พิสิทธิ์ จันทรเสรีกุล ด้วยความใส่ใจ เข้าใจ และเข้าถึงหัวใจแห่งการบริการ
ในปัจจุบัน เราคงไม่อาจปฏิเสธได้ถึงความสำคัญของ ‘รถยนต์’ ที่มีต่อชีวิตประจำวัน ความสะดวกสบายจากการใช้รถ ช่วยประหยัดเวลาและเป็นอีกหนึ่งหลักฐานความภาคภูมิใจของชีวิต แน่นอนว่า การซื้อรถยนต์สักคัน เป็นเรื่องสำคัญและต้องผ่านการพินิจพิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะด้วยแบรนด์ คุณภาพการใช้งาน ร่วมทั้งบริการหลังการขาย
และแบรนด์ ‘นิสสัน (NISSAN)’ ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ ที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย และมีศูนย์บริการมากมายที่พร้อมให้ความช่วยเหลือเมื่อประสบปัญหา ซึ่ง ‘สยามนิสสัน กรุงไทย’ เป็นอีกหนึ่งดีลเลอร์รถยนต์ นิสสัน ที่ยืนหยัดในคุณภาพการให้บริการมายาวนานกว่า 30 ปี เป็นที่เชื่อใจของผู้ใช้งาน ด้วยบริการที่ผ่านการพิสูจน์แล้วในทุกสถานการณ์
ซึ่ง ‘พิสิทธิ์ จันทรเสรีกุล’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามนิสสัน กรุงไทย คือหัวเรือหลักที่มีส่วนสำคัญในการวางรากฐานคุณภาพและมาตรฐานของการให้บริการ อันเป็นหัวใจสำคัญที่นำไปสู่ความน่าเชื่อถือต่อทั้งลูกค้าและทีมงาน “คุณดูแลลูกค้าให้ดี ส่วนพวกคุณผมขอเป็นดูแลเอง”
ทั้งนี้ GM Live ได้ร่วมพูดคุยในหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะด้วยความชื่นชอบที่มีต่อรถยนต์ มุมมองการทำงาน จนถึงแนวทางที่สยามนิสสัน กรุงไทยจะก้าวต่อไปในปีที่ 31 และปีต่อๆ ไป
‘พิสิทธิ์ จันทรเสรีกุล’หรือ ป๊อกกี้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) คณะบริหารธุรกิจ เอกการตลาด โดยทางบ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์เช่ามาโดยตลอดจนถึงทุกวันนี้ และนั้นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้คลุกคลีกับแวดวงรถยนต์ เพราะเห็นคุณพ่อคุณแม่ทำงานมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งเรียนจบและเริ่มต้นหาประสบการณ์ทำงานก็ยังไม่พ้นแวดวงเกี่ยวกับรถยนต์
”ผมเรียบจบก็ออกไปทำงานข้างนอก ตอนนั้นยังไม่ได้ช่วยธุรกิจทางบ้าน ก็ไปหาธุรกิจเกี่ยวกับรถอยู่ดี ทำให้รู้ว่าความใฝ่ใจของผมอยู่กับรถยนต์ จนวันหนึ่งพี่ชายต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ และต้องหาคนมาดูแลธุรกิจในส่วนของดีลเลอร์รถยนต์นิสสัน ซึ่งนั้นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมมาดูแลธุรกิจด้านนี้น่าจะประมาณปี 2004 ครับ “
การเข้ามารับช่วงต่อกิจการของสยามนิสสัน กรุงไทย กดดันมากน้อยเพียงใด
