World Expo 2025 : Designing Future Society for Our Lives “ออกแบบสังคมอนาคต เพื่อชีวิตคนเรา”
Thailand Pavilion World Expo 2025
จากกระแสวิพากย์ Thailand Pavilion World Expo 2025 ทำให้ GM Live อดตั้งคำถามไม่ได้ว่า ของไทยเราดูแย่ขนาดนั้นเลยหรือ ? จนได้มีโอกาสไปเห็นกับตาเนื้อตัวเอง คำตอบพลันบังเกิด ของไทยเราก็ไม่ได้แย่อย่างที่เป็น กระแส มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจต่อคิวเข้าชมงานอย่างต่อเนื่อง

ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนนั้น การจัดนิทรรศการภายในไทยแลนด์พาวิลเลียนของเราอาจจะอ่อนด้อยในส่วนของการเล่าเรื่อง (Story telling) แต่ก็ขายของได้ตรงจุดตามคอนเซ็ปต์ “ภูมิคุ้มกัน” ให้โลกรู้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศแห่งการกินดี อยู่ดี มีภูมิคุ้มกัน รวมถึงการแสดงโชว์ที่ให้ความสำคัญกับการมีปฎิสัมพันธ์ต่อผู้มาเยือน ด้วยคำไทย4 ประโยค สวัสดี ขอบคุณ ไม่เป็นไร และสบาย สบาย

งานมหกรรมโลก (World Exposition) หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่างาน Expo เป็นงานแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและมีการจัดมายาวนานถึงปีนี้ พ.ศ. 2568 (ค.ศ. 2025) ก็ 174 ปีแล้ว โดยจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2394 (ค.ศ. 1851) ณ คริสตัล พาเลซ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ต่อมามีการจัดงานในทุก ๆ 5 ปี ซึ่งมีระยะเวลาในการจัดงานประมาณ 6เดือน โดยหมุนเวียนประเทศเจ้าภาพในหมู่ภาคีสมาชิกทั้งยุโรป อเมริกา และเอเชีย

ทั้งนี้งานมหกรรมโลกถือเป็นเวทีที่แสดงศักยภาพทางความคิดสร้างสรรค์ ที่การนำเสนอนวัตกรรม และความเจริญก้าวหน้าทางศิลปวิทยาการจากนานาประเทศ พร้อมเปิดโอกาสให้ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ เรียนรู้พัฒนาการศาสตร์แขนงต่างๆ รวมถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ตลอดจนภูมิปัญญาท้องถิ่น มรดกทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

สำหรับแนวคิดในการจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2025 (World Expo 2025) ครั้งนี้ คือ “ออกแบบสังคมอนาคต เพื่อชีวิตคนเรา” (Designing Future Society for Our Lives) จัดขึ้นที่ที่นครโอซากะ (Osaka) ประเทศญี่ปุ่น เป็นระยะเวลา 6เดือน เริ่มตั้งแต่ 13 เมษายน ถึง 13 ตุลาคม 2025 รวมทั้งสิ้น 184 วัน โดยใช้พื้นที่เกาะยูเมะชิมะ ซึ่งเป็นเกาะเทียมที่เกิดจากการถมทะเลบริเวณปากแม่น้ำโยโดะ ใช้พื้นที่จัดงานทั้งสิ้น 970 ไร่ และนับเป็นครั้งที่สามที่นครโอซากะได้เป็นเจ้าภาพ หลังเคยจัดมาแล้วสองครั้งในปีพ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) และ พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990)

บรรยากาศภายในงานโดยรอบบอกได้เลยว่าอลังการกับสถาปัตยกรรมของพาวิลเลียนแต่ละประเทศมากๆ โดยเฉพาะของประเทศซาอุดิอาระเบีย เจ้าภาพเวิลด์เอ็กซ์โป 2030ครั้งต่อไปในอีก 5 ปีช้างหน้า (พ.ศ.2573/ค.ศ. 2030) ซึ่งได้รับการออกแบบโดยสตูดิโอสถาปัตยกรรมอังกฤษFoster+Partners ภายใต้คอนเว็ปต์ Towards the Next Frontier สู่พรมแดนใหม่ของอนาคต

