กระดูกสันหลังเสื่อมเป็นเรื่องของคนสูงอายุจริงหรือ ?
สุขภาพกระดูก

เคยสงสัยเหมือน GM Liveกันบ้างหรือเปล่าว่าปัญหาเรื่องสุขภาพและสารพัดโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับมนุษย์เรานี้ ไม่ว่าจะเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดัน หรือแม้แต่แม้โรคเกี่ยวกับกระดูกเสื่อม มีอายุเป็นตัวกำหนดหรือเปล่า โดยเฉพาะกระดูกสันหลังเสื่อมเป็นเรื่องของคนสูงอายุจริงหรือ ?
และในที่สุดความสงสัยก็จางหาย เพราะ GM Live ไปเจอบทความดีๆ เรื่องของการยกของหนัก-ก้มตัวบ่อย เสี่ยง “โรคกระดูกสันหลังเสื่อม” แพทย์เตือน รักษาไม่หายสนิท ป้องกันไว้ก่อนสายเกินไป โดยนายแพทย์วรายุทธ แสงสุวรรณ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ แพทย์ชำนาญการด้านกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลวิมุต ที่จะพาไปรู้จักกับโรคกระดูกสันหลังเสื่อม เพื่อให้ได้เข้าใจแนวทางการดูแลกระดูกสันหลังให้แข็งแรงไปนาน ๆ
เพราะ หลายคนอาจคิดว่าปัญหากระดูกเสื่อมเป็นเรื่องของคนที่อายุเยอะเท่านั้น แต่ความจริงแล้วใคร ๆ ก็มีโอกาสเป็นได้ โดยเฉพาะคนที่ชอบยกของหนัก ก้มตัวบ่อย ขยับคอมาก ก็อาจเร่งให้เกิด “โรคกระดูกสันหลังเสื่อม” ที่ทำให้เกิดอาการปวดหลัง ปวดร้าวลงขา หนักที่สุดเส้นประสาทอาจถูกกดทับจนมีอาการอ่อนแรงหรือควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ ที่น่ากังวลกว่านั้นคือ เมื่อกระดูกสันหลังเสื่อมกดทับเส้นประสาทจนมีอาการอ่อนแรงเป็นเวลานาน แม้จะผ่าตัดรักษาก็ไม่สามารถกลับมาใช้งานได้ดีเหมือนเดิม
“โรคกระดูกสันหลังเสื่อม” ไม่ใช่แค่การเสื่อมตามวัย
โรคกระดูกสันหลังเสื่อม คือภาวะความเสื่อมตามอายุที่มากขึ้น หรือการใช้งานหนักสะสมเป็นเวลานาน ซึ่งความเสื่อมของโรคนี้หมายถึงความเสื่อมของบริเวณตัวกระดูกสันหลังเอง หมอนรองกระดูก ข้อต่อ และเนื้อเยื่อเส้นเอ็นรอบกระดูกสันหลัง คล้ายกับความเสื่อมในข้อเข่าหรือกระดูกบริเวณอื่น
มัดรวมสาเหตุเร่ง “โรคกระดูกสันหลังเสื่อม”
โรคกระดูกสันหลังเสื่อมพบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุเริ่มตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการเสื่อมตามวัย แต่คนที่อายุน้อยก็เป็นโรคนี้ได้ จากพฤติกรรมการใช้งานที่ไม่เหมาะสม เช่น ยกของหนักเป็นประจำ การขยับก้มเงยคอมาก ๆ หรือคนที่ชอบสะบัดคอบ่อย ๆ นอกจากนี้ ผู้ที่เคยประสบอุบัติเหตุรุนแรงจนกระดูกหักและต้องใส่เหล็กดาม ทำให้ตัวกระดูกข้างเคียงต้องรับน้ำหนักแทน ก็จะมีความเสี่ยงมากกว่าปกติ บางราย อาจมีการติดเชื้อที่กระดูกสันหลัง แม้พบไม่บ่อย แต่ก็อาจนำไปสู่การเสื่อมได้เช่นกัน โดยการเสื่อมอาจใช้ เวลา 5 -10 ปี หลังเกิดอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บก่อนจะเริ่มมีอาการ
ปวดหลัง ปวดร้าวไปที่แขนหรือลงขา อาการชา สัญญาณ “โรคกระดูกเสื่อม”

