ผมมีแมวเป็นเมนเทอร์
เ รื่ อ ง : โ ต ม ร ศุ ข ป รี ช า
1
โคยะคือสัตว์ประหลาด
มันเป็นแมวตัวหนึ่ง หน้าตาไม่สะสวยเลย ขนสีดำๆ น้ำตาลๆ เปรอะๆ แต่ในความไม่สวยนั้น มันกลับเย่อหยิ่ง ไว้ตัว คิดว่าตัวเองสวย และทำตัวร้ายกาจกับคนแปลกหน้าทุกคน แม้ร่างกายของมันอาจปกคลุมด้วยขนนุ่มนิ่มน่ากอดรัด-ฟัดเหวี่ยง แต่หากมีใคร ‘บังอาจ’ อยากแตะเนื้อ ต้องตัวมัน หรือเพียงเดินผ่านเข้ามาในรัศมีแห่งอาณาเขต มันก็พร้อมจะยื่นเล็บคมกริบเหมือนมีดโกนเข้าไปเกี่ยวเนื้อนิ่มๆ ของมนุษย์แปลกหน้าคนนั้นความคมของเล็บมันเหมือนดาบซามูไร ที่หากโปรยผ้าแพรผืนบางใส่คมดาบ ผ้าแพรนั้นก็จะขาดเป็นสองท่อนดังนั้น มันจึงเป็นแมวที่มีชื่อเสียงด้านความร้าย นั่งนิ่งๆอยู่ตรงนั้น เคียดแค้นคนแปลกหน้าที่บังอาจมารุกล้ำอาณาจักร จากนั้นก็รอคอย เมื่อจังหวะมาถึง จังหวะที่คนเฉียดกรายเข้าใกล้ มันจะตวัดเล็บเพียงเบาๆ แต่แค่นั้น เลือดสดๆ ก็จะหลั่งไหลเหมือนสายน้ำนั่นอาจเป็นชั่วขณะที่มันพึงพอใจที่สุดก็ได้ ดวงตากลมโตเป็นสีดำขลับมักมีแววสนุกยามได้ทำเช่นนั้น
2
โคยะเป็นลูกของโคขุน แมวชื่อดังของ แชมป์ – ทีปกร วุฒิพิทยามงคล
ที่จริงแล้วมันมีที่มาน่าสงสาร เพราะแรกทีเดียวใครคนหนึ่งจะรับมันไปเลี้ยง โดยตั้งชื่อให้มันไว้ล่วงหน้าว่า – ฮอกไกโด, แต่แล้วคนคนนั้นก็เกิดความจำเป็นบางอย่าง ทำให้รับเลี้ยงมันไม่ได้ มันจึงเป็นแมวที่ไม่มีที่ไปโดยที่ตัวมันเองไม่เคยรู้ตัวตอนนั้นผมอยากได้แมวสักตัวอยู่พอดี จึงยื่นมือ เข้าไปแทรกกลาง แล้วโคยะก็ได้มาอยู่ที่นี่
3
โคยะเป็นแมวที่ไม่ชอบอยู่ ‘กับ’ คน
มันชอบอยู่ ‘ใกล้’ คน แต่มันไม่ใช่ ‘แมวนั่งตัก’ หรือ Lap Cat แบบที่หลายคนมักคิดว่าแมวน่าจะเป็นอย่างนั้น มันเพียงแต่อยู่แถวๆ นั้น รักษาระยะห่าง มองดู จับตา เพ่งพินิจทุกการกระทำ ไม่ว่าจะของใคร แปลกหน้าหรือไม่หากมีคนอยู่ในบ้านหลายๆ คน ในหลายๆ ห้อง มันจะเลือกตำแหน่งนั่งที่มองเห็นได้ทุกๆ ที่ให้ได้มากที่สุด เช่น ตรงปากประตู ที่เชื่อมต่อระหว่างสามห้อง ที่ซึ่งคนสามคนต่างทำกิจกรรมต่างๆ อยู่ในห้องเหล่านั้นคล้ายมันกำลังบัญชาการ และคล้ายเป็น ครูผู้ปกครองมันไม่ชอบการสัมผัสใดๆ ที่เป็นไปเพื่อความสำราญหรือสนุกสนานของมนุษย์ มันไม่ชอบให้คนจับมันไปนั่งตัก หากจะมีการสัมผัสบ้าง ก็ต้องเป็นการสัมผัสแบบ ‘รับใช้’ คือมนุษย์ต้องไปลูบไล้ตัวของมันในลักษณะของการปรนเปรอ ซึ่งมันจะพึงพอใจอยู่ชั่วครู่ ไม่เกินสามหรือห้านาที ก็จะสะบัดหน้าผละไป ราวกับสิ่งที่มนุษย์มอบถวายให้กับมันนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่าพึงพอใจ