ณ วันนั้น กดดันมากๆ เพราะผมยังอายุไม่มาก แต่ต้องขึ้นมาเป็นผู้บริหารของนิสสันกรุงไทย ซึ่งก็นับว่าโชคดีที่ธุรกิจของเราเป็นธุรกิจครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่ ก็ยังเป็นที่ปรึกษากับผม ประกอบกับผมเองมองว่า การเริ่มต้นทำธุรกิจอะไรสักอย่าง ต้องเริ่มต้นจากความเข้าใจ ผมเลยเริ่มต้นด้วยการเข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้ใช้รถ ตอนนั้นเป็นกลุ่มรถ Tianna Club จึงได้มีความใกล้ชิด ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ทำให้มีความเข้าใจความต้องการของลูกค้า ซึ่งนำมาสู่การทำงานต่อได้อย่างราบรื่นครับ
ความกดดันที่พบเจอในฐานะผู้บริหาร
ต้องบอกว่า คือในส่วนของการปกครอง เพราะวันนั้น ผมยังอายุไม่มาก แต่ต้องปกครองพนักงานที่มีอายุงานมากกว่าตัวเองหลายเท่า ก็กดดันพอสมควร เพราะถ้าพนักงานให้ความเคารพตัวผมแค่ในมุมที่เป็นลูกชายเจ้าของกิจการ ก็ดูไม่ดีเอามากๆ ผมเลยพยายามสะสมความเข้าใจลูกค้า เข้าใจสินค้า เวลาอบรมสินค้า ผมนั่งหน้าสุด ซึ่งถ้าผมเข้าใจทุกแง่มุมของสินค้าแล้ว จะทำให้สามารถบริหารงานได้ดี คนจะรู้และยอมรับว่ามีความสามารถจริงๆ
ตอนนั้นผมรู้จักแบรนด์นิสสันดีครับ เพราะทางบ้านทำธุรกิจรถเช่า ได้เห็นรถหลายแบรนด์ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือนิสสัน พอได้มีโอกาสสัมผัส ทำให้รู้ว่านิสสันเป็นรถที่มีคุณภาพ ถ้าเทียบจากวัสดุนิสสันให้คุณภาพที่ดีกว่า เบาะนั่งดีไซน์อย่างดี ออกแบบทางสรีระศาสตร์ จนทางบ้านได้เป็นดีลเลอร์แบรนด์นิสสัน ก็ทำให้ผมรู้จักนิสสันมากขึ้น ว่าคือแบรนด์ที่เป็นมิตรกับผู้บริโภค การได้มาสัมผัสกับแบรนด์นิสสัน ก็ยิ่งตอกย้ำว่า “ใช่” เป็นแบรนด์ที่ใกล้ชิดผู้บริโภค ทำทุกอย่างเพื่อผู้บริโภค แต่อาจจะขาดซึ่งการสื่อสารที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจร่วมกัน ซึ่งถ้าหากได้มีการสื่อสารที่ดี ผู้บริโภคก็จะยิ่งมั่นใจ ถึงคุณภาพ ถึงความคุ้มค่าของเงินทุกบาทที่ลงทุนกับแบรนด์นิสสันครับ
แนวทางที่ยึดมั่นในการทำงาน
ความเข้าใจครับ เพราะถ้าหากเขาดซึ่งความเข้าใจในธุรกิจแล้วจะยิ่งทำงานได้ยาก แต่ถ้าเข้าใจว่าสินค้าในมือเป็นอย่างไร กลุ่มเป้าหมายที่จะเข้าไปหาคือใคร ต้องการอะไร เมื่อรู้คำตอบก็สนองความต้องการนำสิ่งที่เหมาะสมมามอบให้ และนั้นก็ไม่ยากเลยที่กลุ่มลูกค้าจะให้ความไว้วางใจกับเรา
ปัญหาหรืออุปสรรคในการทำงาน
ปัญหากับอุปสรรคมีเป็นพักๆ เป็นช่วงๆ ครับ แล้วเกี่ยวข้องกับหลากหลายปัจจัย เช่น น้ำท่วมที่ญี่ปุ่น ดูเหมือนไม่เกี่ยวกับประเทศไทย แต่กระทบกับเรา นโยบายรัฐรถยนต์คันแรกก็ส่งผลให้ราคารถยนต์มีความผันผวน หรือ COVID-19 ก็กระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนอุปสรรคเล็กๆ ประปรายนั้นสามารถบริหารจัดการได้เพราะว่ามีทีมงานที่มีองค์ความรู้และประสบการณ์ที่พร้อมรับมืออยู่แล้วครับ
ความต้องการของลูกค้าคือสิ่งใด
