เมื่อพูดกันถึงสารเสพติดที่มีในสารบบที่จัดในหมวดต้องห้าม เป็นโทษ และถูกกำหนดให้ผิดกฎหมายไม่ว่าจะซื้อขาย เสพ หรือใช้งานในรูปแบบใดๆ นั้น เมื่อสืบย้อนกลับไปยังต้นกำเนิด ก็มักจะพบว่า มันมีสายธารจากความพยายามในการคิดค้นขึ้นเพื่อใช้ในงานทางการแพทย์ เพื่อเป็นเคมีของการสาธารณสุข และเป็นผลผลิตจากการค้นคว้าตามแนวทางดังกล่าวมาแทบจะทั้งสิ้น (ไม่ว่าจะโคเคน มอร์ฟีน จนถึงเฮโรอีนก็ตาม…) และในชั่วโมงนี้ ‘กัญชา’ ก็ดูจะเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันหลากหลาย ภายใต้การ ‘เปิดเสรี’ ที่เกิดขึ้น ภายหลังจากการพูดคุยหารือ และยื่นข้อเสนอให้มีการเปิดเสรีกัญชา ‘เพื่อใช้ในทางการแพทย์’ มาเป็นระยะเวลายาวนานหลายปี มาในวันนี้ กัญชา ก็ได้ถูกปล่อยออกไปหลายหมื่นต้น ถูกใช้งาน เสพ และกำลังจะกลายเป็นปัญหาด้านสุขภาวะครั้งใหม่ ที่อาจจะต้องกลับมาทบทวนในข้อเสนอนี้กันอีกครั้ง ในแง่หนึ่ง คุณสมบัติของกัญชา ถ้าหากใช้งานโดยไม่ผ่านการดัดแปลงใดๆ ด้วยการสูบ มีฤทธิ์ที่ส่งผลต่อสภาพทางจิตอย่างมาก ด้วยสารไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabino, THC) ที่ทำให้เกิดการเสพติด และเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อสุขภาพในระบบทางร่างกายในระยะยาว ทั้งระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจ และไม่ส่งผลดีต่อผู้ที่มีความเจ็บป่วยทางจิต เช่น โรคซึมเศร้า หรือไบโพลาร์ ในฝั่งที่สนับสนุนการใช้กัญชา ก็อาจจะมองว่า ในหลายประเทศฝั่งตะวันตก มีการจำหน่ายกัญชาในเชิงพาณิชย์ และใช้งานทางการแพทย์ แต่กระนั้น การใช้งานกัญชา […]Read More
เราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า สุขภาพที่ดี เป็นสิ่งที่ปรารถนาสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเพศ สถานะ หรืออายุเท่าใด กระนั้นแล้ว ความเสื่อมถอยในร่างกาย และปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนไปในการใช้ชีวิตยุคปัจจุบัน ก็ดูจะเป็นอุปสรรคต่อการไปสู่สุขภาพและสุขภาวะที่ดี หลายคนมีความป่วยไข้ตั้งแต่วัยเยาว์ หลายคนพบพานความผิดปกติในช่วงปลายคน ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ดูแลสุขภาพ และใช้ชีวิตอย่างไม่พบพานความป่วยไข้ใดๆ มาก่อน เช่นนั้นแล้ว คงพอสรุปได้ว่า สุขภาพกาย และการดูแลรักษาตนเอง คือสิ่งที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง หลีกเลี่ยงไม่ได้ และถ้าเกินวิสัยของการใช้ชีวิต การฟื้นฟูบำบัด ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ควรค่าแก่การพิจารณา อันเป็นสาเหตุที่ ‘คุณหมอปิยะนุช รักพาณิชย์’ ผู้เชี่ยวชาญงานด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู ได้ก่อตั้ง ‘สวนสุขภาพอรุณสหคลินิค’ สถานบำบัดเพื่อสุขภาพ เพื่อการฟื้นฟู รักษา และส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพที่ดีขึ้น และได้ย่างเข้าสู่ปีที่เก้า ที่จะมาบอกเล่าแนวทางเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ และหลักการบำบัดตามวิธีการของเวชศาสตร์ฟื้นฟูให้ได้รับทราบกัน //สวนสุขภาพอรุณสหคลินิก กับย่าวเข้าสู่ปีที่เก้าแห่งเวชศาสตร์ฟื้นฟู// สำหรับสวนสุขภาพอรุณสหคลินิก เป็นสถานพยาบาลเพื่อการบำบัดและฟื้นฟู ตามหลักแนวทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูหรือ Integrative Medicine โดย คุณหมอปิยะนุช รักพาณิชย์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในงานด้านดังกล่าว และมีประสบการณ์ในการบำบัดดูแลผู้ป่วยมาอย่างยาวนาน ในเบื้องต้น เวชศาสตร์ฟื้นฟูหรือ Integrative Medicine นี้ […]Read More