พาวิลเลียนจีนก็สวย ด้วยการการออกแบบทางสถาปัตยกรรมที่ได้แรงบันดาลใจจากม้วนซีกไม้เขียนพู่กันจีนแบบดั้งเดิม พร้อมนำเสนอแนวคิด “การสร้างประชาคมชีวิตมนุษย์และธรรมชาติ สังคมอนาคตแห่งการพัฒนาสีเขียว”
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศโดดเด่นมีผู้เข้าชมต่อคิวยาว ถ้าจะให้กล่าวถึงก็คงจะยือเยื้อเกินไป GM Live นำเสนอด้วยภาพแทนดูจะเหมาะสมกว่า

ในส่วนของไทยแลนด์พาวิลเลียน นั้น จัดสร้างในโซน Connecting Live ภายใต้ธีม “THAILAND Connecting Lives for Greatest Happiness ” สร้างสรรค์ชีวิตเพื่อความสุข ที่ยิ่งใหญ่ ผ่านอาคารจัดแสดงนิทรรศการ “วิมานไทย (VIMANA THAI)” ที่นำเสนออัตลักษณ์ความเป็นไทยผ่านภูมิปัญญาท้องถิ่นและนวัตกรรมที่มีรากฐานมาจาก ภูมิปัญญาไทยในแนวคิด “SMILE” ตั้งอยู่ระหว่างประเทศตุรกีและประเทศสปน แค่เห็นก็รู้เลยว่านี้แหละ ไทยแลนด์พาวิลเลียน เพราะภาพลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมภายใต้อาคารหลังคาทรงจั่วที่มีเพียงครึ่งเดียว แต่เพิ่มลูกเล่นด้วยผนังกระจกบานใหญ่สะท้อนมุมมองให้เห็นหน้าจั่วแบบเต็มองค์ประกอบ ออกแบบโดย บริษัท สถาปนิก 49 หรือ A49 (ARCHITECTS 49 LIMITED) ภายใต้แนวคิดหลัก “ภูมิพิมาน ดินแดนแห่งภูมิคุ้มกัน” เชื่อมต่อชาวโลกให้เข้าถึงภูมิปัญญา และอัตลักษณ์แบบไทยผ่านบรรยากาศของดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากร และวิถีของผู้คนที่ช่วยสร้างภูมิให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ เป็นการแสดงศักยภาพของประเทศตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ที่ทำให้ประเทศไทยเชื่อมโยงกับทั่วโลกได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืนในอนาคต

และเมื่อWorld Expo 2025 Osaka Kansai ได้กำหนดแนวทางการนำเสนอภายใต้แนวคิดหลัก “Designing Future Society For Our Live” เพื่อเป้าหมายชีวิตที่มีความสุขและสุขภาพดี ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาประเทศไทย ในการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ หรือMedical Hub จึงแบ่งออกเป็น 3 แนวคิดย่อย ได้แก่ Saving Live , Empowering Live และConnecting Live
โดยวางธีมของExhibitionด้วยการนำเสนอภายใต้แนวคิด “ภูมิคุ้มกัน” รวมไว้ซึ่งภูมิแบบไทยในแบบต่าง ๆ ทั้งภูมิจากธรรมชาติ ภูมิจากวิถี วัฒนธรรม นวัตกรรม จนถึงภูมิคุ้มกันจากศักยภาพและความพร้อม ด้านสาธารณสุข เพื่อให้ชาวโลกรู้ว่าประเทศไทยมีดีที่ “ภูมิ” เป็นประเทศแห่งการกินดี อยู่ดี มีภูมิคุ้มกัน

ภูมิวิถี (Thai Wisdom) : 1 หมุดหมายสุขภาพโลก
10 มนต์เสน่ห์ของประเทศไทย

ภูมิคุ้มกัน (Thai Medical and Wellness Hub) : 100 ศักยภาพสาธารณสุขไทย
1,000 สถานบริการทางการแพทย์
10,000 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ

ภูมิสยาม Thai Living Lab : 100,000 ผลิตภัณฑ์สร้างภูมิคุ้มกัน
1,000,000 รอยยิ้มแห่งความประทับใจ
โดยด้านหน้าของไทยแลนด์พาวิลเลียนมีประติมากรรมในรูปลักษณ์“เฉลว” ที่สื่อถึงความเป็น1 หมุดหมายสุขภาพโลก THAI SYMBOL OF CARE สำหรับเฉลวนี้ เป็นเหมือนยันต์ศักดิ์สิทธิ์รูปทรงไม้จักสาน ที่นำมาปักหม้อยาเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้อยู่ห่างจากยาที่ปรุงไว้ เป็นความเชื่อที่ผสมผสานระหว่างความรู้ทางการแพทย์แผนไทย ศาสนา และปรัชญาการดำเนินชีวิตที่สืบต่อกันมาเป็นเวลานานซึ่งสัญลักษณ์แทนความใส่ใจในชีวิตและสุขภาพ

ส่วนหนึ่งของด้านหน้าอาคารเป็นเวทีการแสดง ที่สลับสับเปลี่ยนมาโชว์ความสวยงามของศิลปะ วัฒนธรรมไทย ในขณะที่พื้นที่ส่วนตรงข้ามเวทีจัดวางช้าง สัตว์ประจำชาติไทย เป็นช้างไม้รูปทรงสมส่วนสวยงาม เพื่อเป็นการนำสายตาไปสู่ตัวพาวิลเลียน ซึ่งองค์ประกอบอัตลักษณ์อาคารไทยแลนด์พาวิลเลียนนี้ เปรียบเสมือนดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์ ของการกินดี อยู่ดี มีภูมิคุ้มกัน ผ่าน 2 อัตลักษณ์ ช้าง ตัวแทนความอุดมสมบูรณ์ ไม้ ตัวแทนแห่งการประยุกต์ใช้ทรัพยากรในประเทศด้วยภูมิปัญญา
ภายในอาคารแบ่งออกเป็น 4 โซนหลัก ได้แก่ โถงต้อนรับบอกเล่าถึงมนต์เสน่ห์ของประเทศไทย โดยมีเจ้าหน้าที่คนไทยให้การต้อนรับพร้อมให้คำแนะนำพูดคุยถึงจุดที่น่าสนใจต่างๆ ผ่านผนังจอLED ที่มีลักษณะคล้ายจิตกรรมฝาผนัง รวมถึง 4ประโยคคำพูดที่คุ้นหูชาวต่างชาติเป็นอย่างดี ได้แก่ สวัสดี ขอบคุณ ไม่เป็นไร และสบาย สบาย เป็นเสมือนการเกริ่นนำไปสู่โถงส่วนที่ 2



ส่วนที่ 2 เป็นห้องฉายภาพยนต์มัลติมีเดีย บอกเล่าถึง 10มนต์เสน่ห์ของประเทศไทย รวมไว้ซึ่งภูมิวิธีแบบไทย ๆ ทั้งวิถีการอยู่กับ ธรรมชาติ การกินตามฤดูกาล รวมไปถึงแง่งามของวัฒนธรรม ประเพณี รวมถึงยิ้มสยาม ที่เป็นเอกลักษณ์ที่ทั่วโลกยอมรับและคุ้นเคย ห้องนี้มีเจ้าหน้าที่ออกมารวมแสดงสร้างปฎิสัมพันธ์กับผู้มาเยี่ยมชม สร้างความสนุกสนานและเป็นกันเองได้มากทีเดียว

ส่วนที่ 3 เป็นส่วนของห้องจัดแสดงนิทรรศการ interactive ทั้ง ภูมิคุ้มกัน (Thai Medical and Wellness Hub) 100 ศักยภาพสาธารณสุขไทย เริ่มจากการมีระบบสาธารณสุข นำไปสู่การสร้างระบบสุขภาพที่ดี รวมถึงความร่วมมือที่ดีระหว่างหน่วยงานทางการแพทย์ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมยกระดับการแพทย์ด้วยโครงการต่าง ๆ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ

1,000 สถานบริการทางการแพทย์ ตอบรับคนทั้งโลก ครอบคลุมการรักษา การพักฟื้น ตลอดจนการพักผ่อนระยะยาวที่ได้มาตราฐานสากล สู่การเป็นดินเเดนเป้าหมายสุขภาพดี ที่สามารถตอบสนองทุกความต้องการทางด้านสุขภาพ รวมถึงรองรับสังคมที่ก้าวต่อไปในอนาคต

10,000 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ รังสรรค์อาหารจากความหลากหลายของวัตถุดิบ และทรัพยากรในประเทศ สู่การเป็นเมนูสุขภาพที่อร่อยติดอันดับโลก พร้อมจัดสรรขึ้นเป็นสำรับที่ครบรสชาติ และสร้างสรรค์ต่อยอดเป็นเมนูฟิวชั่น ที่ผสมผสานรสชาติไทย และโลกไว้ด้วยกัน
เรียกว่าห้องนี้จัดแสดงตรงกับคอนเซ็ปต์ของไทยที่วางไว้ มีการเล่าเรื่องถึงการพัฒนาการแพทย์แผนไทยจากอดีตไปสู่อนาคต พร้อมนำแสดงโปรดักส์ต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการแพทย์และสาธารณะสุขที่ดี ไม่ว่าจะเป็นวัสดุที่จะนำมาใช้ในอนาคต ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่สกัดจากสมุนไพรไทยผ่านนวตกรรมสู่การเป็นผลิตภัณ์คุณภาพที่ไม่ใช้เพื่อการรักษาเพียงอย่างเดียวแต่เป็นการป้องกันอีกด้วย

