จิตแพทย์พบวัยรุ่นเครียดหนักกว่าวัยทำงานถึง 4 เท่า
ภาวะซึมเศร้า
ว้าวุ่นกันเลยทีนี่..เมื่อ GM Liveได้รับข้อมูลว่าจิตแพทย์พบวัยรุ่นเครียดแซงวัยทำงาน 4 เท่า แนะพ่อแม่ต้องเป็นเซฟโซนให้ลูกหลังเด็กรุ่นใหม่เครียดหนัก เพราะความเครียดเป็นภาวะที่ต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ เนื่องจากไม่สามารถเห็นได้ชัดเจนเฉกเช่นการเกิดบาดแผลหรือบาดเจ็บบนร่างกาย และเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย
ในยุคที่โลกหมุนไปอย่างรวดเร็วส่งผลให้เกิดแรงกดดันในชีวิตประจำวันที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจจนก่อให้เกิดภาวะที่เรียกว่าความเครียด โดยเฉพาะกับกลุ่มวัยรุ่นต้องเผชิญกับแรงกดดันหลายด้าน ไม่ว่าจะเรียนการเรียน ครอบครัว เพื่อนฝูง และการใช้สื่อสังคมออนไลน์ จนเกิดเป็นความเครียดสะสม
ซึ่งบ่อยครั้งปัญหาเหล่านี้ของวัยรุ่นถูกมองข้ามจากครอบครัว เพราะผู้ใหญ่คิดว่าความเครียดของเด็กเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ไม่รุนแรง ส่งผลให้เด็กวัยรุ่นรู้สึกโดดเดี่ยวและเครียดมากกว่าเดิม จนนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าหรือปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ
โดยในเรื่องนี้ GM Live มีบทความจากทางแพทย์หญิง เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านจิตเวช ศูนย์สุขภาพใจ โรงพยาบาลวิมุต ที่ได้ชวนผู้ใหญ่ให้มาทำความเข้าใจว่าความเครียดของวัยรุ่นก็เป็นเรื่องสำคัญไม่ต่างกับเรื่องของผู้ใหญ่เช่นกัน พร้อมทั้งแนะนำแนวทางที่ครอบครัวสามารถสนับสนุนวัยรุ่นให้มีสุขภาพจิตที่ดี ก้าวข้ามช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้
ความเครียด ปัญหาของวัยรุ่นที่ไม่ได้หายง่าย ๆ
หนึ่งในปัญหาสุขภาพจิตที่พบได้บ่อยในวัยรุ่นคือ ความเครียด ภาวะอารมณ์หรือความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ อึดอัด และไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ซึ่ง พญ.เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ อธิบายเพิ่มเติมว่า “บ่อยครั้งเวลาเราเจอปัญหาหรืออุปสรรคที่เข้ามาในชีวิต ก็เป็นเรื่องปกติที่ทำให้เรารู้สึกเครียด ซึ่งหลายคนพอเห็นว่าเด็ก ๆ เครียด ก็มักแนะนำให้ไปฟังเพลง เล่นเกม หรือคุยกับเพื่อนก็น่าจะหายเครียดแล้ว แต่จริง ๆ ความเครียดของวัยรุ่นไม่ได้แก้ไขง่ายขนาดนั้น เพราะการจัดการกับความเครียดบางครั้งก็ต้องการคนคอยแนะนำและอยู่เคียงข้าง”
ส่องปัจจัยและสัญญาณความเครียดในวัยรุ่นที่ครอบครัวต้องใส่ใจ
วัยรุ่นในปัจจุบันต้องเผชิญกับหลายปัจจัยที่ทำให้เครียด ไม่ว่าจะเป็นแรงกดดันจากการเรียน ความคาดหวังจากครอบครัว หรือแม้แต่การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นในโลกออนไลน์ และยังเกี่ยวข้องกับความเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนที่ทำให้มีอารมณ์แปรปรวนได้ง่ายขึ้น ซึ่งความเครียดเหล่านี้หากสะสมไว้นานอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ เช่น โรคซึมเศร้า ภาวะวิตกกังวล โรคอารมณ์สองขั้ว หรือภาวะสมาธิสั้น พญ. เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ เล่าถึงสัญญาณของความเครียดว่า “ปกติเด็กไม่ค่อยแสดงออกว่าตัวเองเครียด ผู้ปกครองอย่างเราจึงควรเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดว่ามีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ได้เกรดน้อยลง ชอบอยู่คนเดียวมากกว่าอยู่กับเพื่อนหรือครอบครัว หรือหงุดหงิดง่ายขึ้น ซึ่งถ้าเด็ก ๆ มีอาการแบบนี้ก็อาจเกิดจากความเครียด ควรหันมาใส่ใจและพูดคุยหาสาเหตุร่วมกันทันที”
ครอบครัวต้องเป็นเซฟโซนให้เด็ก
คนที่ใกล้ชิดที่สุดอย่างครอบครัว คือจุดเริ่มต้นในการดูแลสุขภาพจิตของวัยรุ่น ในยุคที่โลกโซเชียลมีอิทธิพลต่อวัยรุ่น สิ่งสำคัญอย่างแรกคือการสอนให้เด็ก ๆ ใช้สื่อออนไลน์อย่างมีสติ และแบ่งเวลาทำกิจกรรมในชีวิตจริง เช่น ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ หรือใช้เวลากับครอบครัว เพื่อลดความกดดันจากโลกออนไลน์ นอกจากนี้การสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและการสื่อสารเชิงบวกในครอบครัวก็เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันไม่ให้เกิดความเครียดสะสม ลดโอกาสที่วัยรุ่นจะหันไปหาสารเสพติดหรือทางออกที่ผิด พญ. เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ อธิบายต่อว่า “ครอบครัวควรจะเป็นเซฟโซนที่วัยรุ่นสามารถเล่าปัญหาหรือระบายความรู้สึกโดยไม่ถูกตัดสินหรือมองว่าเป็นภาระ ผู้ปกครองควรพูดคุยกับเด็ก ๆ อย่างเปิดใจ ไม่ละเลยหรือด้อยค่าความเครียด วิธีนี้จะช่วยให้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่อาจเป็นสัญญาณของปัญหาทางจิตใจ ทำให้ผู้ปกครองสามารถพูดคุยและช่วยจัดการความเครียดของลูก ๆ ได้อย่างเหมาะสม และหากจำเป็นก็ควรพาไปปรึกษาจิตแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ ซึ่งปัจจุบันเป็นเรื่องปกติในสังคมที่ไม่ต้องรู้สึกอาย”
ทั้งนี้ พญ. เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “คุณพ่อคุณแม่ทุกคนต้องเข้าใจว่าความเครียดของวัยรุ่นไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นปัญหาที่ต้องทำความเข้าใจอย่างจริงจัง ในฐานะคนในครอบครัวก็อยากให้ช่วยกันแก้ไขปัญหา รับฟังและพูดคุยกับพวกเขาอย่างไม่ตัดสิน ทำให้ครอบครัวเป็นเซฟโซนที่เด็ก ๆ สามารถพึ่งพาได้ เพื่อให้พวกเขารู้สึกว่า ไม่ว่าจะพบเจอกับความเครียดขนาดไหน ก็จะสามารถผ่านไปได้เสมอ”
ที่มา : ศูนย์สุขภาพใจ ชั้น 18 โรงพยาบาลวิมุต โทร 02-079-0078 หรือ Telemedicine ผ่าน ViMUT App