fbpx

Aging Society มีเงินเท่าไรถึงจะพอ เราควรรู้เรื่องนี้ ก่อนสายเกินแก้

เรื่อง: กองบรรณาธิการ GM Live

ด้วยความที่ช่วงอายุตั้งแต่เลขห้าขึ้นไป เป็นวัยที่เป็นช่วงท้ายๆ ของชีวิตแล้ว มันตกผลึกเห็นชัดเลยว่าทุกอย่างในชีวิต มันคือส่วนเกินทั้งนั้น ลองคิดดูให้ดี ถ้าต้องเป็นหนี้ไปตลอดชีวิต ภาระผูกพันต้องผ่อน 20-30 ปี ผ่อนเท่าไรก็ไม่หมดไม่จบไม่สิ้น แล้วถ้าเกิดเหตุอาเภท ตกงานเข้าอีก จะทำอย่างไร

จนท้ายที่สุด คำว่าพอเพียง อย่าใช้เงินเกินตัว อย่าเอาเงินในอนาคตมาใช้ เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ก็ดูจะเป็นวิถีทางรอดในวัยเกษียณไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อย่าสร้างหนี้สร้างภาระ เป็นคำตอบที่ดีที่สุดของคำว่าอิสระทางการเงิน

แนะนำให้เก็บเงินให้ได้มากที่สุด  หักไปเป็นส่วนเงินออมเลยจะกี่ % ก็ว่ากันไป อย่างน้อยต้องได้ 10-20% ใครไปได้ถึง 50% ยิ่งดี ยิ่งมากยิ่งปลอดภัย หักก่อนใช้จ่าย ไม่ใช่ใช้จ่ายจนแทบจะหมดแล้วค่อยเหลือเก็บ ซึ่งในที่สุดมันจะไม่เหลืออะไร ใช้เงินหมดเดือนชนเดือน

มีข้อแม้คืออย่าเก็บเป็นเงินสดทั้งหมด เพราะเงินมันด้อยค่าลงทุกวัน ควรแบ่งเอาไปลงทุน ซื้อประกันบำนาญ และก้อนที่สำคัญเพื่อความมั่นคงที่สุด คือคุณต้องซื้อทองสะสมไปเรื่อยๆ มีเวลาทำงาน 30 ปี ควรซื้อปีละ 4-7 บาทเป็นอย่างน้อย  เก็บไปเรื่อยๆ ห้ามขายเด็ดขาด

ต้องมีทองคำแท่ง ให้ได้อย่างน้อย 100 บาท ถ้าจะให้ดีจริงๆ คือต้องมี 200 บาท เพราะทอง 1 บาท มันสะท้อนค่าครองชีพต่อเดือนในช่วงเวลานั้นๆ อยู่แบบสบายๆ กินดีอยู่ดีพอสมควร ตอนนี้ทองบาทละ 4 หมื่นกว่า อีก 10 ปีขึ้นไปเท่าไรไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คือเอาไปขาย 1 บาท ก็แลกเป็นเงินสด เอามาใช้จ่าย ใช้ชีวิตอยู่ได้ 1 เดือนอย่างแน่นอน

กลับกัน วันนี้เอาเงินไปฝากธนาคาร 4 หมื่น อีก 10 ปีข้างหน้า ดอกทบไปทบมาเต็มที่ก็ 5-6 หมื่น แล้วมันจะพอกินถึง 1 เดือนหรือเปล่า ไม่มีใครตอบได้ แต่จากสถิติรับรองว่าไม่พอ

ในอนาคตเงินจะเฟ้อยังไง ด้อยค่ายังไงก็ตาม ทอง 1 บาท ยังไงก็อยู่ได้ 1 เดือน คุณมีทอง 100 บาท คุณจะมีชีวิตอยู่ได้อีก 100 เดือน 200 บาทก็ 200 เดือน

ถ้ากินอยู่อย่างประหยัด ขายทองกินเดือนละ 2 สลึง ก็จะยืดเวลาการมีชีวิตออกไปได้ 2 เท่า หรือ 200-400 เดือน เกษียณ 60 ยังไงก็ไม่อดตาย อยู่ได้สบายๆ จนอายุถึงเกือบ 100 ปี น่าจะพอนะ

ผมโชคดี คิดเรื่องนี้ได้ตั้งแต่อายุ 30 ไม่มีหนี้ มีอิสระทางการเงินมานานมากแล้ว ไม่เคยเป็นหนี้ ทุกอย่างในชีวิตออกแบบ วางแผนไว้หมดแล้ว

ขี่จักรยานไปทำงานเป็น 10 ปี ไม่ต้องซื้อรถใหม่ ในช่วงเวลา 30 ปี ประหยัดไปหลายล้านบาท ยังมีพาสสีฟอินคัม จากประกันบำนาญ ประกันสังคม ปันผลจากหุ้น ค่าเช่าอสังหา และแน่นอนที่สุด มีทองแท่งเป็นหลักประกัน อยู่ได้โดยไม่ต้องใช้เงินเก็บสักบาทถึงอายุ 90 ปี

ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาล ก็ต้องวางแผนให้ดี ควรมีประกันสุขภาพ จ่ายเท่าที่ไหว ถ้าไม่ไหวก็ซื้อแบบเจอจ่ายจบ ได้เงินก้อนมารักษาตัว ลดภาระไปได้ในระดับหนึ่ง ถ้าใช้คู่กับบัตรทอง ใช้บริการภาครัฐก็ยิ่งประหยัด แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความสะดวกสบาย คิวที่ยาว คนป่วยในยุคเอจจิ้งที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เรื่องค่าใช้จ่ายประจำที่ต้องจ่ายแน่ๆ ก็วางแผนมานานละ โดยเฉพาะค่าไฟ ก็ออกแบบบ้าน ห้องนั่งเล่น  ห้องนอนให้เล็กที่สุด ห้องนอนผมแค่ 6 ตรม. วางที่นอนก็เต็มแล้ว ใช้แอร์ตัวเล็กสุด เมื่อก่อนมีแอร์ 7 พันบีทียูขายก็ติด 7 พัน เปิดอุณหภูมิ 27-29 องศา ใครบ่นค่าไฟแพง บ้านผมค่าไฟ 300-500 บาทมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว

ค่ากิน ค่าเดินทางประจำวันยิ่งเหลือๆ ถ้าไปคนเดียวก็นั่งรถเมล์ และเดินเป็นประจำ ใช้รถให้น้อยที่สุด ผลคือมีเงินเหลือๆ ไปเที่ยวได้ จะกินอะไรก็ได้ จะทำอะไรก็ได้สบายๆ

สังคมผู้สูงวัยเรื่องใกล้ตัว มาเร็วอย่างกับจรวด ผ่านไปไม่นานเราก็กลายเป็นคนแก่ที่ไม่มีรายได้แล้ว ถ้าไม่วางแผน ปรับวิถีการใช้ชีวิตตั้งแต่วันนี้ พอถึงวันนั้นคุณอาจจะต้องเอ่ยคำว่า ‘รู้อะไร ไม่เท่ารู้งี้’ พร้อมถอนหายใจแรงๆ ออกมา

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