ก่อนที่จะมาสู่ยุคโซเซียลมีเดียอย่างปัจจุบันนี้ ต้องขอบอกว่า โรงงานประกอบรถยนต์หรือบริษัทแม่ จะค่อนข้างมีความห่างไกลจากกลุ่มผู้บริโภค ประกอบกับการสื่อสารยังไม่ครอบคลุมทั่วถึง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มีการรวมตัวของกลุ่มผู้ใช้รถยนต์จำนวนมากใน Pantip.com ซึ่งการที่รถยนต์จะมีปัญหาหรือเสียนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ เป็นเรื่องปกติ แต่เสียแล้วก็ต้องซ่อมได้ ผมต้องดูแลลูกค้าให้ทั่วถึง เพราะเขาจ่ายเงินซื้อรถยนต์มาแล้ว ก็ต้องมีความคาดหวังเป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ แต่ถ้ารถยนต์ของลูกค้าเสีย ผมจะเป็นคนแรกที่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อให้ลูกค้าได้ประสบการณ์การใช้งานที่สมบูรณ์แบบ หลายคนมีปัญหาก็มาจบและแก้ไขได้กับทางสยามนิสสัน กรุงไทย ครับ
การร่วมงานกับแบรนด์นิสสันในช่วงที่ผ่านมา
ผมมองว่าแบรนด์นิสสันเหมือนโรงเรียนครับ มีคุณครูหลายต่อหลายคนคอยสอนผม มีผู้บริหารที่ให้การสนับสนุน ณ วันนั้น ผมอาจจะยังไม่สามารถเก่งได้ในระดับนี้ แต่แบรนด์นิสสันก็สอนผมว่า ต้องดูแลผู้ใช้รถให้ดี ต้องออกสินค้าที่ดี ต้องทำสินค้าให้เป็นที่ต้องการของตลาด และจุดที่ประทับใจนิสสันมากๆ คือการ เป็นผู้มาก่อนกาลเสมอ อย่างเช่น รถยนต์ Eco Car ก็น่าจะเป็นแบรนด์แรกๆ หรือแม้กระทั่ง รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ก็จำหน่ายเป็นรายแรกๆ หรือรถยนต์ Super Car อย่าง NISSAN GT-R ก็เป็นรายแรกๆ ที่เข้ามาทำตลาด เพื่อตอบสนองต่อกลุ่มคนที่ต้องการ ทำให้เห็นว่า นิสสันคิดเพื่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง
ในจุดนี้ ผมขอเสริมเกี่ยวกับ NISSAN SERENA ซึ่งเป็นกลุ่มรถยนต์ Mini MPV ที่นิสสันเข้ามาทำการตลาดอย่างจริงจัง นอกเหนือจากกลุ่มผู้นำเข้าอิสระ ซึ่งผมมองว่า ทางนิสสันนำความต้องการของลูกค้ามาเป็นตัวตั้ง ซึ่งกลุ่มดังกล่าว สามารถใช้เป็นรถครอบครัวก็ได้ ขับเองก็ดี
อะไรที่ทำให้สยามนิสสัน กรุงไทย ยืนหนึ่งมาได้ถึง 30 ปี
ตอบได้เลยว่า ทีมงาน ครับ ผมให้ความสำคัญกับทีมงานเสมอ นั่นเพราะเราเป็นธุรกิจบริการ ถ้าทีมงานที่มีดูแลลูกค้าไม่ได้ดี จะไม่เกิดความไว้วางใจ ผมจึงย้ำกับทุกคนเสมอว่า “พวกคุณดูแลลูกค้าให้ดี ส่วนพวกคุณผมจะดูแลเอง” เรื่องผลตอบแทน เรื่องความเป็นอยู่ เรื่องรายได้ ผมเข้าใจว่า ถ้าทีมงานนั่งพะวงนั่นนี่ จะทำให้ไม่สามารถบริการลูกค้าได้ดี นี่คือสิ่งที่ผมสื่อสารกับทีมงานเสมอ ทีมงานผมทุกคน วิ่งเข้าหาเป้าหมาย วิ่งดูแลลูกค้า จนสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง
อะไรเป็นจุดเด่นของแบรนด์นิสสัน
