Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton สัญลักษณ์แห่งการผจญภัยสุดยิ่งใหญ่
เรือนเวลา
เท่าที่ GM Live ทราบถึงที่มาของแบรนด์เรือนเวลายอดนิยมสัญชาติสวิสฯ ภายในต้ชื่อ Rado (ราโด) โดยหากย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1917 ซึ่งเป็นช่วงเวลาพี่น้อง Fritz, Ernst และ Werner Schlup ได้เปลี่ยนตัวเองเป็นช่างทำนาฬิกา จนเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง จึงมีการเปิดตัวแบรนด์นาฬิกาของตัวเอง ในชื่อ Rado นั้นเอง
และหากพูดถึงคอลเล็กชั่นนาฬิกาที่ได้รับความนิยมตลอดกาลของ Rado ต้องมีชื่อ Captain Cook นำหน้ามาแน่นอน เพราะประสบความสำเร็จมาตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปีค.ศ.1962 ซึ่งแม้เวลาจะผ่านมาเกินกว่า 60 ปีแล้ว แต่ Rado ยังคงเติมความคิดสร้างสรรค์ และพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ จนกระทั่งมาถึงปีนี้ทางแบรนด์ได้เปิดตัว Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton พร้อมทยอยเนรมิตไฮเทคเซรามิกสีใหม่ๆ ออกมาเพิ่มความแปลกตา ทั้งยังได้รับเสียงตอบรับจากคนรักนาฬิกาเป็นอย่างดี
ตลอดระยะเวลา 62 ปีของนาฬิกาตระกูล Captain Cook นี้ ได้มีการพัฒนาดีไซน์ให้มีความหลากหลายมาโดยตลอด มีการนำศิลปะแห่งไฮเทคเซรามิกมาผสานกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย ใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปในทุกดีเทลไม่ว่าจะเป็นการสลักลวดลายแบบ Côtes-de-Genève ดีไซน์กลไกการเดินให้มีหลายเฉดสี หรือการวางสัญลักษณ์สมอเคลื่อนที่บนพื้นหลังสีแดงทับทิม องค์ประกอบทั้งหมดนี้รวมกันจนเกิดเป็น Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton เรือนใหม่ที่ดูเพลินตา และโดดเด่นในแบบของตัวเอง ที่พร้อมให้ใส่ออกไปผจญภัยกับช่วงเวลาอันยิ่งใหญ่ตามแบบฉบับของตน
และสำหรับเรือนเวลาใหม่ล่าสุดในซีรีส์ Captain Cook Skeleton เรือนนี้ มาในโทนสีที่ดูเข้มแข็ง อบอุ่น ตัวเรือนเป็นไฮเทคเซรามิกสีดำด้าน ตัดกับขอบหน้าปัด PVD สีโรสโกลด์เช่นเดียวกับเม็ดมะยม มาพร้อมกับคริสตัลแซฟไฟร์ที่เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน เผยให้เห็นหน้าปัดรมควันด้านในที่ดูมีเสน่ห์กับกลไกการเดินคาลิเบอร์ออโตเมติก R808 ซึ่งรังสรรค์ขึ้นมาอย่างประณีตบรรจง
