fbpx

5 หนัง 5 เพลง ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่

รื่องโดย : กัณต์ โภคาชัยพัฒน์

ผ่านช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองคริสต์มาสมาไม่นาน นั้นเป็นสัญญาณเตือนว่าเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่มาถึงแล้ว หากแต่ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงส่งผลถึงปัจจุบันนี้ทําให้บรรยากาศของความครึกครื้นจากการปาร์ตี้ กิน ดื่ม เที่ยว ต้องถูกลดทอนลง แต่กิจกรรมอย่างหนึ่งกลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น นั่นคือการนั่งดูหนัง-ฟังเพลง กับครอบครัวภายในบ้าน นอกจากจะได้ความเพลิดเพลินแล้ว ยังช่วงลดการติดเชื้อไปในตัวอีกต่างหาก  และในช่วงวันหยุดยาวรับปี 2022 นี้ GM Live ได้จัดลิสต์แนะนําภาพยนตร์ 5 เรื่อง พร้อม 5 บทเพลงน่าฟังมานำเสนอ เพื่อห้บรรยากาศในเทศกาลพิเศษแบบนี้ไม่น่าเบื่อและเงียบเหงาอีกต่อไป

ภาพยนตร์

It’s a wonderful life (Frank Capra)

เริ่มต้นด้วยที่ลิสต์แรกของ ซึ่งมองดูเผินๆ อาจมีอคติว่าเรื่องนี้เก่าเกินไป แต่หากลองเปิดใจดูจะพบว่าเรื่องนี้มีข้อคิดดีๆ เปรียบเสมือนเป็นของขวัญที่มอบให้กับทุกคนเลยทีเดียว

หนังได้เล่าเรื่องของจอร์จ เบลี่ย์ (เจมส์ สจ๊วต) ชายผู้มีจิตใจเมตตาพร้อมช่วยเหลือผู้คนที่มีปัญหาด้วยความเต็มใจ ถึงกระนั้นเองเหมือนโชคชะตาได้เล่นตลกกับเขาเมื่อมีเหตุการณ์ที่ทําให้เงินของเขาได้หายไปอย่างไม่คาดฝัน ซึ่งนั่นเป็นเหตุให้ตัวเขาคิดที่ฆ่าตัวตายในวันคริสต์มาสอีฟ แต่แล้วเทวดานามว่าแคลเรนซ์ได้ใช้เวทย์มนต์พิเศษพาตัวเอกของเรื่องไปดูเหตุการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไม่มีเขาอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว

ผู้กำกับ Frank Capraได้พาผู้ชมไปสำรวจชีวิตของจอร์จตั้งแต่วัยเด็ก เป็นการปูพื้นฐานให้ได้เข้าใจถึงอุปนิสัยของตัวเอกตั้งแต่วัยเยาว์ ซึ่งต้องชมทีมโปรดักชั่นที่สามารถเนรมิตภาพของเมืองที่จอร์จอาศัยอยู่ในช่วงวัยเด็กได้สุดสมจริงเมื่อเทียบกับยุคสมัยที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายเป็นครั้งแรก แต่มนต์เสน่ห์ของเรื่องไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เพราะการแสดงของ เจมส์ สจ๊วต ซึ่งได้ถ่ายทอดความเจ็บปวดผ่านแววตาสี หน้า และท่าทาง ผ่านบทบาทของจอร์จได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย

นอกเหนือจากความสนุกของภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ชมจะได้รับจากผลงานสุดคลาสสิคนี้แล้ว ยังได้ข้อคิดเในการใช้ชีวิตอีกด้วย โดดยเฉพาะคำกล่าวที่ว่า ทุกชีวิตล้วนมีความสำคัญซึ่งมันจะคอยเตือนใจทุกคนอยู่เสมอถึงความสําคัญของการมีชีวิตอยู่

Source รูปภาพ:  https://www.imdb.com/title/tt0038650/

Green Book (Peter Farrelly)

มาต่อกันที่ภาพยนตร์เจ้าของรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี 2019 Greenbookซึ่งเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของโทนี่ ลิป (วิกโก้ มอร์เทนเซน) อดีตการ์ดประจําร้านอาหารหรูเชื้อสายอิตาเลียน-อเมริกัน ผู้ที่มีอคติกับชาวผิวสี แต่ต้องมาเป็นคนขับรถให้ ดอน เชอร์ลีย์ (มาเฮอร์ชาลา อาลี) นักเปียโนคลาสสิคผิวสีระดับโลก ในระหว่างเดินทางร่วมกันนี้เองที่พวกเขาจะได้เรียนรู้น้ำใจและมิตรภาพจากเพื่อนมนุษย์ที่ไม่อาจลืมเลือนได้เลย