ผมมองว่า คือความเชื่อมั่นในตัวสินค้า หากสินค้าต้นทางไม่ดี ไม่มีใครซื้อแน่นอน ซึ่งแบรนด์นิสสัน เวลาออกสินค้ามาแต่ละรุ่น ก็จะเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับผู้บริโภค ไม่ว่าจะค่าซ่อมบำรุงที่จับต้องได้ ประกอบกับทางนิสสันมีการพัฒนาสินค้าอยู่ตลอดเวลา ระบบหลังบ้านของทางนิสสันเองก็มีการจัดตั้งทีมงานที่รวบรวมข้อมูลเพื่อพัฒนาสินค้าให้ดียิ่งขึ้น นี่คือสิ่งที่ผมมองว่าเป็นความจริงใจต่อลูกค้า ซึ่งก่อให้เกิดความมั่นใจและกล้าที่จะซื้อรถแบรนด์นิสสัน
ระยะเวลา 20 ปีที่ได้เข้ามาดูแลสยามนิสสัน กรุงไทย แนวทางการทำงานแตกต่างไปมากน้อยแค่ไหน
นโยบายในวันแรกที่ผมเข้ามารับตำแหน่ง คือการเข้ามาสร้างบรรยากาศในการทำงาน ที่ต้องการให้ทุกคนตื่นเช้ามา กระฉับกระเฉง อยากเข้ามาเจอเพื่อน อยากเข้ามารับลูกค้า อยากเข้ามาบริการ ผมมองว่าถ้าเป็นแบบนั้นงานก็จะดูน่าสนุกขึ้น แต่เมื่อมาวันนี้ แนวทางเปลี่ยนไปหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าสิ่งที่ผมคิดและตั้งใจในวันนั้น ได้ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้อง และถูกวางรากฐานมาอย่างมั่นคง ทีมงานสามารถนำเสนอความจริงใจและการบริการได้อย่างดี เรียกได้ว่า แนวทางไม่เปลี่ยน ความมุ่งมั่นไม่เปลี่ยน มีแต่จะมากขึ้นครับ และผมมองว่า ยิ่งมีรถรุ่นใหม่ออกมา ก็ยิ่งเป็นความท้าทายในการที่จะมองว่า ใครเป็นกลุ่มลูกค้า และจะทำการตลาดอย่างไร ถ้าทุกคนสนุกไปกับกระบวนการก็จะไม่รู้สึกตันเลย
ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมากน้อยเพียงใด
ผมมองว่า ต้นทางอยู่ที่สินค้าที่มีคุณภาพ ในราคาที่จับต้องได้ ความต้องการนี้ยังคงชัดเจนไม่เปลี่ยนแปลง แต่มาในวันนี้ด้วยข้อจำกัดทางภาษีบางอย่าง ทำให้ราคารถยนต์มีความผันผวนอย่างสูง และลูกค้าก็มีมุมมองต่อราคารถยนต์เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราที่จะแสดงให้เห็นว่า แบรนด์นิสสัน คือรถยนต์ที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าจริงๆ
การสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ต้องมีองค์ประกอบใดบ้าง
อย่างที่เรียนครับว่า ตั้งแต่วันแรกที่ผมดูแลลูกค้าอย่างทั่วถึง ต่อให้ลูกค้าไม่ได้ซื้อรถกับทางสยามนิสสัน กรุงไทย ผมก็พร้อมจะดูแลอย่างดี การบริการหลังการขายคือสิ่งที่ผมใช้เป็นตัวนำ กล่าวคือ ซื้อนิสสัน คุณมีคนที่คอยดูแลแน่ๆ ทั้งผมและเพื่อนดีลเลอร์นิสสันหลายต่อหลายคนที่ช่วยให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ ซึ่งผมมองว่า นอกจากการขายรถแล้ว การบริการหลังการขายก็เป็นสิ่งสำคัญ และเป็นสิ่งที่ทางแบรนด์นิสสันคำนึงถึงตลอดเวลา พร้อมแก้โจทย์ตอบสนองต่อความต้องการดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนั้นทำให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีกับการใช้รถยนต์นิสสันครับ
การบริการหลังการหลังการขายของทางสยามนิสสัน กรุงไทย