ส่วนที่ 4 เป็นส่วนที่โชว์ Future Food และ Live kitchen เป็นการเข้าถึงภูมิแบบไทย ผ่านห้องทดลองวิถีไทย
ลองลิ้มชิมรสกัยเมนูอาหารไทยอย่างสัมตำ ต้มยำ ข้าวซอย ฯลฯ พร้อมเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกก็สามารถเข้าถึงภูมิแบบไทย ๆ ได้ รวมทั้ง100,000 ผลิตภัณฑ์สร้างภูมิคุ้มกันบำบัดกาย-ใจ ในส่วนพื้นที่แห่งการทดลองสร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์ภูมิคุ้มกัน พร้อมจำหน่ายสินค้าสุขภาพดี เพื่อส่งต่อภูมิคุ้มกันไทย ให้พร้อมเสริมภูมิคุ้มกันโลก
โดยในส่วนพื้นที่แห่งการทดลองสร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์ภูมิคุ้มกัน มีมุมเกียวกับกิจกรรมที่สลับปรับเปลี่ยนไปตามแพลนที่วางไว้ เช่น เดือนเมษาเกียวกับสปา มีสปาโปดักส์ให้ทดลองกลิ่น รวมถึงการทำถุงหอมตามธาตุเกิด จนถึง วันที่ 12 พฤษภาคม 2568

วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 – วันที่ 11มิถุนายน 2568 เป็นกิจกรรม ไทยฟิตเนส
วันที่ 12 มิถุนายน 2568 – วันที่ 11 กรกฎาคม 2568 เป็นกิจกรรมแต่งชุดไทย
วันที่ 12 กรกฎาคม 2568 -. วันที่ 10 สิงหาคม 2568 เป็นกิจกรรมสอนทำอาหารไทน
วันที่ 11สิงหาคม 2568 – วันที่ 12 กันยายน 2568 เป็นกิจกรรมไทยเทอราพี
วันที่ 10 กันยายน 2568 – วันที่ 13 ตุลาคม 2568 เป็นกิจกรรมสอนนวดคอ บ่า ไหล่
ใสส่วนโซนจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากประเทศไทย เช่นการเกงช้าง ตุ๊กตาน้องภูมิใจ ซึ่งผนังด้านหนึ่งเป็นส่านของ 1,000,000รอยยิ้มแห่งความประทับใจ พื้นที่รวมล้านความรู้สึกประทับใจที่เกิดขึ้นภายในพาวิลเลียน พร้อมรับและส่งต่อแนวทางสุขภาพดีแบบไทยแก่คนทั่วโลก ซึ่งจะได้เห็นรอยยิ้มของผู้มาเยือนไทยแลนด์พาวิลเลียนว่ามีความสุขแค่ไหน
ด้านนอกยังมีแปลงเกษตรสมุนไพรไทย ต่อเนื่องด้วยสัญลักษณ์ที่สือถึงศิลปะ ประเพณี และวัฒนธรรมความเป็นไทยในรูปแบบต่างๆ จรดไปถึงด้านหน้าขนาดไปกับทางเดิน

ยังมีอีกหนึ่งโซนต่อเนื่องเมื่อพ้นภายในพาวิลลเลียน เป็นพื้นที่ส่วนพักผ่อน ถัดไปมีบันไดก้าวขึ้นไปสู่เรือนชาน เป็นพื้นที่โชว์ผลงานและสถานที่ต่างๆ ของแต่ละจังหวัดในประเทศไทย ที่สลับสับเปลี่ยนกันไป โดยช่วงเวลาที่ผู้เขียนไปเยือนครั้งนี้เป็นคิวของจังหวัดกระบี่ ซึ่งที่นี่ทำให้ผู้เขียนได้พบกับ คุณเจ ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) ผู้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ Q herbal nasal spray และ Q herbal mouth spray ที่ได้รับเลือกให้จัดแสดงในส่วนจัดแสดงหลัก และในส่วนจัดแสดงนิทรรศการชั่วคราว ร่วมกับสาธารณสุขจังหวัดกระบี่ ในงาน Expo 2025 ครั้งนี้ด้วย

