fbpx

เยือนถิ่นล้านนา สัมผัส “ช้าง อันพาสเจอไรซ์” เครื่องดื่มสุดชิว ต้อนรับลมหนาวและเทศกาลแห่งความสุข

เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาฤดูหนาวของไทย แน่นอนว่าที่เที่ยวยอดนิยมไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติคงหนีไม่พ้นถิ่นล้านนาอย่างจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย  หมุดหมายห้ามพลาดของใครหลายคน ที่ต่างมุ่งหน้าเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวและพักผ่อนไปจนถึงการเฉลิมฉลองช่วงโอกาสพิเศษในเทศกาลต่างๆ

และสำหรับปีนี้ ความพิเศษของถิ่นล้านนาที่มาพร้อมกับลมหนาวให้สายดื่ม สายชิว ได้เซอร์ไพรซ์กับนวัตกรรมเครื่องดื่มรูปแบบใหม่ “ช้าง อันพาสเจอไรซ์” เครื่องดื่มที่จะเปิดประสบการณ์สดใหม่เฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายเท่านั้น

สำหรับ“ช้าง อันพาสเจอไรซ์” เป็นนวัตกรรมของเครื่องดื่มรูปแบบใหม่ ที่มาพร้อมกับ 3 ความโดดเด่น ได้แก่

ความโดดเด่นด้วยกระบวนการผลิตที่ไม่ผ่านความร้อน (Unpasteurized) เพื่อคงความหอมและสดใหม่

ความโดดเด่นด้านนวัตกรรมเบียร์ที่ผลิตด้วยกระบวนการไนโตรจิเนชัน (Nitrogenation) เพื่อให้อณูฟองละเอียดและนุ่ม

ความโดดเด่นด้านระบบการขนส่งพิเศษแบบโคลด์เชน (Cold Chain) ควบคุมอุณหภูมิให้ไม่เกิน 4 องศาเซลเซียส ตลอดการขนส่งซึ่งตรงจากโรงงานผลิตที่จังหวัดกำแพงเพชรถึงร้านอาหารและโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย ภายในเวลา 4 – 6 ชั่วโมง เพื่อคงรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของช้าง อันพาสเจอไรซ์ ให้ถึงมือผู้บริโภค ภายในดีไซน์ขวดทรงแชมเปญพรีเมียมสีเขียว ขนาด 1.5 ลิตร สำหรับทุกช่่วงโอกาสพิเศษของทุกวัน

และเพื่อเป็นการฉลองความพิเศษในครั้งนี้ “ช้าง” จึงจัดงานเปิดตัว “ช้าง อันพาสเจอไรซ์” ให้ได้สัมผัสกับประสบการณ์ความสดใหม่ ด้วยภาพลักษณ์แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ณ โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ โดยภายในงานได้รวมความพิเศษไว้ทั้งเมนูอาหารสุดพิเศษที่รังสรรค์ออกมา ในรูปแบบ Northern Fusion Fine Dining เพื่อทานคู่กับ ช้าง อันพาสเจอไรซ์ พร้อมมินิคอนเสิร์ตจาก นิว-จิ๋ว สองสาวดูโอดีวาแห่งเชียงใหม่ ที่มายกระดับความพิเศษให้กับงานเปิดตัวในครั้งนี้

สำหรับอาหารจานพิเศษนั้นในครั้งนี้ เชฟเมย์ พัทธนันท์ ธงทอง Top Chef Thailand รวมทั้ง Executive Chef และหุ้นส่วนร้าน Maze Dining ที่ได้รับการแนะนำในมิชลินไกด์ เป็นผู้คิดค้นอาหารจานพิเศษสำหรับ โดยนำเมนู Signature มารังสรรค์เป็นอาหารเหนือในรูปแบบของคอนเซ็ปต์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความโดดเด่นทั้ง 3 ด้านของ “ช้าง อันพาสเจอร์ไรซ์” ผสานความเป็นพื้นเมืองและความทันสมัย นำเทคนิคการปรุงพิเศษ ใช้วัตถุดิบและรสชาติที่เป็นอัตลักษณ์ของภาคเหนือ ไปจนถึงรูปแบบการจัดจานและกิมมิคที่น่าประทับใจ

