fbpx

เผยความสำเร็จของอาณาจักรสิงห์ เอสเตท ภายใต้กลยุทธ์ “S EXCELS” มุ่งสู่ความเป็นเลิศในทุกมิติ สร้างกำไร All-time High ใน 4 กลุ่มธุรกิจ

เปิดอาณาจักรสิงห์ เอสเตท

9 ปีแห่งความสำเร็จของสิงห์ เอสเตท กับการส่งมอบผลงานที่เป็นคุณค่าอย่างไม่รู้จบ ตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น ผ่านความมุ่งมั่นในดำเนินธุรกิจ บนแนวคิดของความกล้าคิด กล้าลงมือทำในสิ่งที่แตกต่าง ควบคู่ไปกับความใส่ใจในการส่งมอบมาตรฐานระดับสูงที่ สิงห์ เอสเตท ให้ความสำคัญ พร้อมกันนี้ยังสร้างความหลากหลายในพอร์ตการลงทุนเพื่อให้เกิดความสมดุลทางธุรกิจและการเติบโตของกลุ่มบริษัทฯ อย่างมั่นคงและยั่งยืน ทั้งหมดนี้ส่งผลให้สิงห์ เอสเตท ก้าวขึ้นสู่การเป็นบริษัทลงทุนและโฮลดิ้งระดับโลกที่มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ที่พร้อมส่งมอบคุณค่าไปยังกลุ่มนักลงทุน ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย

ในปี 2566 สิงห์ เอสเตท ตั้งเป้าสร้างผลประกอบการแบบ All-time-High ในทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ คือ 1) ธุรกิจที่พักอาศัย 2) ธุรกิจพัฒนาพื้นที่อาคารสำนักงานให้เช่าและพื้นที่ค้าปลีก 3) ธุรกิจโรงแรม และ 4) ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานฯ ด้วยกลยุทธ์ S-EXCELS โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้รวมของบริษัทฯ โตเพิ่มขึ้น 34% หรือสูงกว่า 16,700 ล้านบาท

การต่อยอดความสำเร็จภายใต้กลยุทธ์ S EXCELS

สำหรับในปี 2566 สิงห์ เอสเตท ปักธงเดินหน้ากลยุทธ์ “S EXCELS” มุ่งสู่ความเป็นเลิศในทุกมิติ เพื่อต่อยอดความสำเร็จบนพื้นฐาน 3 แนวคิดหลัก อันประกอบด้วย 1) WE EXCELS ความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจอย่างแท้จริง สะท้อนจากผลประกอบการ All-time-High ของทุกกลุ่มธุรกิจ 2) WE CO มาจาก “Internal – External Collaboration” การทำงานประสานกันภายในองค์กร ทั้งระหว่างกลุ่มธุรกิจและกลุ่มพันธมิตร 3) WE CARE ที่สื่อถึง “Enriching Stakeholders’ Value” การดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มด้วยความมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้กการบริหารจัดการที่ดี เพื่อปกป้องผลประโยชน์ สร้างผลกำไร และความเจริญก้าวหน้าให้กับทุกภาคส่วน

WE EXCELS

4 กลุ่มธุรกิจหลักทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมจ่ายกำไรปันผลแก่ผู้ถือหุ้น

ภายใต้เส้นทางแห่งความสำเร็จเพื่อการสร้างยอดขายและผลการดำเนินงานแบบ All-time-High ในแบบฉบับของสิงห์ เอสเตท บริษัทฯ ได้วางแผนธุรกิจอย่างรัดกุมในทุก ๆ ด้าน เพื่อสร้างผลการดำเนินงานที่เป็นเลิศในทุกกลุ่มธุรกิจ ตลอดจนสามารถเพิ่มผลกำไรเพื่อจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด

ผลการดำเนินงานเป็นเลิศในกลุ่มธุรกิจที่พักอาศัย ประกาศแผนเปิดตัวโครงการที่พักอาศัยแนวราบใหม่อีก 5 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้าน

