Toxic People: ทำไม ‘คนเป็นพิษ’ ถึงได้ดิบได้ดีในสายงาน?
มีคนเคยกล่าวว่า โลกของการทำงาน ก็ไม่ต่างอะไรกับ ‘สมรภูมิรบ’ ที่คนคนหนึ่งจะต้องรับมือกับทั้งความยากลำบากของการทำงาน จนถึงการรักษาระดับความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ที่ร้อยพ่อพันแม่ มีความแตกต่างทางด้านนิสัยใจคอ และแน่นอน ‘คนเป็นพิษ (Toxic People)’ นั้นก็เป็นประเภทที่เราสามารถพบเจอได้บ่อย เป็นคนที่แค่อยู่ใกล้ก็เหมือนโดนสูบพลังชีวิตหายไปครึ่งตัว เป็นคนที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง และไม่สนใจเอกภาพหรือความรู้สึกของใคร
แต่น่าแปลกไม่น้อย ที่หลายการศึกษาและการวิจัยจากกลุ่มตัวอย่าง กลับพบว่า ‘คนเป็นพิษ’ เหล่านั้น มีแนวโน้มที่จะก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เป็นเจ้าคนนายคนในระดับสูงได้อย่างน่าประหลาด และเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในการงานอย่างน่าพิศวง
(ตัวอย่างเช่น Donald Trump อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาผู้ฉาวโฉ่ ที่บุคลิกสุดแสนจะเป็นพิษ แต่สามารถขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี, George Soros นักการเงินมือฉมัง ผู้สามารถทำลายล้างการเงินของประเทศหนึ่งอย่างไม่รู้สึกรู้สา หรือแม้แต่ Steve Jobs ศาสดาแห่งแบรนด์ Apple ผู้ล่วงลับ ก็ขึ้นชื่อเรื่องความ Toxic กับผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างร้ายกาจจนเป็นที่เลื่องลือ…)
ทำไมคนเหล่านั้นถึงได้ดีในสายงาน? ทำไมความร้ายกาจและนิสัยที่ไม่น่าคบหาถึงถางทางและเป็นบันไดในหน้าที่การงานได้ขนาดนี้? เชื่อว่าหลายคนอาจจะมีคำถามดังกล่าวเกิดขึ้นในใจ และในทางสังคมวิทยาและจิตวิทยา มีคำตอบสำหรับความน่าฉงนใจเหล่านี้
บุคลิกของคนเป็นพิษกับการทำงาน
คนที่เป็นพิษหรือ Toxic People นั้น แม้ดูเผินๆ จะเป็นคนไม่น่าคบหา ไม่น่าร่วมงาน และไม่น่าพบพานให้มาสังฆกรรมกับชีวิตตัวเองมากนัก แต่พวกเขาเหล่านั้นก็มีคุณสมบัติที่ ‘ไปกันได้’ กับระบบการทำงานในรูปแบบของบรรษัทดังต่อไปนี้
- -พวกเขาเหล่านั้นมองผลลัพธ์เป็นที่ตั้ง (Goal-Oriented) โดยไม่สนใจว่าจะเหยียบย่ำความรู้สึกของใคร
- -พวกเขาเหล่านั้นชอบการเป็นจุดสนใจ (Narcissism) ให้อยู่ในสายตาของผู้บังคับบัญขาและเพื่อนร่วมงาน
- -พวกเขามีความสามารถในการใช้ประโยชน์จากคนรอบข้าง (Machiavellianism) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตัวเอง
- -พวกเขาปราศจากความเห็นอกเห็นใจหรือความเข้าใจความรู้สึกของคนรอบข้าง (Psychopathy) โลกของพวกเขา มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่สำคัญที่สุด
เหล่านี้ เป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่มักพบเห็นโดยมากในคนทำงานที่เป็นพิษ สำหรับพวกเขาเหล่านั้น การทำงานคือการตอบสนองต่อผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ได้มีความภักดีหรือความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับทีม และพร้อมใช้ประโยชน์หรือหักหลังใครก็ได้เพื่อให้พวกเขาบรรลุซึ่งเป้าหมาย และภายใต้ระบบการทำงานแบบบริษัทที่มีการแข่งขันสูง คุณสมบัติด้านลบเหล่านี้ก็สามารถถูกมองอย่างผ่านๆ ว่าเป็นคนที่มีไฟ เป็นคนที่ใส่ใจ เป็นคนที่เป็นที่รัก จนสามารถก้าวหน้าในสายงานไปถึงระดับบน ที่ความเป็นพิษของพวกเขาจะยิ่งทวีความร้ายกาจขึ้นอีกหลายเท่าตัว