เกี่ยวกับศูนย์บริการมาตรฐาน จะมีข้อกำหนดหลักที่มีไว้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคา อะไหล่ที่ใช้ ทีมช่างที่ผ่านการอบรม ฉะนั้นเมื่อลูกค้าเดินเข้ามาศูนย์บริการก็จะได้รับบริการที่เป็นไปตามมาตรฐานของทางนิสสันอยู่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ทางผมอาจจะมีมากกว่า คือสยามนิสสัน กรุงไทย เป็น Nissan High Performance Center ที่ดูแลลูกค้าของ NISSAN GT-R ซึ่งเป็นรุ่น Super Car ซึ่งมีเครื่องมือดูแลกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มเฉพาะจริงๆ ไม่ว่าจะ GT-R หรือ Fairlady Z ทั้งอะไหล่จากโรงงาน และช่างผู้ชำนาญการที่ได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี โดยในมุมนี้ ทำให้ศูนย์บริการของสยามนิสสัน กรุงไทย ดูครบเครื่องมากขึ้น เพราะมีทั้งมาตรฐานของรถยนต์นิสสันทั่วไป และรถยนต์ Super Car ประกอบกันด้วย
มุมมองต่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ณ วันนี้ผมมองว่าขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ซึ่งถ้าลักษณะการใช้งานเป็นพื้นที่ในเมือง และใช้รถยนต์ในระยะทางใกล้ๆไม่ได้ใช้เยอะมาก และสามารถชาร์จไฟฟ้าที่บ้านได้ การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าก็ดูเหมาะสม แต่ถ้าสถานที่พักอย่างคอนโดมิเนียมหรืออพาร์ทเมนต์ ที่ไม่มีที่ชาร์จพลังงานไฟฟ้า ก็อาจจะยังไม่เหมาะสมนัก รวมถึงการวางแผนการเดินทางในระยะทางไกลๆ เพราะปัจจุบันยังต้องใช้ระยะเวลาในการชาร์จพอสมควร แต่ทั้งนี้ ทางนิสสัน ซึ่งได้ออกรถยนต์รุ่น e-POWER ที่มีประสิทธิภาพของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยที่ไลฟ์สไตล์ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ผมสามารถนำรถยนต์คันนี้ ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ไปได้ทุกที่ที่มีปั๊มน้ำมัน สรุปผมว่า e-POWER เป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์มากกว่า
มุมมองต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ในปัจจุบันอย่างไร
ต้องบอกว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปตั้งแต่มีการสนับสนุนภาษีรถยนต์ที่มาจากประเทศจีน ก่อให้เกิดความผันผวนด้านราคาสูงมาก แบรนด์รถยนต์ใหม่ๆ เข้ามามากจนผู้บริโภคสับสน แม้แต่ผมเอง เดินในงาน Motor Expo ที่ผ่านมาก็พบว่า มีหลากหลายรุ่นจนจำแทบไม่ได้ มีแบรนด์เกิดใหม่สิบกว่าแบรนด์ รุ่นใหม่อีกยี่สิบกว่ารุ่น แถมทุกคันหน้าตาคล้ายกันหมด และราคาก็เข้าถึงได้ง่าย แต่อาจจะมีปัญหาบางประการเช่น เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เป็นแบรนด์ใหม่ที่ศูนย์บริการยังไม่ครอบคลุม หรือมีช่างที่ชำนาญการไม่มากนัก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับแบรนด์ญี่ปุ่น ที่มีความพร้อม และช่างผู้ชำนาญการมากกว่า ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ต้องรอดูกันต่อไปว่าแบรนด์เหล่านั้นจะสามารถทำได้ดีหรือไม่
