fbpx

สุนทรียะแห่งการพักผ่อนที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความสวยงาม ภายใต้ธีม Au Soleil by Le Méridien

ท่ามกลางย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพมหานคร แน่นอนว่าชื่อของถนนสุรวงศ์ ต้องมาเป็นอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน  เพราะถนนเส้นนี้เชื่อมต่อกับถนนสายธุรกิจได้หลากหลายเส้นทาง และถึงแม้ว่าจะเป็นถนนสายสั้นๆ แต่ก็มีความสำคัญที่มีประวัติยาวนาน ทั้งยังเป็นที่ตั้งของกิจการร้านค้าทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่ ในยุคบุกเบิกรวมถึงอาคารสำนักงานต่าง ๆ และโรงแรมชื่อดังมากมากตลอดแนวถนน ซึ่งก็รวมถึง โรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพ  แห่งนี้ด้วย

โรงแรมแห่งนี้มีความโดดเด่นทั้งเรื่องโครงสร้าง การตกแต่ง และการบริการมาอย่างยาวนาน รองรับไลฟ์สไตล์นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาอย่างยาวนาน  และเมื่อเร็วนี้ได้ปรับรูปโฉมใหม่ให้ทันสมัยในสไตล์ french design ผสานเข้ากับวัฒนธรรมไทยเพื่อคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ที่โดดเด่นภายใต้ธีม Au Soleil เพื่อคอยต้อนรับนักเดินทางจากทั่วโลก

ด้วยคอนเซ็ปต์การรีโนเวท โรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพ  ครั้งนี้ หลังจากได้ปรับโฉมใหม่ที่ยกทุกระดับของความมีสไตล์ ให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย เน้นพื้นที่ใช้สอยที่สะดวกสบาย ภายใต้โทนสีขาวนวลตา เติมแต่งด้วยสีสันด้วยโทรสีธรรมชาติทั้งจากของตกแต่งและวัสดุจากเฟอร์นิเจอร์ที่จัดวางได้อย่างลงตัวในทุกพื้นที่ใช้สอยภายในโรงแรม ผลานเข้ากับเส้นสายของโครงสร้าง และ lighting design

ความประทับใจแรกเห็นนั้นเริ่มตั้งแต่โถงทางเดินด้านหน้าก่อนเข้าสู่ล็อบบี้โรงแรม มี “ไอ้จุด” งานศิลปะรูปปั้นหมาสีขาวขนาดยักษ์ ผลงานของคุณวศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ ศิลปิน ผู้ได้รับรางวัลศิลปาธร สาขาศิลปะการออกแบบประจำปี 2553 ยืนต้อนรับอย่างร่าเริง และเมื่อผ่านพ้นเข้าสู่ภายในโถงล็อบบี้สัมผัสได้ถึงความหรูหราทันสมัยด้วยการจัดของตแต่งและภาพประดับตามมุมต่างๆ ซึ่งเป็นงานศิลปะร่วมสมัย ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นเป็นกันเอง และการจัดวางสเปซยังให้ความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวอีกด้วย

สำหรับภายในห้องพักในแต่ห้องนั้นเน้นให้ความรู้สึกที่สดชื่นผ่อนคลาย ซึ่งการออกแบบคำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์ เป็นหลักพร้อมจัดวางอุปกรณ์เครื่องใช้ที่ทันสมัย เช่น โทรศัพท์ทัชสกรีน, สมาร์ททีวีจอ LED และลำโพงเชื่อมต่อด้วยบลูทูธ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์เพื่อการพักผ่อนโดยแท้  เติมเต็มด้วยโซฟานุ่มสบาย กระจกบานใหญ่สูงจากพื้นจดเพดาน โต๊ะทำงานที่มีขนาดยาวเป็นพิเศษพร้อมด้วยช่องต่อสายไฟเหมาะสำหรับนักเดินทางเพื่อธุรกิจ อ่างอาบน้ำที่แช่ได้ทั้งตัว พร้อมฝักบัวอาบน้ำที่แยกต่างหากเพื่อให้ความรู้สึกสงบสุขอย่างล้ำลึก ที่สำคัญสามารถชื่นชมวิวทิวทัศน์เมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจของกรุงเทพ ได้โดยรอบทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งมองเห็นตั้งแต่ถนนจนถึงท้องฟ้า เป็นภาพที่เชิญชวนสายตาให้ออกไปผจญภัยในเมืองได้อย่างดีทีเดียว