เป็นไปได้ ที่นิสัยนี้อาจเกิดขึ้นเพราะผมเองตอนที่โคยะมาอยู่ด้วยกันใหม่ๆ มันยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ ร่างผอมๆ ไร้พิษสงใดๆ วันหนึ่ง ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ กอดมันไว้ แล้วอยู่ๆ มันก็ผล็อยหลับไปโดยซบอยู่ที่บ่า
ผมนั่งอยู่อย่างนั้น ที่จริงก็อยากให้มันอยู่อย่างนั้นไปตลอดกาล แต่แล้วในนาทีนั้น ผมแวบนึกถึงการ์ตูนแมวเรื่องไมเคิล กับเรื่องราวของตัวละครที่ไม่อาจลุกไปไหนได้เพราะมีแมวมานั่งตักหรือนอนทับบางส่วนของร่างกายเอาไว้ประดุจว่าแมวคือเจ้าของ และเจ้าของคือทาสผมไม่ชอบความสัมพันธ์แบบนั้นผมไม่ชอบคำว่า ‘ทาสแมว’ไม่ว่าในความสัมพันธ์ไหน – ก็ไม่ควรมีใครเป็นทาสของใครมนุษย์อาจพูดเล่นว่าเป็นทาสแมว แต่มนุษย์ไม่เคยรู้หรอกว่า – แมวมันเอาจริงด้วยเหตุนี้ ผมจึงบอกโคยะที่กำลังหลับสนิทว่า – อย่านอนแบบนี้เลยนะ ขอเราจงมีความสัมพันธ์แบบ ‘เพื่อน’ ที่เท่าเทียมกันเถิด ผมจะไม่เรียกมันว่าลูก เพราะมันไม่เคยเป็นลูกของผม และอาจไม่เคยเป็นลูกของใครเลยก็ได้ จากนั้นก็ค่อยๆ อุ้มมันลงมาวางที่เบาะ เพื่อให้มันหลับต่อก็ใช่ – โคยะหลับต่ออย่างสนิทและสบาย แต่หลังจากนั้นแล้ว คล้ายมันถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้ โคยะไม่เคยอยากสัมผัสใกล้ชิดกับมนุษย์ในแบบ for human sake อีกเลย
4
ที่จริงแล้ว โคยะไม่ใช่แมวตัวเดียวของบ้าน
ผมเองก็เป็นแมวด้วยเหมือนกันโคยะคือกระจกส่องสะท้อนให้เห็น – ว่าตัวผมเป็นอย่างไร ดื้อรั้น เอาแต่ใจ บูดบึ้ง รังเกียจมนุษยชาติ ไม่ชอบความแปลกหน้า พูดจาเล่นหัวกับใครไม่เป็น ชอบเฝ้ามองโลก เฝ้ามองพฤติกรรมของผู้คน และมักจะ ‘ตัดสิน’ คนเหล่านั้นอยู่เสมอ แต่ในการ ‘ตัดสิน’ เหล่านั้น กลับมีีความอดทนบางอย่างซุกซ่อนอยู่ เป็นความอดทนต่อ ‘ขีดจำกัด’ บางอย่างของมนุษย์ที่ยากอธิบายแมวอาจเป็นสัตว์ที่เย่อหยิ่ง ดูถูกโลก ดูหมิ่นมนุษย์ แต่ในเวลาเดียวกัน มันกลับมีความอดทนต่อสิ่งที่มันดูถูกเหล่านั้นมากมายนัก อดทนที่จะอยู่ด้วยอดทนที่จะไม่หนีจากไปตลอดกาล – ไม่ว่าด้วยวิธีไหนและที่สำคัญ สำหรับกับบางคน มันก็พร้อมกระโจนมานอนเกลือกกลิ้งเปิดพุงอันเป็นจุดเปราะบางอ่อนไหวที่สุด – เพียงเพราะมันไว้ใจคนคนนั้นอย่างที่สุด
โคยะบอกผมว่า ความไว้ใจทำให้เรามีความสุข การดูหมิ่นเหยียดหยามโลกที่ไม่เคย ‘ดีพอ’ สำหรับเรานั้น อาจทำให้เราสนุก พึงพอใจ และได้เติมเต็มตัวตนของเราให้มีพลังอยู่เสมอก็จริงอยู่ – แต่นั่นไม่ใช่ความสุข เป็นความไว้วางใจที่ผุดขึ้นในท่ามกลางโลกอันบกพร่องเว้าแหว่งแห่งนี้ต่างหาก – ที่ทำให้เราพอจะมีความสุขขึ้นมาได้บ้างและบางที – นั่นอาจคือเหตุผลที่เราต่างยังคงมีชีวิตอยู่ในที่ที่ไม่เคยดีพอสำหรับเรา ไม่ว่าจะเป็นที่แบบไหนก็ตาม