เริ่มต้นจานแรกด้วยอาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer) ที่รังสรรค์ขึ้นมาโดยได้รับแรงบันดาลใจจากกระบวนการผลิตของเบียร์ที่ไม่ผ่านความร้อน (Unpasteurized)  ของเบียร์ “ช้าง อันพาสเจอไรซ์” เชฟจึงนำปลาทูน่าระดับพรีเมียมและเนื้อคุณภาพดี มานำเสนอในเมนู ส้าจิ้น อาหารพื้นบ้านล้านนา ในแบบฉบับ Creative cuisine เพื่อตอบโจทย์ความสดใหม่และคงรสชาติที่หอมอร่อยของวัตถุดิบได้ดีที่สุด ออกมาเป็นเมนูปลาทูน่าคลุกพริกลาบเหนือและน้ำสมุนไพร สลัดมะเขือเทศดอง และพล่าเนื้อสันในย่างคลุกพริกลาบเหนือน้ำยำสมนุ ไพรและสลัดมะเขือเทศดอง

อร่อยแบบ Fine Dining ต่อกับอาหารจานหลัก (Main Course) ที่ได้แรงบันดาลใจจากการเพิ่มกระบวนการไนโตรจิเนชัน (Nitrogenation) ของ “ช้าง อันพาสเจอไรซ์” เชฟจึงนำเสนอเมนูอาหารเหนือท้องถิ่นที่ยกระดับให้มีความประณีตขึ้นด้วยกรรมวิธีที่ละเอียดอ่อนและทันสมัย ตกแต่งด้วยโฟมสมุนไพรที่สื่อถึงความนุ่มนวลของฟองและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ รับประทานพร้อมปลาแซลมอนและเนื้อซี่โครงวากิว  ออกมาเป็นเมนู สเต็กปลาแซลมอนกงฟี ซอสแกงปลาไวน์ขาว เฟนเนลผัดน้ำมันมะกอก และโฟมสมุนไพร และเนื้อซี่โครงวากิวตุ๋นเบียร์ ซอสไวน์แดง น้ำพริกข่า ผักย่าง และโฟมสมุนไพร

ปิดท้ายแบบ Perfect Dining ด้วยเมนูของหวาน (Desserts) สุดครีเอทชื่อหอมชวนดม กุหลาบเวียงพิงค์ หรือ Lanna Ispahan เมนูขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศสที่ทำมาจากวัตถุดิบของไทยเป็น Ispahan เวอร์ชั่นล้านนา โดยนำดอกกุหลาบออแกนิคจากเมืองพร้าว มาผ่านการบวนการแช่ไนโตรเจนเหลว เพื่อให้เกิดความเย็น
ก่อนนำมาตกแต่งลงบนจาน เสริมความ Perfect ด้วยกิมมิคที่ให้โรยกลีบกุหลาบแช่แข็งบนเมนูเพื่อทานคู่กับขนมหวาน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากกระบวนการขนส่งระบบ Cold Chain ที่ต้องควบคุมอุณหภูมิให้ไม่เกิน
4 องศาเซลเซียส เป็นครั้งแรกในประเทศไทย

จากความโดดเด่นทั้ง 3 ด้านของช้าง อันพาสเจอไรซ์ รวมทั้งความพิเศษของทั้ง 3 เมนูอาหารจากการรังสรรค์ของเชฟเมย์ รวมไปถึงมินิคอนเสิร์ตพิเศษจากสองสาวดูโอดีวา “นิว-จิ๋ว” สามารถการสร้างประสบการณ์สดใหม่ให้ผู้ที่มาร่วมงานได้อย่างแท้จริง

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