ในปี 2566 สิงห์ เอสเตท เตรียมต่อยอดความสำเร็จด้วยโครงการบ้านแนวราบใหม่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยบนทำเลศักยภาพ ขยายฐานเจาะตลาดหลากหลายเซกเมนต์อีก 5 โครงการ ประกอบด้วย บ้านราคา 15-30 ล้านบาท บ้านแบบ Cluster Home ราคาตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป รวมถึง Flagship Cluster Home Project ซึ่งมีราคาเริ่มต้น 550 ล้านบาทต่อหลัง ด้วยมูลค่ารวม 5 โครงการกว่า 10,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังตอบรับความต้องการในตลาดคอนโดมิเนียมที่กลับมาคึกคักอีกครั้งด้วยการขยายสัดส่วนการถือครองโครงการ The ESSE Sukhumvit 36 ส่งผลให้รับรู้รายได้และกำไรจากโครงการดังกล่าวเต็ม 100% โดยบริษัทฯ คาดว่าโครงการที่พักอาศัยโดยรวมในปีนี้จะมีรายได้เติบโตขึ้นกว่า 70%

ธุรกิจพัฒนาพื้นที่อาคารสำนักงานให้เช่าและพื้นที่ค้าปลีก สัญญาณดีต่อเนื่องด้วยอัตราปล่อยเช่าเฉลี่ยสูงถึง 90%

โมเดลธุรกิจ Right sizing ซึ่งนำเสนอขนาดพื้นที่ให้เช่าที่หลากหลาย และโมเดลธุรกิจ Ready-to-move หรือการจัดสรรพื้นที่ให้เช่าพร้อมใช้งานมีสัญญาณการฟื้นตัวดีอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2566 ตั้งเป้าผลประกอบการเพิ่มขึ้น 20% ด้วยอัตราการเช่าพื้นที่สูงกว่า 90% ในทุกโครงการ ทั้งสิงห์ คอมเพล็กซ์, ซันทาวเวอร์ส และ เอส เมโทร รวมถึงโครงการอาคารสำนักงานล่าสุดอย่าง เอส โอเอซิส บนถนนวิภาวดีรังสิต พร้อมเซ็นสัญญาผู้เช่ารายใหญ่ในไตรมาส 2 ปีนี้

กลุ่มธุรกิจโรงแรมภายใต้การบริหารงานของ ‘เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท’ หรือ ‘SHR’ เพิ่มอัตราการเข้าพักรวมแตะระดับ All-time High ที่ 75% คาดรายได้โตทะลุหมื่นล้านในปี 2566

โรงแรมในเครือที่ประเทศไทยทั้ง 4 แห่งถือเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ คาดรายได้เติบโตถึง 60% จากปีก่อนหน้า โดยรายได้โรงแรมในมัลดีฟส์จะเติบโตขึ้น 30% หนุนรายได้รวมทะลุ 10,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นกว่า 20% ทั้งนี้ในปี 2566 จะเน้นสร้างอัตราการเข้าพักรวมแตะระดับ All-time High ที่ 75% ขณะที่การหมุนเวียนและต่อยอดการลงทุนสินทรัพย์ (Asset Rotation & Enhancement) รวมถึงการปรับปรุงและยกระดับโรงแรมในเครือจะช่วยสนับสนุนให้ SHR ครองตำแหน่งผู้ประกอบธุรกิจบริหารจัดการโรงแรมรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของไทยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในช่วงปลายปีจะมีการเปิดตัว SO/ Maldives โรงแรมไลฟ์สไตล์หรูระดับ 6 ดาว ในโครงการครอสโรดส์ มัลดีฟส์ อย่างเป็นทางการ คาดช่วยสร้างกำไรให้กับบริษัทฯ อีกทางหนึ่ง

กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน เติบโตแบบก้าวกระโดดด้วยยอดการโอนที่ดินเพิ่มเป็น 2 เท่า

บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า โดยมีแรงหนุนสำคัญจากปัจจัยมหภาค ซึ่งบีโอไอคาดว่าระดับการลงทุนจากต่างประเทศจะคงตัวที่ราว 5 – 6 แสนล้านบาท ประกอบกับความร่วมมือกับนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ผนวกจุดแข็งของนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง ซึ่งตอบโจทย์ธุรกิจที่หลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ใช้พลังงานและน้ำจำนวนมาก และธุรกิจที่ต้องการใช้พลังงานสะอาดเพื่อขยายสู่ตลาดระดับสากล เนื่องจากนิคมตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางของแหล่งวัตถุดิบและเส้นทางการขนส่ง มีแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ แหล่งไฟฟ้าคาร์บอนต่ำ และมีโรงไฟฟ้า 3 แห่งภายใต้ความร่วมมือกับ บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ซึ่งจะสามารถผลิตไฟฟ้าสูงสุด 400 เมกะวัตต์ได้ภายในสิ้นปี ซึ่งการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าจะช่วยผลักดันส่วนแบ่งกำไรให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว

WE CO

ผสานความแข็งแกร่งเสริมศักยภาพระหว่างธุรกิจในเครือ (Internal Synergy) เพื่อสร้างจุดขายที่แตกต่าง พร้อมจับมือพันธมิตรระดับสากล (Strategic Partner) เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และการเติบโตแบบก้าวกระโดด

บริษัทฯ ยังมีแผนขยายธุรกิจ ผ่านความร่วมมือกันระหว่างธุรกิจในเครือ อาทิ การพัฒนาโครงกการ Branded Residence ด้วยความร่วมมือระหว่างธุรกิจพักอาศัย และ ธุรกิจโรงแรม หรือ การที่ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานเข้าติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาของโรงแรมในเครือ SHR ทั้งในไทยและมัลดีฟส์รวมพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ซึ่งจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ราว 3 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ทั้งสามารถเพิ่มรายได้ให้ส่วนธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ขณะเดียวกันก็สามารถลดต้นทุนให้ส่วนธุรกิจโรงแรม  โดยในภาพรวมของความร่วมมือภายในนั้น จะช่วยสร้างจุดขายที่แตกต่างให้กับบริษัท

ขณะที่ การร่วมมือกับพันธมิตร โดยธุรกิจอาคารสำนักงาน สิงห์ เอสเตท มีแผนร่วมมือกับผู้ประกอบการชั้นนำ โดยจะเริ่มพัฒนาโครงการ Flex Space ในอาคารสำนักงานของบริษัทฯ การบริหารจัดการธุรกิจโรงแรมด้วยกลยุทธ์ Asset Light Model เพื่อตอบโจทย์การบริหารเงินลงทุนอย่างคุ้มค่าและความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการสูง โดยสิ่งที่ทำให้ SHR โดดเด่นจากเครือโรงแรมอื่นคือการรับบริหารโรงแรมอื่น ๆ โดยไม่ได้จำกัดเฉพาะแบรนด์ ทราย (“SAii”) แต่ยังรับบริหารโรงแรมภายใต้แบรนด์อื่น (Third Party Operator) ขณะที่ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน เน้นด้านพลังงานสะอาด ซึ่งภาพรวมของความร่วมมือเหล่านี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการตามทันตลาด และยังตรงตามความต้องการของผู้บริโภค

ทั้งนี้ การผนึกความแข็งแกร่งของธุรกิจในเครือ สิงห์ เอสเตท ผสานความร่วมมือจากพันธมิตรชั้นนำ ส่งผลให้บริษัทฯ จะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตเฉลี่ยปีละ 20% ตลอดระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า ผนวกกับแผนการดำเนินงานและกลยุทธ์เพื่อสร้าง All-Time High ในทุกกลุ่มธุรกิจ ทำให้ สิงห์ เอสเตทเชื่อมั่นว่าในปี 2566 รายได้รวมของบริษัทฯ จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 34% หรือมากกว่า 16,700 ล้านบาท

WE CARE

การรักษาดุลยภาพการสร้างผลกำไรเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ

สิงห์ เอสเตท เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปภายใต้วิสัยทัศน์ในการสร้างความหลากหลายที่สมดุล เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Diversity ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายใน ปีพ.ศ. 2573 (ค.ศ.2030) พร้อมส่งเสริมให้มีการรักษาพื้นที่ที่มีความสาด้านความหลาก หลายทางชีวภาพ ภายในพื้นที่ๆ ดำเนินธุรกิจ โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนมาเพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ พร้อมยึดมั่นแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดี สร้างความสมดุลระหว่างผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ตลอดทั้งชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