กระแสข่าวต่างๆมีผลกระทบต่อการเป็นดีลเลอร์นิสสันมากน้อยเพียงใด
ไม่มีเลยครับ ต้องกล่าวว่า มูลค่าทรัพย์สินของทางนิสสันสูงมาก สูงจนผมมองว่า หนี้ที่เกิดขึ้น มันกลบได้อยู่แล้ว ยิ่งความเป็นแบรนด์ดิ้งของทางนิสสันที่มูลค่ามหาศาลด้วยแล้ว ก็ยิ่งสร้างความมั่นใจมากขึ้น หรือการที่นิสสันประกาศหาผู้ร่วมทุน ก็ยิ่งทำให้ทิศทางต่างๆ ดูน่าสนใจ ว่ากันง่ายๆ ถ้าแบรนด์มีมูลค่าสินทรัพย์ประมาณหนึ่งแสนล้าน ถ้ามีหนี้สักพันล้าน ก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใดนะครับ
สิ่งที่ยังทำให้มั่นใจกับการร่วมงานกับแบรนด์นิสสัน
สิ่งที่ทำให้ยังมั่นใจนั้น ผมมองว่าเป็นเพราะแบรนด์นิสสันอยู่กับเรามาตลอด อยู่กันมาสามสิบกว่าปี นี่คือมุมที่ผมเป็นผู้แทนจำหน่าย แต่อย่าลืมว่าถ้านับอายุโรงงานมีมากกว่านั้น เมื่อไม่กี่วันผมได้มีโอกาสไปเดินชมโรงงานนิสสัน ก็ยิ่งมั่นใจว่า ด้วยโรงงานใหญ่ระดับนี้ เทคโนโลยีการประกอบระดับนี้ ไม่ล้มหายตายจากไปได้ง่ายๆ อยู่แล้ว อีกทั้งหน่วยวิจัยของทางนิสสัน ก็ใช้ข้อมูลของประเทศไทยเป็นหลักด้วยซ้ำ ผมบอกได้ว่า ผู้ใช้รถยนต์นิสสันนั้นโชคดีมากๆ เพราะเขาใช้ประเทศไทยเป็นฐานหลักในการผลิต ทดสอบ และเก็บข้อมูลเชิงสถิติของผู้ใช้รถแต่ละประเภท เป็นความชัดเจนทางนโยบายของนิสสัน ที่จะนำรถยนต์เข้ามาจำหน่ายอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาสามถึงสี่ปีข้างหน้า ทำให้ผมรู้สึกมั่นใจ และรู้สึกสนุกไปกับสิ่งนั้นด้วย
ทิศทางสำหรับปีที่ 31 ของสยามนิสสัน กรุงไทย
ในปีหน้าสิ่งที่ผมเตรียมไว้อย่างการบริการลูกค้า ทีมการตลาดที่จะคอยสนับสนุนก็จะยังคงอยู่ไม่หายไปไหน แต่นอกเหนือจากนั้น ก็จะมีการเตรียมความพร้อมสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ กลุ่มตลาดใหม่ๆ ต้องบอกว่า พอมีกลุ่มรถยนต์รุ่นใหม่ ก็ต้องมาดูว่าจะทำอย่างไรจึงจะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้จริงๆ ไม่ว่าจะลูกค้าเชิงครอบครัวที่หันมามองรถยนต์รุ่นใหม่ ที่สามารถตอบโจทย์ในเชิงการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งราคาที่สมเหตุสมผล เข้าถึงได้
คำแนะนำฐานะผู้ประกอบการดีลเลอร์ สำหรับผู้ที่จะก้าวเข้ามาในธุรกิจนี้
