ่งซึ่งเสพยาบ้าจนเกิดอาการหลอน ปีนขึ้นไปบนเสาวิทยุของ สน.บุปผาราม ซึ่งทางตำรวจติดต่อให้ช่วยดูแลรายนี้ ก็เฝ้าดูตั้งแต่บ่ายจนถึงตี 3 แต่ก็ยังไม่ยอมลงมา พอ 7 โมงออกเวรก็เตรียมตัวกลับบ้าน แป๊บเดียวตำรวจก็โทรมาแล้วบอกว่าปีนลงมาเองแล้ว ก็ไปรับตัวมาที่โรงพยาบาล และเรื่องก็มาเกิดซ้ำที่โรงพยาบาลอีก
“พอรับตัวมา เราก็ฉีดยาให้เขา จะได้หลับ ช่วงที่รอให้ยาออกฤทธิ์ ก็ดูเขาสงบดีนะ กินข้าวได้ ทักทายได้ แต่พอกำลังจะพาเดินไปที่ตึกเขาก็เกิดอาการอีก วิ่งปรู๊ดขึ้นต้นไม้เลย สูงสักตึก 3 ชั้นเห็นจะได้
“ไอ้เราก็กลัวเขาจะตกลงมา ข้างล่างเป็นพื้นคอนกรีตด้วย ก็คิดว่าจะทำยังไง ก็ไปหากล่องกระดาษมารองให้เต็ม เอาเบาะมารองให้ทั่ว ก็จำมาจากในหนังแอ็คชั่นที่ดูเบื้องหลังของพวกสตั๊นต์แมน ก็ลองดู สักพักเขาก็เริ่มง่วง และโชคดีที่เจ้าหน้าที่ขึ้นไปล็อกตัวได้ก่อน ตอนนั้นมีแต่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล พวกตำรวจ นักข่าว กลับหมดแล้ว ก็เหลือแต่พวกเราที่ต้องมาระทึกขวัญกันเอง
“ส่วนเคสอื่น ๆ ก็มีแบบน่ารัก ๆ เพราะคนไข้ชอบแซว เพลงที่เคยได้ยินประจำคือ… คุณหมอคะ…หนูนอนไม่ค่อยจะหลับ คือเขาร้องแซวเรา เวลาผมไปตึกหญิงก็จะเจอคนไข้แซว บางคนก็จะตะโกนแซวว่าตรวจหนูก่อนนะคะ ๆ บางคนก็มานั่งรอกระเซ้าเราว่าเมื่อไหร่จะตรวจเขาซะที” หมอทวีศิลป์ เล่าถึงประสบการณ์ในอดีต
อย่างไรก็ตาม เส้นทางของหมอทวีศิลป์ กว่าที่จะมายืนอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญนี้นั้นต้องบอกว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพราะตัวหมอเอง ก็ไม่ใช่คนร่ำรวยอะไรนัก เป็นเด็กโคราชที่ผ่านช่วงชีวิตแบบรู้จักดิ้นรนมาก่อน
เขาจบการศึกษาระดับมัธยมที่ ที่โรงเรียนบุญวัฒนา จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยจาก แพทย์ชนบท มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยเป็นการสอบโควตาของชมรมแพทย์ชนบท
ต่อมาเริ่มงานที่โรงพยาบาลจิตเวช นครราชสีมา หลังจากนั้นก็ได้เข้าเรียนที่สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา เคยผ่านงานในฐานะโฆษกกรมสุขภาพจิต ก่อนขึ้นเป็น ผู้อำนวยการสำนักสุขภาพจิตและสังคม และปัจจุบันเป็นโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ก่อนที่จะได้รับความไว้วางใจได้รับการแต่งตั้งให้นั่ง ‘โฆษกศบค.’ ปฏิบัติภารกิจในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับโควิด-19
ในระหว่างที่สังคมเริ่มสนใจและโฟกัสชีวิตของคุณหมอท่านนี้กันแล้ว ในฐานะ ‘หมอหล่อ’ ที่สาวน้อยสาวใหญ่ต่างออกปากว่า “อยากจะเป็นคนไข้ของคุณหมอ” แต่ต้องขอบอกให้เสียใจไว้ล่วงหน้าเลยว่าท่านได้สมรสแล้วกับ พญ.วิไลรัตน์ และมีทายาทด้วยกัน 2 คน…
Did you know?
ประสบการณ์ในการทำงาน
– นายแพทย์ ระดับ 9 (น.พ.9) จิตแพทย์และอาจารย์
– จัดรายการวิทยุถาม-ตอบปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต
– จัดรายการยู-ไลฟ์ ทางเคเบิ้ลทีวี
– จัดรายการเฮลท์ สเตชั่น ทางฟรีทีวี
– 1 ในผู้ก่อตั้ง www.thaimental.com เว็บไซต์ด้านสุขภาพจิต
– ตำแหน่งโฆษกกรมสุขภาพจิตและสังคม
– ผู้อำนวยการฯ และโฆษก กระทรวงสาธารณะสุข
** ปัจจุบัน นพ.ทวีศิลป์ เป็นสาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพ 10 และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข
ก่อนถูกแต่งตั้งให้เป็นโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019**
อ้างอิง: คอลัมน์ “วิถีชีวิต” หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” ฉบับวันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2548
#GMLIVE #Life #ทวีศิลป์วิษณุโยธิน #โดวิด19 #โฆษก #ศบค #จิตแพทย์