fbpx

All about ‘Estonia’: ดินแดนไอที จอมทฤษฏี และความเป็น ‘ส่วนตัว’ ที่ไม่เหมือนใคร

ในบรรดาประเทศเกิดใหม่แถบยุโรปตะวันออก ที่แยกตัวออกมาจากการแตกสลายของสหภาพโซเวียต และการจบสิ้นของสงครามเย็นและพังทลายของกำแพงเบอร์ลินนั้น ชื่อของ ‘เอสโตเนีย’ น่าจะเป็นหนึ่งในดินแดนที่กำลังมาแรงและเป็นที่กล่าวถึงที่สุดในชั่วโมงนี้ จากหลายเหตุผล และปัจจัยประกอบกัน

ประเทศขนาดเล็ก จำนวนประชากรไม่มาก พื้นที่ย่อมเยาพอเดินทางทั่วได้ในหนึ่งวัน สามารถสร้างตัวตนและพละกำลังทางเศรษฐกิจด้วยการประยุกต์และโอบรับเทคโนโลยีสารสนเทศหรือ IT เข้าเป็นกระดูกสันหลัง พัฒนาให้ประชากรรุ่นใหม่มีความเป็น ‘Technology Native’ และ ‘Global Citizen’ ที่พร้อมออกไปสู่และสู้กับตลาดโลกได้อย่างเท่าทัน ท่วงที และอาจหาญ พร้อมสาธารณูปโภคพื้นฐานที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ล้ำหน้า มีความเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ  

ผลผลิตมวลรวมประชาชาติของเอสโตเนีย จากการวางรากฐานในอดีต เพียงระยะเวลาสองทศวรรษ ออกดอกผลสมใจหมาย กลายเป็นหนึ่งในกำลังขับเคลื่อนและที่หมายสำคัญของเหล่านักลงทุน ผู้ประกอบการ และธุรกิจไอทีขนาดย่อม เพราะขอแค่เพียงมีบริษัทที่เป็นตัวเป็นตน การจดทะเบียน ‘ประชาชนไซเบอร์’ หรือ ‘e-Estonia’ ด้วยชุดสำเร็จ ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ต้องมีสถานที่ตั้งในประเทศก็ยังไหว เป็นใครก็จ้องมองประเทศเกิดใหม่นี้ตาเป็นมัน

แต่ในอีกด้านหนึ่ง … เอสโตเนียก็ยังคงบุคลิก และเอกลักษณ์ของความเป็นชาติ ‘ยุโรปตะวันออก’ ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน จนหลายครั้ง แตกต่างจากภาพที่แสดงให้เห็น และทำให้ผู้ไปเยือน เกิดอาการ ‘Culture Shock’ กันได้ง่ายๆ

‘สิ้นสุดการเฝ้าระวัง COVID-19 ด้วยการเว้นระยะห่าง 1.5 เมตร คนเอสโตเนียแสนดีใจ …. เพราะจะได้กลับไปห่างกัน 3 เมตรเหมือนเดิม’

นี่คือมุกตลกที่สะท้อนถึงความ ‘Introvert’ หรือการรักความเป็นส่วนตัวของคนเอสโตเนียโดยเฉลี่ยได้เป็นอย่างดี อาจจะด้วยความที่เคยเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ความกร้าวแกร่งในแววตาและจิตวิญญาณของคนเอสโตเนีย ยังคงแจ่มชัด และรสขมรอยบากจากการอยู่ในปกครองของโซเวียต ยังคงอยู่ในการจดจำ

คนเอสโตเนียไม่เรื่องมาก ชัดเจน ทำทุกอย่างกระชับ ตรงไปตรงมา ไม่เยิ่นเย้อพิรี้พิไรจำนรรจา แม้ว่ามันจะเป็นกิจทางการ พูดความต้องการของตนให้ชัด สื่อสารไปให้ครบถ้วน มีอะไรไม่พอใจ คุยปรับความเข้าใจ แล้วจบ บ้างก็ว่าคนเอสโตเนียนั้นพูดน้อย แม้กับคนที่สนิทที่สุด พวกเขารักความเป็นส่วนตัว และการคิดคำนึงกับตนเองเหนือสิ่งอื่นใด

แต่ในด้านที่ดูเหมือนจะเย็นชา ก็ยังมีความตลกร้าย และมุกแบบทันสมัยสไตล์ ‘Social Media’ อยู่ไม่น้อย ล่าสุด Kaja Kallas  นายกรัฐมนตรีหญิงแห่งเอสโตเนีย ถึงกับเอาภาพหมาชิบะใส่วิกผม ขึ้นเป็นโปรไฟล์ในทวิตเตอร์ เพื่อกล่าวขอบคุณความช่วยเหลือของกลุ่ม NAFO (North Atlantic Fellas Organization) กลุ่มคนอินเตอร์เน็ทและแฮคเกอร์ White Hat ที่ร่วมต่อต้านข่าวสารและโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซีย ที่กำลังก่อสงครามกับยูเครนในขณะนี้

แน่ล่ะ… นี่เป็นการประกาศอย่างย่อมๆ ไปในตัว ว่าเอสโตเนีย อดีตดินแดนที่เคยเป็นแหล่งอุตสาหกรรมใต้อาณัติของโซเวียต ซาบซึ้งในวีรกรรมของรัสเซียในยุคเก่าก่อนขนาดไหน และปฏิญาณว่าจะไม่กลับไป ‘ต่อคิวเข้าแถวรอขนมปัง’ อีก แสบๆ คันๆ ในแบบเอสโตเนียเช่นนี้ล่ะ

โดยรวมแล้ว เอสโตเนียเป็นประเทศเกิดใหม่ที่ค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อย ด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมจากยุคเก่าก่อนที่หลงเหลือมาจนถึงปัจจุบันที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ความปลอดภัยในการใช้ชีวิต และความทันสมัยกับสาธารณูปโภคที่ใช้ภาษีอย่างคุ้มค่า มันคือตัวอย่างของประเทศคุณภาพ กับประชากรคุณภาพ ที่ไม่ได้ยึดติดกับกรอบกำหนดหรือรูปแบบเดิมๆ และพร้อมจะประกาศความเป็นตัวเองบนเวทีโลกได้อย่างภาคภูมิ

หรืออย่างน้อยที่สุด สิ่งที่ดีสำหรับคนเอสโตเนีย ถ้าพูดเป็นภาษาชาวบ้านฟังง่ายเข้าใจชัดเจนคือ พวกเขาค่อนข้างจะมีประสิทธิภาพ ใส่ใจกับเรื่องของตัวเองเป็นหลัก และ ‘ไม่ขี้เสือก’ จนเกินงาม ซึ่งค่อนข้างหาได้ยาก ในโลกที่ทุกคนพร้อมจะยุ่งเรื่องชาวบ้าน และรุกรานในทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ส่วนตัว พื้นที่สาธารณะ พื้นที่ทางความคิด จนถึงพื้นที่พิพาทระหว่างประเทศนั่นล่ะ

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