การเป็นดีลเลอร์รถยนต์ ไม่ใช่แค่การจำหน่ย แต่ต้องดูแลตลอดระยะเวลาที่ลูกค้าใช้งาน อาจจะกล่าวได้ว่า วันที่ลูกค้าดีใจที่สุด คือวันที่ได้ออกรถยนต์รุ่นใหม่กับทางสยามนิสสัน กรุงไทย ซึ่งทางผมไม่ได้ทำแค่ส่งมอบ แต่ต้องสร้างประสบการณ์ทีดีตลอดการใช้งานรถยนต์คันนั้น แน่นอนว่าบริการหลังการขายเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เช่น เมื่อลูกค้ามีปัญหา เราพร้อมรับฟัง และพร้อมนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา ด้วยช่างฝีมือชำนาญการ ผมให้ความสำคัญกับจุดนี้อย่างมาก จึงอยากจะฝากไปยังผู้ที่ต้องการจะประกอบธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ ย้ำว่า ดีลเลอร์ไม่ใช่แค่เพียงการจำหน่าย แต่ต้องบริการลูกค้าไปจนถึงปลายทาง และสร้างความเชื่อมั่น ให้เขากลับมาใช้บริการกับเราซ้ำต่อเนื่องไป
รับมือกับปัญหาและอุปสรรคในการทำงานอย่างไร
ผมเป็นคนมองโลกในแง่บวกครับ ผมมองเฉพาะปัญหาที่อยู่ตรงหน้า พยายามไม่เอาหลายสิ่งมาสุมรุมเร้า ถ้ามองปัญหาไปทีละขั้น แก้ไปทีละจุด ปัญหาที่เกิดขึ้นจะถูกแก้ไขได้ เหมือนเครื่องยนต์ มันอาจจะเกิดจากสาเหตุที่หนึ่ง สอง สาม สี่ ไล่เรียงกันไป ก็ต้องค่อยๆ คลี่คลายไปทีละส่วน วิธีการแก้ปัญหาของผมก็จะเป็นการจัดการทีละจุด ซึ่งทำให้ผมไม่เครียดมากจนเกินไป หรือถ้าทุกอย่างเกินมือจริงๆ ผมก็ระลึกเสมอว่า ผมไม่ได้อยู่แค่เพียงตัวคนเดียว ผมมีทีมงาน ผมมีบริษัทแม่ที่ให้การสนับสนุน ผมมีที่ปรึกษาที่คอยช่วยดูแลให้ผ่านไปได้อย่างลุล่วง
ในฐานะผู้บริการรุ่นใหม่ มีวิธีการทำงานกับคนต่างรุ่นอย่างไร
ผมอยู่ในรุ่นที่เชื่อมต่อกับคนหลายๆ รุ่น ผมเข้าใจว่าคนแต่ละรุ่นจะมีไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน การรับมือ การทำงานร่วมกันระหว่างคนต่างรุ่น ต้องกล่าวว่า คนที่อายุมากกว่า ผมก็เข้าใจว่าสไตล์การทำงานจะเป็นเชิงอนุรักษ์ เขาต้องมั่นใจ จึงจะลงมือตัดสินใจ แน่นอนว่า สไตล์เหล่านั้นทำให้ธุรกิจอยู่ในจุดที่ปลอดภัย เดินหน้าต่อไปได้ สำหรับคนรุ่นใหม่ๆ จะมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนคือลุย มีพลังในการมุ่งไปข้างหน้า เจอปัญหาแล้วค่อยแก้ ผมก็จะรู้ว่า ถ้าเจอคนรุ่นใหม่ๆ นั้น ใช้ให้ถูก มองให้ขาด ควบคู่กับความระมัดระวังของคนรุ่นก่อน จะกลายเป็นแนวทางที่เหมาะสม ถ้าสามารถผนวกสองสิ่งนี้ได้ เราจะก้าวไปได้ไกลอย่างแน่นอน
กิจกรรมหลังการทำงาน
อย่างที่เรียนไปก่อนหน้านั้นว่า ผมชอบรถยนต์ครับ ผมชอบขับรถ ชอบถ่ายรูปรถ ก็จะนัดกลุ่มเพื่อนไปถ่ายรูป ไปตามสถานที่สวยๆ ถ่ายรูปรวมกลุ่มกัน ก็เป็นกิจกรรมที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของผม ผ่อนคลาย และไม่รบกวนใคร
แนวทางหรือปรัชญาในการทำงาน
ปรัญชาในการทำงานของผมคือ ต้องมีความสร้างสรรค์ในเนื้องาน หากจมอยู่ที่เดิม ไม่สร้างสิ่งใหม่ๆ ก็จะหยุดนิ่งให้คู่แข่งที่มาเหนือกว่าแซงหน้าไป แต่ถ้าหากมีการศึกษาข้อมูล สร้างมาตรฐานให้สูงกว่าเดิมได้ ก็จะไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ สิ่งที่สำคัญคือ เทคโนโลยีเปลี่ยนไปเร็วมาก ต้องตามให้ทัน อย่างเช่น ถ้าหากสยามนิสสัน กรุงไทย ต้องการจะขายรถกระบะ ก็จะมีแนวทางที่สร้างสรรค์ เช่น ชุดแต่งพิเศษ หรือบริการหลังการขายที่ดี แตกต่าง แต่ยังคงยืนอยู่บนพื้นฐานความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก
งานที่รับมือยากที่สุด
(นิ่ง) ล่าสุดกับเคสของ NISSAN GT-R ที่ผมเข้าใจว่า เรามีโควตารถที่จะนำเข้ามาจำหน่ายอยู่จำนวนหนึ่ง มีการเปิดรับจองจนเต็มโควตา และผมรู้ว่าลูกค้าแต่ละคนมีความมั่นใจในสยามนิสสัน กรุงไทย และมั่นใจในแบรนด์นิสสัน แต่กลายเป็นว่าเกิดปัญหา Semi-Conductor ขาดตลาด แล้วรถยนต์หนึ่งคันใช้อุปกรณ์ดังกล่าวจำนวนมาก ทำให้โควตาที่ได้ ถูกปรับลดลง สิ่งที่ผมจำต้องทำ คือการคืนเงินจองของลูกค้า เป็นจำนวนเงินกว่า 30 ล้านบาท วันนั้นผมรู้สึกโทษตัวเองก่อนเลย ว่าทำไมไม่เช็คให้ชัวร์เรื่องจำนวนที่จะได้เข้ามา การขาดตลาดของ Semi-Conductor เป็นเพียงข้ออ้าง ถ้าผมมืออาชีพพอ ผมต้องทำนายสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ นั้นทำให้ผมเรียนรู้ว่า ผมต้องมองข้ามไปหลายๆ จังหวะ โชคดีที่เมื่อสะท้อนปัญหาให้ทางนิสสันบริษัทแม่ ก็มีการปรับเปลี่ยนสไตล์การทำงานหลายอย่าง มีความชัดเจนในเรื่องของโควตามากขึ้น
มุมมองของผู้นำที่ดี
ผมทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ก่อนที่จะเริ่มต้นสอนทีมงานของผม ถ้าผมสอน แต่ไม่เคยทำให้เห็น แน่นอนว่าไม่มีใครที่จะเชื่อถือ ผมแน่ๆ จนทุกวันนี้ เวลาผมไปส่งลูกค้าผมไปยืนกันรถที่ถนนหน้าฟุตบาทด้วยตัวเอง จนทีมงานของผมเกือบทุกคนก็ทำตาม เพราะผมทำให้ดูเป็นตัวอย่าง หรือก่อนที่ผมจะให้ความเห็นสิ่งใด ผมต้องทำการบ้านมาเยอะมาก เพราะผมมองว่า ผู้นำที่ดี ต้องทำให้ทีมงานเห็น
หัวใจสำคัญของการเป็นดีลเลอร์
การบริการครับ เราส่งมอบเพียงแต่รถยนต์ไม่ได้ หัวใจหลักของการเป็นดีลเลอร์ คือการเป็นคนแรกที่เจอลูกค้า และต้องอยู่กับลูกค้าไปตลอดทาง เซลส์อาจจะจบหน้าที่ที่การขายรถ แต่จะดีกว่าหรือไม่ ถ้าสามารถให้คำแนะนำลูกค้า แล้วผันตัวเองเป็นเพื่อนกับลูกค้า หรือต่อให้ลูกค้าไม่ได้ซื้อรถกับทางสยามนิสสัน กรุงไทย ก็ยังสามารถมาปรึกษาปัญหากับสยามนิสสัน กรุงไทยได้
ต้นแบบแนวทางและวิธีคิดในการทำงาน
จุดเริ่มต้น ก็ต้องกล่าวว่า มาจากคุณพ่อ คุณแม่ และพี่ชาย ในด้านการทำงาน ด้านการบริหารจัดการงาน แต่มุมมองที่ผมมีต่อการทำงานก็ต้องย้อนกลับไปหาลูกค้าครับ คือวันที่ผมเริ่มต้นทำงาน และได้สัมผัสกับลูกค้า ลูกค้าสอนผมเยอะมาก ผมนำความต้องการของลูกค้า มาออกแบบการทำงาน ออกแบบทีมงาน ออกแบบวัฏจักรให้เป็นไปตามที่ลูกค้าต้องการ ถ้าตอบโจทย์ลูกค้าได้ เขาจะกลับมาหาเราครับ
และนี่คือ พิสิทธิ์ จันทรเสรีกุล ที่ทำงานและวางแนวทางการทำงานด้วยความใส่ใจ เข้าใจ และเข้าถึงหัวใจแห่งการบริการอย่างแท้จริง