ด้วยความเป็นผู้กํากับสายฮา ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี่  จึงไม่ลืมใส่มุกตลกอันเปรียบเสมือนลายเซ็นของเขาที่ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป สร้างรอยยิ้มให้กับผู้ชม ทั้งยังแฝงปมเสียดสีประเด็นการเหยียดสีผิวได้อย่างแยบยลตลอดการเดินทางของสองตัวชูโรงตามสไตล์ของความเป็นroad movie   

และอีกหนึ่งความโดดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ เคมีที่ลงตัวระหว่างสองตัวละครเอก ที่สามารถถ่ายทอดบทบาทการอสดงออกมาได้อย่างกลมกล่อม รวมถึงพัฒนาการความสัมพันธ์ และการแลกเปลี่ยนความคิดและเรียนรู้ซึ่งกันและกันตลอดเรื่องของของโทนี่ ลิป และ ดอน เชอร์ลีย์ จนทําให้ผู้ชมรู้สึกเติบโตขึ้นไปกับตัวเอกทั้งสอง และฉากสุดท้ายที่เกิดขึ้นในวันคริสต์มาสนั้น เชื่อว่าผู้ที่ได้ชมจะต้องเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและความอิ่มเอมอย่างแน่นอน ซึ่งจุดนี้เองที่ทําให้คนดูและเหล่านักวิจารณ์ตกหลุมรักภาพยนตร์เรื่องนี้

Source รูปภาพ: https://www.newyorker.com/culture/the-front-row/green-book-reviewed-peter-farrellys-bland-regressive-flip-on-driving-miss-daisy

Home Alone (Chris Columbus)

อีกหนึ่งเรื่องภาพยนตร์ในตำนานที่เชื่อเหลือเกินว่า หากจะเลือกภาพยนตร์ไว้ดูช่วงคริสต์มาส หรือช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่แบบนี้  ome Aloneจะเป็นชื่อแรกที่ทุกคนจะนึกถึงอยู่เสมอ  โดยเมื่อต้องดูพร้อมกับสมาชิกครอบครัวที่มีเด็กน้อยรวมอยู่ตัว

แม้ผลงานชิ้นเอกของ คริส โคลัมบัส นั้นอาจดูธรรมดาและเรียบง่าย แต่ก็สร้างรอยยิ้มและความสนุกให้กับผู้ชมได้อย่างน่าอัศจรรย์  โดยเนื้อเรื่องบอกเล่าเรื่องราวของ เควิน (แมคเคาเล คัลกิน) เด็กน้อยสุดซน ที่มีเหตุให้ต้องอยู่เฝ้าบ้านเพียงคนเดียว แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อมีโจรซื่อบื้อได้พยายามบุกเข้าไปขโมยของในบ้านของเขา

ทว่าเสน่ห์ของเรื่องนี้ยู่ที่ความฉลาดและเจ้าเลห์ของเจ้าหนูเควิน ซึ่งจะเรียกกว่าเป็นพระเอกของเรื่องก็คงได้ ที่มาพร้อมความน่ารักและความแสบซ่า ทําให้คนดูหลงรักเขาอย่างปฏิเสธไม่ได้ และกลายเป็นภาพจำมาจนถึงสุดวันนี้

โดยที่ฉากที่เป็นไฮไลท์ของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่แผนการสุดชาญฉลาดในการจัดการกับสองโจร ที่ทำให้เกิดเสียงหัวเราะอย่างต่อเนื่องในทุกแผนการที่เจ้าหนูเควินจัดการกับหัวขโมย  เรียกได้ว่าเป็นหนังฟีลกู๊ดอย่างแท้จริงซึ่งไม่ว่าจะดูซ้ำสักกี่ครั้งความสนุกยังคงเหมือนครั้งแรกที่ได้รับชม

Source รูปภาพ: https://www.imdb.com/title/tt0099785/

Die Hard (John McTiernan)

คราวนี้มาลองมาเปลี่ยนแนวจากหนังจากหนังฟีลกู๊ดสู่หนังแอคชั่นแบบเต็มตัวกันบ้างกับภาพยนตร์เรื่องแรกของตระกูลสายอึดตายยากอย่างDie Hardซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นหนังแจ้งเกิดของ บรูซ วิลลิส กับเส้นทางสู่การเป็นแอคชั้นสตาร์ประจําฮอลลีวูดเลยก็ว่าได้

Die Hardนั้นพูดถึงเรื่องราวของ จอนห์ แมคเคลน(บรูซ วิลลิส) ตำรวจ NYPD ที่เดินทางมายังตึกใน ลอส แอนเจลิส เพื่อเซอร์ไพรส์ภรรยาของเขา แต่นั้นเป็นเหมือนการอยู่ผิดที่ผิดเวลา เมื่อฮัน กรูเบอร์ (อลัน ริคแมน)ได้ทำการบุกเข้ายึดตึกเพื่อปล้นเงินในตู้เซฟ โดยจับทุกคนเป็นตัวประกันยกเว้นจอห์นเพียงคนเดียว ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องหาทางช่วยภรรยาของเขาจากเหตุการณ์นี้ให้จนได้