โดยคุณเจ ธัชพล ได้เริ่มต้นบทสนทนากับทาง GM Live ว่า “สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ ได้รับคัดเลือกให้ตัวแทนของประเทศในการจัดนิทรรศการชั่วคราวครับ เนื่องจากจุดเด่นของจังหวัดกระบี่ เช่น ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์อากาศบริสุทธิ์ และแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ดังนี้นทางจังหวัดกระบี่ จึงเน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมโดยผสมผสานความเป็นธรรมชาติเข้ากับแนวทางการเสริมสร้างสุขภาพจากสมุนไพรธรรมชาติ และเมื่อรวมความเป็นนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติของแบรนด์ คิว ที่พัฒนาจากพืชไปสู่ยา “Farm to Pharm” จึงเป็นที่มาของการร่วมกันจัดแสดงนิทรรศการชั่วคราวในครั้งนี้ เพื่อนำเสนอการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม และนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพสู่สายตานานาชาติครับ”
และเมื่อ GM Live ถามถึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ ผู้บริหารหนุ่มมากความสามารถให้คำตอบกลับมาว่า


“จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ Q herbal nasal spray และ Q herbal mouth Spray เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรตัวแรก ที่ผ่านการทดสอบกับเชื้อไวรัสจริงในเซลล์จำลอง3มิติ พบว่าสามารถลดการสะสมของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ และเชื้อไวรัสอาร์เอสวีได้ ที่น่าภูมิใจกว่านั้นคือ ผลิตภัณฑ์มาจากพืชที่ปลูกในประเทศไทย วิจัย ทดสอบ สกัด พัฒนาและผลิตออกมาเป็นผลิตภัณฑ์โดยฝีมือนักวิจัยไทย ถือเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมของคนไทยอย่างแท้จริง ผลิตภัณฑ์นี้ยังได้รับการยอมรับระดับนานาชาติ โดยได้รับรางวัลเหรียญแพลตินัม (Platinum Award) ในงาน International Invention and Innovation Contest PRIX EIFFEL INTERNATIONAL ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 12-13 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวทีประกวดนวัตกรรมระดับนานาชาติที่ได้รับการยอมรับในวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รางวัลนี้สะท้อนถึงศักยภาพของผลิตภัณฑ์ในระดับโลก และเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีของ คนไทยในการพัฒนานวัตกรรมสมุนไพรเพื่อสุขภาพ”

ทั้งนี้คุณเจ ธัชพล ยังได้บอกเล่าถึงเป้าหมายในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ควบคู่ไปกับการมีส่วนร่วมกับชุมชนในพื้นที่จังหวัดกระบี่ว่า “พื้นที่จังหวัดกระบี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ทำให้ชุมชนมีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว แต่เมื่อถึงช่วงเวลาที่ไม่ใช่ฤดูการท่องเที่ยวก็จะมีปัญหาในเรื่องของรายได้ ซึ่งผมมองว่าความหลายหลากทางธรรมชาติ และพืชพรรณ ของจังหวัดกระบี่เหมาะกับการพัฒนาเป็นแหล่งปลูกพืชในอนาคต ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งปลูกที่ดีแล้ว ยังสามารถสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน โดยเฉพาะช่วงที่ไม่ใช่ฤดูการท่องเที่ยวครับ”

และแน่นนอนว่าการได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงานระดับโลกอย่าง World Expo ย่อมนำมาซึ่งความภาคภูมิใจ ซึ่งความรู้สึกนี้ คุณเจ ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) ผู้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ Q herbal nasal spray และ Q herbal mouth spray ได้ทิ้งทายกับทาง GM Live ว่า “รู้สึกภูมิใจในความเป็นเมืองสมุนไพรของไทย ภูมิใจแทนนักวิจัยไทย ที่ได้นำเสนอผลงานดีๆในงานแสดงนิทรรศการระดับโลก World Expo 2025 Osaka Kansai”

ทั้งหมดนี้คือ Thailand Pavilion World Expo 2025เชื่อมต่อชาวโลกให้เข้าถึงภูมิปัญญาไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานWorld Expo 2025 Osaka Kansai : Designing Future Society for Our Lives “ออกแบบสังคมอนาคต เพื่อชีวิตคนเรา”
ขอบคุณ : ภาพประกอบบางส่วนจากสื่อรวมทริป
