fbpx

เปิด 4 พื้นที่ชายแดนไทย  กัมพูชานำเข้าสู่ศาลโลก ช่องบก -ปราสาทตาเมือนธม -ปราสาทตาเมือนโต๊ด -ปราสาทตาควาย

จากเหตุกรณีพิพากเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. ที่ผ่านมา จนถึงขั้นมีการยิงปะทะกันและท้ายสุด กัมพูชาก็ออกแถลงการณ์ว่าฝ่ายตนมีผู้เสียชีวิต ซึ่งในช่วงแรกของการหยุดปะทะมีการออกมาแจ้งผลสำรวจความเสียหายของทั้งสองฝ่ายว่าต่างฝ่ายต่างไร้เจ็บและไร้ผู้เสียชีวิต ซึ่งหลังจากนั้นทางกัมพูชาก็มีการเคลื่อนไหวทั้งจากรัฐบาลและอดีตผู้นำ รวมทั้งได้ออกแถลงการณ์มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในแถลงการณ์ที่ออกมาโดยพลเอก ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นแถลงการณ์ที่มีเนื้อหาว่าทางกัมพูชาจะนำ 4 พืี้นที่ เข้าสู่ ศาลโลก คือ ช่องบก -ปราสาทตาเมือนธม -ปราสาทตาเมือนโต๊ด -ปราสาทตาควาย พร้อมยืนยันไม่ร่วมประชุม JBC กับไทยในวันที่  14 มิถุนายน 2568 นี้  โดยอ้างว่ากลไก JBC ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ (ข้อมูล : เพจ Wassana Nanuam)

อันที่จริงแล้วการกระทบกระทั่งระหว่างไทยและกัมพูชาในเรื่องของเขตแดนมีเนินนานตลอดเวลาในหลายพื้นที่ แต่ครั้งนี่ GM Live จะพาไปทำความรู้จักกับ 4 พื้นที่ ซึ่งทางกัมพูชาจะนำเข้าสู่ศาลโลกโดยหวังจะเป็นผู้ครอบครองนั่นเอง เริ่มจาก

ช่องบก

ช่องบก หรือ สามเหลี่ยมมรกต  ตั้งอยู่ที่ ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นพื้นที่ซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่าง 3ประเทศ คือ ประเทศไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และประเทศกัมพูชา โดย

พื้นที่ส่วนที่อยู่ในประเทศไทย คือ เขตอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี ส่วนพื้นที่ในเขตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว คือ แขวงจำปาสัก และส่วนพื้นที่ในประเทศกัมพูชา คือ จังหวัดพระวิหาร

และเหตุที่เรียกว่า สามเหลี่ยมมรกต นั้นเหตุเพราะสีของน้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยพลาญเสือตอนบน มีเขียวเข้มดุจดั่งสีของมรกตผนวกกับพื้นที่โดยรอบกว่า 12 ตารางกิโลเมตรระหว่างรอยต่อของทั้ง 3 ประเทศเป็นป่าไม้ที่ยังคงความเขียวขจีอุดมสมบูรณ์  นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อ “สามเหลี่ยมมรกต” หรือThe Emerald Triangle

ซึ่งเมื่อเอ่ยถึงช่องบก คงไม่เอ่ยถึงสถานที่หนึ่งอันเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพของ 3 ประเทศ ไม่ได้ นั่นคือ ศาลาตรีมุข ที่วันนี้เหลือแต่เศษซากจากการถูกเผาทำลาย เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2568 นี่เอง

ศาลาตรีมุข หรือ ศาลารวมใจ ไทย ลาว กัมพูชา ตั้งอยู่ในพื้นที่ช่องบก ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี บริเวณสามเหลี่ยมมรกต ใกล้เคียงกับพื้นที่ช่องบก สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2536 ในช่วงที่ พลโทอิสระพงศ์ หนุนภักดี  ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งใช้กำลังพลทางทหารของทั้ง 3 ประเทศมาช่วยกันสร้างและไทยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง โดยรูปแบบนั้นประกอบด้วยจั่ว 3 ด้าน หันไปยังแต่ละประเทศ

จั่วด้านประเทศไทยเป็นรูปนูนต่ำพระพุทธรูป

จั่วด้านสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นรูปนูนต่ำดอกเซียงเมี่ยง หรือดอกลั่นทม

จั่วด้านประเทศกัมพูชาเป็นรูปนูนต่ำขอมโบราณ

ภายในศาลาประดิษฐานพระพุทธรูป 3 องค์จากทั้ง 3 ประเทศ ศลลาแห่งนี้จึงเป็นดั่งสัญลักษณ์แสดงถึงมิตรภาพและยังใช้เป็นที่พบปะของกำลังพลจากทั้งสามประเทศ อีกด้วย 

ปัจจุบัน ศาลาตรีมุข เหลือเพียงเศษซากและความทรงจำเท่านั้น อีกทั้งกัมพูชายังอ้างสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของพื้นที่อีกด้วย