และต้องขอบอกว่านอกจากความลงตัวในการจัดวางพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพักแล้ว ความเก๋ไก๋ที่ต้องกล่าวถึงชนืดที่ลืมไม่ได้เด็ดขาด เพราะเป็นจุดที่สะท้อนถึงความเป็นไทย โดยเฉพาะวัฒนธรรมทางด้านภาษาที่สละสลวย นั้น คือ บทกลอนจากท่านสุนทรภู่บนผนังหัวเตียง เป็นบทกลอนที่มีความแตกต่างกันในทุกห้อง  เป็นอีกหนึ่งไอเดียเก๋ ในการตกแต่งผนังที่มีสีสันและเรื่องราวในคราวเดียวกันเลยทีเดียว

ในส่วนของห้องอาหารที่ Latitude 13 Indoor มีบริการของว่างในรูปแบบอะลาคาร์ท ทั้งเมนูท้องถิ่นและอาหารว่างแบบสากล รวมถึงอาหารที่สามารถแชร์กันได้ตลอดทั้งวัน โดยเมนูที่เป็นซิกเนเจอร์มีตั้งแต่ของหวานชวนลิ้มลองอย่างบอมโบโลนี ไปจนถึงอาหารคาวอย่างครอสทินี บาริสต้าคนสำคัญของห้อง ปรุงกาแฟแบบไนโตร โคลด์บรูว์ และคลาสสิก ทั้งยังจัดเตรียมเปิดพื้นที่ใหม่สำหรับผู้ที่พาสุนัขมาด้วยในส่วน Latitude 13 Outdoor เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้เพื่อนรักสี่ขาได้เข้าสังคมกับเพื่อนๆ ตัวอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

และที่พลาดไม่ได้เลยเพราะต้องยอมใจให้กับความเอร็ดอร่อยชุ่มฉ่ำลิ้นโดยแท้ ที่ Rolling Ribs Brew Bar & BBQ ที่ซึ่งต่อมรับรสจะถูกปรนเปรอด้วยซี่โครงย่าง หมูนุ่ม เนื้อวัวส่วนอก ไก่ย่าง และอื่นๆ อีกมาก พร้อมเครื่องเคียงที่มีให้เลือกหลากหลาย เช่นโคลด์สลอว์ และข้าวโพดปิ้งทั้งฝัก แกล้มด้วยเครื่องดื่มค็อกเทลซิกเนเจอร์ที่สั่งตรงจากไวด์เวสต์

ทั้งนี้ยังมีในส่วนของTempo บาร์ใหม่เอี่ยม ซึ่งมีมิกโซโลจิสต์ที่น้อมรับความเป็นญี่ปุ่น และใช้พืชผักสมุนไพรท้องถิ่น เพื่อรังสรรค์ค็อกเทล สำหรับที่ Latest Recipe ร้านอาหารนานาชาติเพื่อเพิ่มอรรถรสให้ทุกประสบการณ์ของการรับประทานอาหารด้วยโปรโมชั่นสุดห้ามใจถึง 2 แบบ “La Cantine” คือแนวใหม่สไตล์บราสเซอรีของร้านอาหารแห่งนี้ ที่ผู้รับประทานอาหารสามารถเข้ามาผ่อนคลายในระหว่างวัน กับเมนูอาหารยุโรปชวนน้ำลายสอ ตั้งแต่ราวิโอลีผักโขมชิ้นยักษ์ ทอร์เทลลีล็อบสเตอร์ ไปจนถึงซุปซีฟู้ดไวน์เมอร์โลต์ เนื้อวัวตุ๋น ปลากระพงย่าง และอีกมากมาย เลือกชุดเมนูอาหารกลางวัน 02, 03 หรือ 04 คอร์ส ได้ทุกวัน ตั้งแต่ 12:00 น. – 14:30 น. ในราคาที่จับต้องได้  ตัวเลือกสำหรับเมนูอะลาคาร์ตก็มีให้บริการเช่นกัน  จากนั้นในช่วงตอนค่ำ “Creative Hour” นำเสนอโปรแกรมเครื่องดื่มฟรีโฟลว์ 120 นาที และของว่างเบาๆ ที่หรูหรา ระหว่างเวลา 19:00 และ 22:00 น. ในราคาที่แสนคุ้ม