อาการของโรคกระดูกสันหลังเสื่อมนั้นแตกต่างกันขึ้นกับตำแหน่งของตัวโรค ในคนไข้ที่มีกระดูกสันหลังส่วนคอเสื่อมอาจจะมีอาการปวดบริเวณคอ ปวดร้าวไปที่แขน อาจจะมีอาการชาหรืออ่อนแรงร่วมด้วย ในบางคนจะมีการใช้งานมือลำบากมากขึ้นเช่น เขียนหนังสือลำบากขึ้นลายมือเปลี่ยนไป ติดกระดุมเสื้อลำบาก เป็นต้น หากเป็นมากจะมีอาการเดินลำบาก เดินไม่ถนัดเหมือนเดิม และอาจจะกลั้นอุจจาระปัสสาวะไม่ได้
ส่วนคนไข้ที่มีกระดูกสันหลังช่วงเอวเสื่อม นั้นอาจจะมีอาการปวดบริเวณเอว และมีอาการปวดร้าวลงขา ในบางรายอาจจะมีอาการชาหรืออ่อนแรงขา และกลั้นอุจจาระปัสสาวะไม่ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งใครที่พบอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาก่อนอาการจะรุนแรงขึ้น
การรักษาโรคกระดูกสันหลังเสื่อม
ขั้นตอนแรกของการวินิจฉัยโรคกระดูกสันหลังเสื่อมคือการตรวจร่างกายเพื่อดูลักษณะการทำงานของกล้ามเนื้อ กระดูกสันหลัง และระบบเส้นประสาท ซึ่งหากใครที่พบว่ามีปัญหากระดูกเสื่อมร่วมกับปัญหาทางเส้นประสาทอาจต้องใช้การเอกซเรย์ หรือ MRI เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด การรักษากระดูกสันหลังเสื่อมมีหลายวิธี ถ้าคนไข้อาการไม่หนักมากจะรักษาด้วยการรักษาแบบประคับประคองโดยใช้ยาและการทำกายภาพ รวมถึงมีการฉีดยาเข้าโพรงประสาทเพื่อบรรเทาอาการปวด ส่วนคนที่มีอาการรุนแรงมากขึ้น อาการปวดเป็นมากรักษาด้วยยาแล้วไม่ดีขึ้น และในเคสที่มีอาการทางระบบประสาทแล้ว เช่น อ่อนแรง หรือกลั้นอุจจาระปัสสาวะไม่อยู่ อาจจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
ส่วนการผ่าตัดนั้น อาจจะเพียงผ่าตัดเพื่อนำส่วนที่กดเส้นประสาทออก หรืออาจจำเป็นต้องผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลัง ขึ้นอยู่กับลักษณะของตัวโรคว่าเป็นลักษณะแบบใด ซึ่งปัจจุบันมีการผ่าตัดแบบแผลเล็กโดยทำการผ่าตัดผ่านกล้องไมโครสโคป (Microscope) หรือ การผ่าตัดส่องกล้อง (Endoscope) ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

แต่ถ้าไม่อยากให้กระดูกสันหลังเสื่อมไว ควรหลีกเลี่ยงการสะบัดคอหรือดัดคอแรง ๆ ระวังการเล่นกีฬาหรือกิจกรรมที่มีแรงกระแทกที่ศีรษะ และที่สำคัญคือไม่ควรยกของหนักเกินไป เพราะแรงทั้งหมดจะไปลงที่กระดูกสันหลัง รวมถึงพยายามลดการก้มตัวมาก ๆ เพราะจะเป็นการใช้งานกระดูกสันหลังที่เกินจำเป็น นอกจากนี้ก็ควรออกกำลังกายเพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนลำตัวที่ช่วยพยุงกระดูกสันหลังด้วย
แม้ว่าโรคกระดูกสันหลังเสื่อมจะทำให้ใช้ชีวิตยากขึ้น แต่ก็ไม่ต้องการให้ทุกคนกังวลเกินไปจนไม่กล้าทำอะไร จริง ๆ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ด้วยความเข้าใจว่าร่างกายย่อมมีการเสื่อมตามอายุที่มากขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องรู้จักดูแลตัวเอง ระมัดระวังพฤติกรรมที่อาจเป็นอันตรายต่อกระดูกสันหลัง และคอยสังเกตร่างกายของตัวเองให้ดี ถ้ามีอาการผิดปกติที่เข้าข่ายโรคนี้ ก็ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาแต่เนิ่น
ซึ่งแน่นอนว่าวัยมีส่วนสำคัญ แต่พฤติกรรมคือตัวเร่งที่ก่อให้เกิดโรคได้โดยไม่สนเรื่องอายุ

ที่มา : นายแพทย์วรายุทธ แสงสุวรรณ
ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ แพทย์ชำนาญการด้านกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลวิมุต
โทร. 0-2079-0060 หรือ ViMUT Application