นอกจากนี้ยังมีแฮร์สปริง Nivachron™ ช่วยป้องกันสนามแม่เหล็ก ทำให้บอกเวลาได้อย่างแม่นยำในทุกสภาพแวดล้อม การันตีด้วยการผ่านการทดสอบความแม่นยำครบทั้ง 5 ตำแหน่ง และยังมีคุณสมบัติสำรองพลังงานได้ยาวนานสูงสุด 80 ชั่วโมง เมื่อพลิกนาฬิกาไปด้านหลังก็จะพบฝาหลังไทเทเนียมชุบ PVD สีดำ กับคริสตัลแซฟไฟร์ที่เปิดให้เห็นชิ้นส่วนต่างๆ อันสลับซับซ้อนน่าค้นหา รวมทั้งได้เห็นกลไกการเดินในอีกมุมหนึ่งด้วย
ยิ่งเมื่อมองลงไปในรายละเอียดเล็กๆ ของ Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton เรือนนี้ จะยิ่งพบความงดงามโดดเด่นอีกมากมาย อาทิ ขอบหน้าปัดแบบหมุนได้สีโรสโกลด์ที่ทำจากสแตนเลส ดีไซน์ให้บริเวณรอยหยักมีความคมชัดเจน เพื่อเสริมความสปอร์ตและทะมัดทะแมง บริเวณกรอบหน้าปัดไฮเทค เซรามิกสีดำด้าน มีการใช้เทคนิคยิงเลเซอร์เพื่อช่วยลดรอยนิ้วมือจึงสวมใส่ได้อย่างไร้กังวล ในส่วนของขีดเพื่อบอกเวลา ตัวเลข และเข็มนาฬิกาเป็นสีโรสโกลด์ โดยเคลือบสาร Super- LumiNova® สีดำพิเศษไว้ ซึ่งจะเรืองแสงสีฟ้าราวกับหลุดมาจากอวกาศ ทำให้มองเห็นเวลาได้อย่างชัดเจนไม่ว่าแสงรอบตัวจะน้อยเพียงใดก็ตาม
อีกหนึ่งคุณสมบัติสำคัญที่เป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกาตระกูลนี้ ก็คือการใช้ไฮเทคเซรามิกมาผลิตแบบโมโนบล็อก ตัวเรือนจึงดูเรียบเนียนในทุกมุมมอง สายนาฬิกาเองก็ทำจากไฮเทคเซรามิกสีดำด้าน มอบความรู้สึกสบายผิวอันเป็นจุดเด่นที่ทำให้คนรักนาฬิกาหลงใหล บริเวณสายนาฬิกามีบานพับล็อกสามทบทำจากไทเทเนียมกับปุ่มกดที่ผลิตจากเซรามิก ขณะที่ชิ้นส่วนและความดีงามอื่นๆ ก็ยังคงคุณภาพสูงตามแบบฉบับของ Rado อาทิ เม็ดมะยมแบบขันสกรู การประกอบนาฬิกาอย่างแม่นยำโดยผู้เชี่ยวชาญ ทั้งยังกันน้ำได้ลึกถึง 30 บาร์ (300 เมตร)
ทำไมต้องไฮเทคเซรามิก
คำตอบคือ เพราะไม่เหมือนวัสดุอื่นๆ…
หัวใจสำคัญของไฮเทคเซรามิกจาก Rado ต้องใช้คำว่า “Feel it” คือต้องสัมผัสและทำความรู้จัก ถึงจะพบว่านี่คือสุดยอดวัสดุที่ไม่มีใครเหมือน
จากจุดเริ่มต้นในอดีตที่ต้องการผลิตวัสดุที่มีความทนทานสูง ทำให้ Rado สร้างสรรค์ไฮเทคเซรามิกขึ้นมาได้สำเร็จ เป็นสารที่มีน้ำหนักเบา ทนทานต่อรอบขีดข่วนได้อย่างดีเยี่ยม แต่ในความแข็งแกร่ง ทนทานของไฮเทคเซรามิก ยังมีอีกคุณสมบัติที่น่าหลงใหล นั่นคือความสบายผิว เมื่อสวมบนข้อมือแล้วจะสัมผัสได้ถึงความนุ่มเป็นมิตรกับผิว ทั้งตัวเรือนและสายนาฬิกา เหมือนเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้อยู่บนข้อมืออย่างแท้จริง เป็นสัมผัสที่ไม่ว่าใครก็จะไม่มีวันลืม
ข้อมูลเกี่ยวกับไฮเทคเซรามิก