และด้วยแรงบันดาลใจจากธรรมเนียมที่รุ่มรวยของสปาในยุโรป โดยทาง SPA by Le Méridien ให้ความแตกต่างด้วยการตีความใหม่ เพื่อสะท้อนถึงวิถีอันลึกซึ้งของนักเดินทางระหว่างประเทศด้วยห้องทรีทเมนต์ 7 ห้อง ในรูปทรงวงกลมเพื่อเป็นตัวแทนของเส้นเมอริเดียน (เส้นแวง) ที่มอบพลังชีวิตให้ทุกทรีทเมนต์ เป็นการฟื้นฟูพลังธรรมชาติ เพื่อความกลมเกลียวของร่างกายและจิตใจ ซึ่ง SPA by Le Méridien แห่งนี้ได้รับการจัดอันดับอยู่ในระดับท็อปตลอดกาลของ Tripadvisor ทรีทเมนต์ที่ได้รับความนิยมเป็นที่ชื่นชอบที่สุด ได้แก่ การนวดน้ำมันแบบดิสคัฟเวอรี่ ในสไตล์ไทย-บาหลี

และการปรับโฉมครั้งนี้ยังได้ออกแบบในส่วนโซนออนเซ็นขึ้นมาเพื่อรองรับผู้ที่ชื่นชอบการแช่น้ำร้อนในสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งเป็นรูปแบบของออนเซ็นส่วนตัว โดยการออกแบบนั้นได้แรงบันดาลใจจากชีวิตในแม่น้ำเจ้าพระยา และชุมชนริมน้ำดั้งเดิมของประเทศไทย

สัมผัสสุนทรียะแห่งการพักผ่อนที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความสวยงาม ภายใต้ธีม Au Soleil by Le Méridien ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน รับประทานอาหาร จิบน้ำชายามบ่าย จิบเครื่องดื่มเบาๆ เคล้าเสียงเพลง หรือจะสปาทรีทเมนต์ รวมกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดอยู่ภายในพื้นที่ของ โรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพ ล้วนตอบโจทย์ของนิยามคำว่าพักผ่อนได้อย่างแท้จริง

เพิ่มเติมข้อมูลได้ที่ โรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพ โทร. 02 232 8888 อีเมล[email protected]    

เว็บไซต์:  www.lemeridienbangkoksurawong.com 

เฟซบุ๊ก:  www.facebook.com/LeMeridienBangkok

Line:   @lemeridienbangkok

โรงแรมตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ ล้อมรอบไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และชีวิตยามราตรีของย่านสีลม เข้าถึงได้ง่ายด้วยสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีศาลาแดง และรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีสามย่าน โรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพ ช่วยให้แขกได้อยู่ท่ามกลางแหล่งกิจกรรมที่หลากหลาย โรงแรมมีความสะดวกในการเข้าถึงสถานที่ต่างๆ ที่นักเดินทางห้ามพลาดในการไปเยี่ยมเยือน เช่น

 ย่านเยาวราช เดินทางด้วยรถยนต์เพียง 10 นาที หรือ 4 นาที โดยรถไฟใต้ดิน ไปยังสถานีวัดมังกร

 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เดินทางด้วยรถยนต์ 11 นาที หรือ 4 นาที โดยรถไฟฟ้าบีทีเอส ไปยังสถานีสยาม

 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เดินทางด้วยรถยนต์ 13 นาที หรือ 5 นาที โดยรถไฟฟ้าบีทีเอส ไปยังสถานีชิดลม

 ศูนย์การค้ามาบุญครอง เดินทางด้วยรถยนต์ 7 นาที หรือ 6 นาที โดยรถไฟฟ้าบีทีเอส ไปยังสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ

 ตลาดนัดจตุจักร เดินทางด้วยรถยนต์ 45 นาที หรือ 19 นาที โดยรถไฟฟ้าบีทีเอส ไปยังสถานีหมอชิต

 ตลาดกลางคืนพัฒน์พงษ์ ใช้เวลาเดินเพียง 1 นาที

 ธนิยะพลาซ่า ศูนย์กลางอุปกรณ์กีฬากอล์ฟที่ใหญ่ที่สุด ใช้เวลาเดินเพียง 6 นาที

 ทางด่วนพระราม 4 เดินทางด้วยรถยนต์ 15 นาที ซึ่งสามารถไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิได้ภายใน 30 – 60 นาที (ขึ้นอยู่กับการจราจร)

เมื่อกรุงเทพฯ เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วในขณะนี้ โดยไม่มีข้อจำกัดทางการเดินทาง แขกสามารถพบห้องพักที่ปรับปรุงใหม่พร้อมคอนเซปต์การรับประทานอาหารที่ได้แรงบันดาลใจจากประเพณีเก่าแก่ของกรุงเทพฯ วัฒนธรรมที่เพียบพร้อมด้วยศิลปะ และบรรยากาศที่แสนคึกคักของเมืองหลวง

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