ปราสาทตาเมือนธม

ปราสาทตาเมือนธม ตั้งอยู่ในช่องเขาตาเมือน หรือช่องเขาตาเมียง แห่งเทือกเขาพนมดงรัก ในเขตบ้านหนองคันนาสามัคคี หมู่ 8 ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นปราสาทขนาดใหญ่ที่สุดในอุทยานประวัติศาสตร์กลุ่มปราสาทตาเหมือน อันประกอบไปด้วยปราสาทหินสามหลังเรียงลำดับจากขนาดใหญ่ไปขนาดเล็ก คือ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาเมือนหรือบายกรีม

สันนิษฐานว่าปราสาทตาเมือนธมนั้น สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 16 มีลักษณะเป็นศิลปะขอมแบบบาปวน

โดยตัวปราสาทอยู่บนเนินเขาสร้างคร่อมโขดหินธรรมชาติที่ศักดิ์สิทธิ์ในรูปของสวยัมภูศิวลึงค์ ซึ่งเป็นศิวลึงค์ที่สำคัญที่สุด อันเป็นเทวสถานสำหรับประกอบพิธีกรรม ในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ซึ่งนับถือพระศิวะ เป็นเทพสูงสุด ภายในประกอบไปด้วยปราสาทประธาน  ปรางค์ก่อด้วยหินทรายสองหลัง อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันตกเฉียงเหนือของปราสาทประธาน มีบรรณาลัยศิลาแลงสองหลัง และนอกระเบียงคดทางทิศเหนือ มีสระน้ำขนาดเล็กสองสระซึ่งตัวปราสาทตาหันหน้าไปทางทิศใต้ แตกต่างจากแห่งอื่นที่จะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก 

สำหรับปราสาทตาเมือนธมได้ขึ้นบัญชีเป็นโบราณสถานของไทยตั้งแต่ปีพ.ศ. 2478 หรือ ค.ศ.1935   โดยกรมศิลปากรทำการสำรวจพบและขึ้นบัญชีเป็นโบราณสถาน ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของสำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี ซึ่งโบราณวัตถุบางส่วน ได้ถูกนำมาจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ

ปราสาทตาเมือนโต๊ด

ปราสาทตาเมือนโต๊ด เป็นปราสาทหลังหนึ่งในอุทยานประวัติศาสตร์กลุ่มปราสาทตาเมือน เช่นเดียวกับ

ปราสาทตาเมือนธม ในช่องเขาตาเมือน เทือกเขาพนมดงรัก ในเขตบ้านหนองคันนาสามัคคี หมู่ 8 ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์  โดยอยู่ห่างจากปราสาทตาเมือนธม ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 750 เมตร และอยู่ห่างจากปราสาทตาเมือนไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 390 เมตร ก่อด้วยศิลาแลง มีกำแพงล้อมรอบและมีสระน้ำขนาดเล็กอยู่ทางทิศเหนือหนึ่งสระ

เชื่อกันว่าปราสาทแห่งนี้เป็นอโรคยาศาล รักษาพยาบาลของชุมชนหรือตามรายทางที่เป็นเส้นทางคมนาคม ซึ่งนิยมสร้างกันในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7

ปราสาทตาควาย

ปราสาทตาควายหรือปราสาทตาวาย ตั้งอยู่บริเวณช่องตาควาย ในเขตบ้านไทยนิยมพัฒนา หมู่ ๑๗ ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นปราสาทหินศิลาแลง อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือนธม ห่างไปประมาณ ๑๒กิโลเมตร และตั้งอยู่บนสันเขาห่างจากหน้าผาสูงของเทือกเขาพนมดงรัก ประมาณ 10 เมตร เป็นปราสาทจตุรมุข ตั้งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ผังของปราสาทเป็นรูปกากบาท ส่วนฐานต่ำ ส่วนล่างสุดก่อด้วยศิลาแลง ส่วนบนก่อด้วยศิลาทรายทั้งหมด หลังคาห้องครรภคฤหะ ซึ่งก็คือห้องบูชาด้านในสุดของโบสถ์พราหมณ์ อันเป็นที่ประดิษฐานมูรติซึ่งเป็นเทวรูปเทพเจ้าฮินดูประจำโบสถ์นั้นๆ ก่อเป็นทรงพุ่มยอดปรางค์ ซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไป 5 ชั้น ส่วนหลังคามุขก่อเป็นรูปประทุน จรดหน้าบันทั้ง 4 ด้าน ภายในห้องมีประติมากรรม ลักษณะคล้ายสวายยัมภูวลึงค์ 1 ชิ้น ทั้งยังเป็นปราสาทหินทรายองค์เดียวโดดๆ โดยสันนิษฐานว่าน่าจะอยู่ในราวช่วงรัชกาลพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ ถึงรัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ นั่นเอง

และนี่คือ 4 พื้นที่ ซึ่งทางกัมพูชาจะนำเรื่องขึ้นสู่ศาลโลก โดยคาดหวังว่าผลลัพธ์ของการตัดสินจะเป็นไปดังเช่นเขาพระวิหาร ที่กลายเป็นแรงส่่ง แรงผลักดัน และแรงใจของชาติขะแมร์

เครดิตภาพ : อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย https://portal.dnp.go.th/

                 :  วิกิพีเดีย https://th.wikipedia.org/

                 :  เพจ Wassana Nanuam

                 :  เพจ กองทัพภาคที่ 2

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