Rado เปิดตัวไฮเทคเซรามิกครั้งแรกเมื่อปีค.ศ.1986 วัสดุที่มีคุณสมบัติมากมาย ทั้งแข็งแรงทนทาน ป้องกันรอยขีดข่วนได้ น้ำหนักเบา และให้สัมผัสนุ่มนวล ทั้งหมดนี้ทำให้ชนะใจคนรักนาฬิกาทั่วโลกได้ทันที
ไฮเทคเซรามิกเกิดขึ้นได้ด้วยวิทยาศาสตร์ขั้นสูง ต้องใช้ทั้งผงอะลูมิเนียมออกไซด์, เซอร์โคเนียมออกไซด์ และซิลิกอนไนไตรด์บริสุทธิ์ที่มีขนาดเกรนเท่ากันทั้งหมด จากนั้นนำมาขึ้นรูป แล้วเข้าอบในอุณหภูมิสูง โดยมีพลาสติกผสมผงแร่เป็นสารตัวกลางที่ช่วยให้ฉีดขึ้นรูปในแม่พิมพ์ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ต้องอยู่ใต้แรงดันราว 1,000 บาร์ หลังจากนั้นเมื่อส่วนประกอบเย็นตัวลง ก็นำไปเผาผนึกที่อุณหภูมิ 1450°C ขั้นตอนนี้อยู่ในระดับเดียวกับการผลิตจรวด ซึ่งทำให้ไฮเทคเซรามิกมีความหนาแน่นและแข็งแรงกว่าเซรามิกทั่วไป โดยช่างเทคนิคต้องคำนวณขนาดนาฬิกาให้แม่นยำ เพราะกระบวนการเผานี้ตัวเรือนจะหดลง 23% ส่วนความแข็งสุดท้ายที่ได้อยู่ในระดับ 1,250 Vickers พร้อมเข้าสู่กระบวนการเจียระไนและตกแต่งด้วยเครื่องมือเดียวกับที่ใช้เจียระไนเพชร
Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton
กลไกการเดิน : Rado คาลิเบอร์ R808, ออโตเมติก, อัญมณี 25 เม็ด, เข็มนาฬิกา 3 เข็ม, สำรองพลังงานได้นาน 80 ชั่วโมง, แฮร์สปริง Nivachron™ ป้องกันสนามแม่เหล็ก, ผ่านการทดสอบความแม่นยำถึง 5 ตำแหน่ง ข้างหน้าปัดตกแต่งด้วยลวดลาย Côtes-de-Genève สีนิกเกิล บริดจ์ตรงกลางสีโรสโกลด์ ฝาหลังสีนิกเกิล
ตัวเรือน : ไฮเทคเซรามิกแบบด้านสีดำด้าน โครงสร้างเป็นแบบชิ้นเดียว ขอบหน้าปัดแบบหมุนได้ทำจากสแตนเลสเคลือบ PVD สีโรสโกลด์ พร้อมกรอบหน้าปัดไฮเทคเซรามิกสีดำด้านยิงเลเซอร์ลดรอยนิ้วมือ ขีดบอกเวลา ตัวเลข และรูปสามเหลี่ยมเคลือบแล็กเกอร์สีโรสโกลด์ ฝาหลังไทเทเนียมเคลือบ PVD สีกรมดำ ขัดเงารูปวงกลม พร้อมคริสตัลแซฟไฟร์รมควัน เม็ดมะยมเป็นแบบขันสกรู ทำจากสแตนเลสเคลือบ PVD สีโรสโกลด์แบบขัดเงาคริสตัลแซฟไฟร์เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน กันน้ำได้ถึง 30 บาร์ (300 เมตร)
หน้าปัด : สีดำ คริสตัลแซฟไฟร์สีดำ ดัชนีบอกเวลาสีโรสโกลด์ขัดเงา เคลือบสาร Super-LumiNova® สีดำสัญลักษณ์รูปสมอเคลื่อนที่เคลือบ PVD สีโรสโกลด์อยู่บนพื้นหลังสีแดงทับทิม โลโก้ Captain Cook และ Rado พิมพ์สีโรสโกลด์
เข็มนาฬิกา : ขัดเงาสีโรสโกลด์เคลือบสาร Super-LumiNova® สีดำ
สายนาฬิกา : ไฮเทคเซรามิกสีดำด้านบานพับล็อกแบบสามทบทำจากไทเทเนียม
ขนาด : 43.0 x 49.8 x 14.6 มม. (กว้าง x ยาว x สูง)