เรื่อง: ดร. วิชยุตม์ ทัพวงษ์ ส่วนใหญ่แล้ว เมื่อเอ่ยถึงคำว่า “รวย” ผู้คนส่วนใหญ่มักนึกถึงคนที่มีทรัพย์สินมาก หรือพูดง่ายๆ คือคนที่มีเงินหรือมีทรัพย์สินเยอะ ในขณะที่ความมั่งคั่งนั้น ถ้ามองกันให้ลึก ๆ แล้ว จะเป็นภาพที่กว้างกว่าและครอบคลุมมากกว่าเรื่องของทรัพย์สินเงินทอง หลายครั้งมุมมองที่เกี่ยวข้องกับความมั่งคั่ง ผนวกรวมไปทั้งเรื่องทรัพย์สิน สุขภาพ ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างหรือครอบครัว คุณค่าของตัวเรา และทัศนคติของผู้นั้น ที่มีมุมมองเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ ซึ่งทำให้ผู้นั้นมีความสุข ดังนั้น หากกล่าวรวม ๆ แล้วจะเห็นว่าคนที่มั่งคั่งนอกจากเป็นคนที่มีทรัพย์สินมากพอที่จะใช้ได้อย่างไม่ขัดสนแล้วยังรวมถึงการมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง เป็นคนที่ทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นเสมอ และมีเวลามากพอที่จะทำอะไรก็ได้อย่างที่อยากทำโดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งความมั่งคั่งนี่เองอาจมองได้ว่าเป็นภาพรวมของชีวิตที่มีความสุข แม้ว่าเงินจะเป็นปัจจัยหลัก ซึ่งผมเชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยตั้งคำถาม หรือวางแผนว่า เมื่อถึงชวงอายุหนึ่งแล้วจะต้องมีเงินทองหรือทรัพย์สินเท่าไรในการเลี้ยงชีพ เช่น เมื่ออายุเข้าสู่สัย 50 ปี 60 ปี 70 ปี จนเลยไปถึง80 ปี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการกำหนดแผนงานหรือแนวทางในการสร้างการออมให้กับตัวเอง สุขภาพ…. ปัจจัยสำคัญแห่งความมั่งคั่ง ธรรมชาติได้ออกแบบมาให้ร่างกายของมนุษย์ มีการเคลื่อนไหวในหลากหลายอิริยาบถอย่างสม่ำเสมอ การขยับร่างกายน้อยเกินไป ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ เช่น […]Read More
ในสถานการณ์ต่างๆ ของชีวิต ย่อมหลีกหนีไม่พ้นความยากลำบาก ปัญหา หรืออุปสรรคที่ผ่านเข้ามา แน่นอนว่า ‘การมองโลกในแง่บวก’ ที่พร้อมเชื่อว่า ทุกสิ่งสามารถเป็นไปได้ สามารถคลี่คลายได้ และยิ้มรับกับมันโดยไม่หลีกหนี นับเป็นสิ่งที่ดี ทั้งกับตัวเอง และคนรอบข้าง สร้างบรรยากาศแห่งความเป็นหนึ่งเดียว การมุ่งไปข้างหน้า และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีตามมา แต่จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากการมองโลกในแง่บวกดังกล่าว มันกลายเป็น ‘ธรรมเนียมปฏิบัติ’ ที่จำต้องทำ? ถ้าการยิ้มรับกับปัญหา ไม่ได้มาจากทัศนคติภายใน แต่เป็นสิ่งที่ถูกบังคับโดยวัฒนธรรมองค์กรและคนหมู่มาก ถ้าหากการที่จะ ‘ไม่ยิ้ม’ แม้เพียงนิด มีราคาที่ต้องจ่าย ไม่ว่าจะในมุมมองของคนรอบข้าง เพื่อนร่วมงาน หรือสังคมโดยรวม? ความขุ่นมัวที่ตกค้างอยู่ในใจที่ไม่สามารถหาทางออก จึงกลายเป็นปัญหาที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ ไม่สามารถสลัดหลุดพ้นไปได้ ความเป็น ‘พิษ’ ของการมอง ‘จำต้องมองแง่บวก’ นั้น จึงเป็นสาเหตุสำคัญของกลุ่มอาการ ‘Toxic Positivity’ ที่กำลังถูกให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ ทำไมการมองในแง่บวก ถึงกลายเป็นพิษ และนำไปสู่อาการของ Toxic Positivity? ในจุดนี้ ในทางการแพทย์ ไม่ได้มีบันทึกเอาไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร แต่เป็นผลพวงจากการซุกซ่อนปัญหาที่เกิดขึ้นไว้กับตนเอง วัฒนธรรมการมองบวกที่แพร่หลายอย่างมากที่ตอกย้ำว่าเป็นทางออกของทุกปัญหา ผลักภาระให้คนคนหนึ่งแบกรับทุกความรับผิดชอบไว้บนสองบ่า […]Read More