คนเป็นพิษกับทักษะกิ้งก่าเปลี่ยนสี
กระนั้นแล้ว ใช่ว่าคุณสมบัติดังที่กล่าวไปจะเป็นทั้งหมด เพราะการทำงานกับคนหมู่มาก ไม่ช้าก็เร็ว ความเป็นพิษจะถูกมองออก และส่งผลลบต่อชีวิตการทำงาน นั่นทำให้อีกคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับคนเป็นพิษถูกนำมาใช้ และมันคือไม้ตายเด็ดที่ทำให้พวกเขาอยู่รอดในโลกแห่งการทำงานได้
นั่นเพราะคนเป็นพิษนั้น ‘เป็นกิ้งก่าเปลี่ยนสี’
กิ้งก่าเปลี่ยนสีที่ว่า คือความสามารถในการสร้างเครือข่ายสังคมของตนเอง (Social Networking), การรู้จักเล่นการเมืองภายในสำนักงาน (Political Skill) และการแสร้งให้มีความเห็นอกเห็นใจให้แก่กัน (Fake Sincerity) เหล่านี้ ทำให้พวกเขาสามารถลื่นไหลในโลกของการทำงาน บดบังคุณสมบัติด้านลบของตนเอง และก้าวไปข้างหน้าอย่างไร้การกีดขวาง พวกเขาคือผู้ชำนาญในโลกเหล่านี้ และไม่เคยเหนื่อยที่จะเล่น เพราะมันคือ ‘เกม’ สำหรับเขา ที่สนองตอบต่อความกระหายความท้าทายและความเป็นพิษของตัวเองอย่างถึงขีดสุด
เราจะรับมือกับคนเป็นพิษในการทำงานอย่างไร
นี่คือโจทย์ที่ยากมากๆ สำหรับโลกแห่งการทำงาน โดยเฉพาะถ้าหากคนเป็นพิษคือคนระดับหัวหน้าในสายงาน สัญญาณการกระด้างกระเดื่องแม้เพียงนิดก็มากพอที่จะทำให้เขาบดขยี้คนคิดต่างให้เป็นผง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทางรับมือไปเสียทีเดียว นั่นเพราะคนเป็นพิษ ไม่ได้มีจุดยืนที่แน่นอนชัดเจน พวกเขาลื่นไหล เปลี่ยนไปมาได้ตลอด และความมั่นคงทั้งการปฏิบัติงาน จนถึงการทำงานครบถ้วนสมบูรณ์ตามหน้าที่ ก็เป็นเกราะป้องกันที่ดีที่จะทำให้คนเป็นพิษต้องชะงัก แน่นอนว่ามันยาก แต่มันก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด ขอเพียงเรามั่นใจว่าทำหน้าที่อย่างครบถ้วน โอกาสที่คนเป็นพิษจะเล่นงานคุณก็น้อยลง
และที่สำคัญคือ อย่ายอมลดตัวเองให้เป็น ‘คนเป็นพิษ’ โดยเด็ดขาด โลกการทำงานอาจจะโหดร้าย และหลายครั้งการก้าวไปข้างหน้าของคนเป็นพิษก็บั่นทอนกำลังใจคนทำงาน แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่ไม่เป็นพิษจะก้าวหน้าไม่ได้ คุณสมบัติของความจริงจังต่องาน การชัดเจนในเป้าหมาย และการร่วมมือเป็นน้ำหนึ่งในเดียวกันกับทีม จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับการทำงานได้
และคุณจะได้เป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าที่มีประสิทธิภาพ ที่ลูกน้องจะรัก และพร้อมทำงานให้โดยไม่มีข้อแม้ เพราะคนเป็นพิษนั้น ไม่สามารถอยู่ในที่ใดที่หนึ่งได้นาน เมื่อถึงจุดหนึ่ง ความเป็นพิษของเขาจะย้อนกลับมาทำร้าย และทำให้เขาไม่สามารถปิดบังความจริงได้อีกต่อไป มันคือสิ่งที่ได้รับการพิสูจน์แล้วมาโดยตลอด และมันจะยังเป็นเช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลง