‘Art Toy: ไปต่อ หรือพอแค่นี้?’
เมื่อพูดกันถึงเรื่องของ ‘ของสะสม’ แล้วนั้น แน่นอนว่าตัวผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่งๆ ย่อมมีมูลค่าตามต้นทุนในการผลิต แต่มูลค่า ‘เสริม’ ที่จะเพิ่มเติมเข้ามานั้น เกิดจากกระแสความนิยม การสั่งสมตามระยะเวลา และการให้คุณค่าจากกลุ่มแวดวงผู้ที่มีความต้องการ แปรผันเปลี่ยนแปลงไปไม่มีที่สิ้นสุด จนอาจจะกล่าวได้ว่า ตลาดของสะสม เป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากจะคำนวณหาความแน่นอนได้โดยง่าย
และประเด็นเกี่ยวกับของสะสมอย่าง ‘Art Toy’ ที่กำลังเป็นที่นิยมติดตลาดอยู่ในตอนนี้ ก็มีการกล่าวถึงความกังขา ว่าตลาดที่ดูเฟื่องฟูเป็นที่ต้องการ กำลังก้าวเข้าสู่ ‘ขาลง’ แล้วหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่น่าคิด น่าติดตาม และน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
Art Toy โดยธรรมชาติของตัวสินค้า มีความพิเศษอันเป็นลักษณะเฉพาะอยู่ไม่น้อย ทั้งในแง่การผลิตที่มีจำนวนจำกัด การออกแบบโดยดีไซน์เนอร์หลากหลายเจ้า และการ ‘สวิงขึ้นลง’ ของราคา ที่ทำให้ตลาดสินค้าของสะสมประเภทนี้ ทวีความน่าสนใจ และมีผู้ที่กระโดดเข้ามาสู่แวดวงมากขึ้นตามระยะเวลาที่ผ่านไปในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา
ในแง่หนึ่ง Art Toy ไม่ได้เป็นการผลิตในเชิงอุตสาหกรรมขนาดหนัก ไม่ได้มีการสร้างออกมาเป็นจำนวนมาก และใส่เอกลักษณ์ของผู้ออกแบบไป ทำให้มันค่อนข้าง ‘ง่าย’ ที่ศิลปินที่มีฝีมือ จะสร้างสินค้า Art Toy ออกมาสักรุ่นหนึ่ง เพื่อเป็นอีกแนวทางในการเพิ่มมูลค่าของแฟรนไชส์งานออกแบบของตัวเอง
แน่นอนว่า Art Toy นั้นไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสองถึงสามปี แต่มันผ่านการสร้าง ผ่านตลาดสินค้า และผ่านการผลิตมาอย่างยาวนานนับเกือบสามทศวรรษ มีการเข้ามา มีการจากไป และมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ของประเภทสินค้านี้ รวมถึงราคาตามตลาดที่ขึ้นลง ตามกระแสความต้องการของ Art Toy ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วง
ในปัจจุบัน สินค้า Art Toy แบรนด์ที่ฮิตติดตลาดอย่างเช่น CryBaby, FatLane17, Popart หรือแม้แต่ Mamuang กำลังได้รับความนิยมในหมู่นักสะสม และผู้ค้าขายที่เก็งกำไรเพื่อปล่อยออกไปเป็นอย่างมาก ด้วยการผลิตที่จำกัด ทำให้แต่ละชิ้น มีมูลค่าที่สูงยิ่ง อาจจะไต่ไปถึงระดับ 1000-10000 บาท ขึ้นกับระดับความหายากและคอลเลคชันของแต่ละรุ่น
กลับมาที่คำถามสำคัญที่ว่า ตลาด Art Toy ถึงจุดอิ่มตัวแล้วหรือไม่ ควรจะไปต่อ หรือพอแค่นี้ แต่อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้าข้างต้น Art Toy คือสินค้าสำหรับการสะสมที่ดำรงตนอยู่มาเกือบสามทศวรรษ มีการขึ้นลงของราคา ผันแปรไปตามแต่ละช่วง นั่นทำให้การจากไปของ Art Toy อย่างถาวร ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้โดยง่าย เพราะระดับความต้องการ และความนิยม สามารถเกิดขึ้นได้ จากการพูดคุยกันปากต่อปาก การกำหนดความหายาก และกระแสสังคมในแต่ละช่วงนั้นๆ
กระนั้นแล้ว เราก็ต้องไม่ลืมความจริงที่ว่า ตลาดของสะสม มีความผันผวนสูง การเก็งกำไรสินค้า Art Toy รุ่นหายาก แล้วคาดหวังว่าราคาจะไต่ขึ้นไปอย่างคงที่ เป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล และนั่น ทำให้สินค้าเพื่อการสะสมอย่าง Art Toy ไม่ใช่แนวทางการลงทุนที่ยั่งยืน หรือมั่นคงนัก หากพิจารณาถึงธรรมชาติความนิยมที่มีต่อตัวสินค้าที่สามารถขึ้นลงได้อย่างไม่จำกัด
แต่ในปัจจุบัน ก็น่าจะกล่าวได้ว่า Art Toy ยังคงอยู่ในกระแส ‘นิ่ง’ ในระนาบสูง พิจารณาจากแถวของผู้คนที่ทอดไปอย่างยาวเหยียดหน้าร้าน Popart, ร้านขายสินค้าสะสม Art Toy ที่ทยอยเปิดตัวกันอย่างล้นหลาม ถ้าคุณเป็นผู้หนึ่งที่อยากจะมีของสะสมที่น่ารักและมีเอกลักษณ์ทางการออกแบบ และ ‘อาจจะ’ มีมูลค่าที่สูงในอนาคต (โดยดูจากความน่าจะเป็น) Art Toy ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ไม่ยากเย็นอะไร
มันจะยังคง ‘ไปต่อ’ อย่างเรียบเรื่อย รุนแรง ซบเซา แต่มันจะไม่ถึงจุดที่ต้อง ‘พอแค่นี้’ ตราบเท่าที่ผู้คนยังให้คุณค่ากับการสะสมสิ่งของที่มีคุณค่า ไม่ว่าจะด้วยมูลค่าเงิน หรือทางจิตใจก็ตาม