fbpx

ห้าปีพรีวีซ่า กับทิศทางใหม่เพื่อเศรษฐกิจดิจิตอลของ ‘อินโดนีเซีย’

ในรอบสองถึงสามปีที่ผ่านมา ท่ามกลางการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้รูปแบบของการใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไป การเข้ามาของ ‘New Normal’ ของทุกบริบทรอบตัว ที่ในปัจจุบัน แม้เชื้อร้ายจะสร่างซา และการใช้ชีวิตเริ่มกลับมาในรูปรอยที่ทำท่าจะ ‘ปกติ’ อีกครั้ง (แต่ยังอยู่ในข่ายเฝ้าระวัง และยังมีโอกาสติด แต่ด้วยความรุนแรงที่น้อยกว่า และโอกาสรักษาหายได้มากกว่า) แต่มันก็ได้สร้างความคุ้นเคยใหม่ ให้อยู่ไปกับผู้คนแล้วเป็นที่เรียบร้อย

และการทำงานแบบ ‘Work-From-Home’ ก็เป็นหนึ่งใน ‘ความปกติใหม่ ที่ไม่ค่อยจะใหม่’ ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี

ในปัจจุบัน แม้ว่าหลายบริษัท และหน่วยงาน จะเริ่มเรียกตัวพนักงานและบุคลากรกลับมาประจำสถานที่ แต่การทำงานจากระยะไกล ก็ยังคงมีอยู่ในสัดส่วนที่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แรงงานในสายดิจิตอล และงานสร้างสรรค์ ที่อาจจะไม่จำเป็นต้องเข้าประจำการให้เห็นหน้าค่าตากันบ่อยๆ แต่สามารถทำงานจากระยะไกล ขอเพียงให้มีเนื้องานส่งไป ก็นับว่าเพียงพอ

และด้วยรูปแบบนั้น ได้ก่อให้เกิดกลุ่มแรงงานที่เรียกว่า ‘Digital Nomad’ หรือ ‘กลุ่มคนทำงานดิจิตอลสายเดินทาง’ ขึ้น

เหล่าคนทำงานดิจิตอลสายเดินทาง ที่ไม่พำนักที่ใดที่หนึ่งยาวนาน แต่ทำงานระยะไกลไม่อยู่ติดสำนักงาน และใช้เงินที่ได้ ท่องเที่ยวสำรวจโลก ไม่อยู่ที่ใดที่หนึ่งเป็นระยะเวลานาน คือกลุ่มที่มีมากขึ้นในระยะเวลาที่ผ่านมา และแน่นอนว่า เป็นกลุ่มที่มีรายได้สูงจากสายอาชีพที่ทำ จึงเป็นที่หมายตาของประเทศต่างๆ ที่พร้อมจะดึงดูดให้เหล่าฤาษีดิจิตอล ให้พักค้างอ้างแรมอยู่ให้… นานสักนิดหนึ่ง

และเป็น ‘อินโดนีเซีย’ ที่เริ่มขยับได้อย่างน่าสนใจ นั่นเพราะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้ประกาศให้วีซ่าสำหรับคนทำงานสายดิจิตอล ที่เข้ามาพำนักอยู่ในเกาะบาหลี สามารถอยู่ได้นานกว่า ‘ห้าปี’ โดยไม่ต้องต่ออายุ พร้อมสิทธิประโยชน์ทางการใช้ชีวิต และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน

นี่เป็นการประกาศที่น่าสนใจอย่างยิ่ง นั่นเพราะอินโดนีเซีย ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 นั้น ได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงใหญ่หลวง ต่อภาคเศรษฐกิจ สังคม และรายได้ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ที่เพิ่งจะสามารถยกข้อห้ามและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นั่นหมายความว่า ตำแหน่งงานที่เว้นว่าง และรายได้ที่หายไป จำต้องได้รับการเติมเต็มให้เร็วที่สุด

และเมื่อรวมกับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่างบาหลี และเกาะอื่นๆ ในอินโดนีเซีย จะมีอะไรดีไปกว่าการควบรวมเข้ากับการเชื้อเชิญเหล่าคนทำงานสายดิจิตอล ผู้มีรายรับสูง และชื่นชอบการท่องเที่ยว ให้มาอยู่อาศัยเป็นระยะเวลานานๆ ซึ่งทางการอินโดนีเซียประเมินว่า จะสามารถดึงเอานักท่องเที่ยว ไม่เฉพาะแต่สายดิจิตอล แต่รวมถึงนักท่องเที่ยวทั่วโลก กลับมาได้ และสร้างงานได้กว่า 1 ล้านตำแหน่ง

อนึ่ง อินโดนีเซีย ภายใต้การนำของ Joko Widodo หรือ ‘Jokowi’ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ค่อนข้างจะมีความคิดในเชิงก้าวหน้าอย่างมาก ทั้งการสนับสนุนให้มีการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมสำหรับเทคโนโลยีสมัยใหม่, การพูดคุยหารือเพื่อเปิดทางให้กับโรงงาน Tesla กับ Elon Musk จนถึงการเสนอให้มีวีซ่าห้าปีสำหรับเหล่า Digital Nomad ทั้งหมดนี้ คือความเข้าใจสภาวการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้นได้อย่างทันท่วงที

ซึ่งถ้าพูดแล้ว สำหรับประเทศไทย มันน่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะถ้าในความพร้อมสำหรับการรองรับ Digital Nomad ทั้งด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอย่างระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ท จนถึงสถานที่ท่องเที่ยว และสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงชื่อเสียงในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาติรู้จัก เรามีแต้มต่อที่ค่อนข้างดี แต่กลับปล่อยมันหลุดมือไป ….

ผลลัพธ์มันอาจจะยังไม่เห็นในวันนี้ แต่ในอีกห้าปี หรืออีกสิบปี เราอาจจะตามอินโดนีเซียไม่ทันในสนามแหล่งพำนักของ Digital Nomad ซึ่งก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใด กว่าจะตามได้ทัน จะอีกสิบ หรือยี่สิบปี

เวลามีค่าเสมอ และเวลาในโลกของเหล่า Digital Nomad นั้น ก็ผ่านไป … ไว้ยิ่งนัก

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