ภาพยนตร์เรื่องนี้เลือกที่จะสร้างความรู้สึกกดดันบีบคั้นให้กับคนดู โดยสถานที่ซึ่งเกิดเหตุการณ์ในเรื่องนั้นแทบจะเกิดขึ้นในตึกNagatomi Plazaแห่งเดียวเกือบตลอดทั้งเรื่อง และถึงแม้ว่าตัวเอกของเรื่องเป็นคนอารมณ์ร้อน พูดจาไม่สุภาพ และชอบทำอะไรแบบไม่คิดแต่ก็เป็นคนที่รักครอบครัวมากๆ ซึ่งในจุดๆ นี้ทําให้คนดูทุกคนรู้สึกคอยเอาใจช่วยตัวละครนี้ตลอดทั้งเรื่อง

ในด้านของฉากแอคชั่นเรียกได้เลยว่า ม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน เพราะผู้กำกับสามารถออกแบบสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างสุดบีบคั้น ชนิดที่เรียกว่าคนดูแทบจะลืมหายใจกันไปเลยทีเดียว อีกทั้งตัวร้ายอย่าง ฮัน กรูเบอร์ ที่แสดงโดย อลัน ริคแมน ยังสามารถแสดงถึงความชั่วร้ายและความน่ากลัวด้อย่างสมจริง หากพูดถึงเรื่องความมันส์แล้วรับประกันได้เลยว่าไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน

Source รูปภาพ: https://www.imdb.com/title/tt0095016/

Edward Scissorhands (Tim Burton)

เรื่องสุดท้ายในลิสต์ของ GM Liveเป็นเรื่องของสุภาพบุรุษมือกรรไกร (Edward Scissorhands) ภาพยนตร์ที่ทำให้ผู้ชมทั่วโลกล้วนเปิดใจยอมรับการเป็นนักแสดงมากความสามารถของจอห์นนี่ เด็ปป์

Edward Scissorhands บอกเล่าเรื่องของ เอ็ดเวิร์ด (จอห์นนี่ เด็ปป์) มนุษย์ผู้ถูกนักวิทยาศาสตร์สร้างขึ้นมาโดยที่มือทั้งสองของเขานั้นเป็นกรรไกร และหลังจากที่อยู่ในปราสาทมาเป็นเวลานานก็มีเหตุการณ์นำพาให้ตัวเอกจําต้องย้ายมาใช้ชีวิตในเมืองและนั้นเองที่เขาได้มีความรักกับนางเอกและถูกกีดกันจากชาวเมือง

แม้ว่าพระเอกของเรื่องจะไม่ใช่มนุษย์ปกติเหมือนคนอื่นๆ แต่ทว่าเขาเองก็มีจิตใจ มีความรู้สึก และด้วยความดีและบริสุทธิ์ของพระเอกทําให้หลายคนที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ถึงขั้นต้องเสียนํ้าตาให้กับมนุษย์มือกรรไกรคนนี้ ซึ่งนับเป็นอีกเรื่องที่สามารถถ่ายทอดถึงสัจธรรมของมนุษย์ที่มักจะกลัวสิ่งที่แตกต่างจากตนเองได้อย่างลึกซึ้ง

โดยฉากการสร้างหิมะของเอ็ดเวิร์ดนั้นมีความสวยงามตราตรึงใจผนวกกับเพลงประกอบที่ไพเราะและซาบซึ้ง ทําให้ฉากนี้กลายเป็นภาพจําของใครหลายๆ คน เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่สร้างความประทับใจในความรักได้อย่างลงตัว

Source รูปภาพ: https://www.imdb.com/title/tt0099487/

****************************************************************************************************************************

เพลง

All I want for Christmas is you – Mariah Carey

ไม่ว่าจะผ่านช่วงเวลามากี่ปี แล้วก็ตาม แต่เมื่อถึงเทศกาลคริสต์มาสบทเพลงนี้จะเป็นเพลงที่เหล่าผู้คนจะได้ยินอยู่เสมอไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม

นอกจากจะเป็นผู้ขับร้องบทเพลงนี้ มารายยังเป็นผู้ประพันธ์ผลงานนี้เองอีกด้วยและด้วยความเป็นเพลงคริสต์มาสที่ฮิตตลอดกาลจึงทําให้ตัวมารายได้รับเงินเป็นจํานวน 6 แสนถึง1ล้านดอลล่าร์จากเพลงนี้เพียงเพลงเดียวในทุกๆปี ตัวเพลงมีทํานองที่สนุกสนานและเนื้อเพลงที่ผู้ฟังสามารถเข้าถึงได้ไม่ยากนักจึงทำให้เพลงนี้เป็นเพลงคริสต์มาสที่ผู้คนมักนึกถึงเป็นชื่อแรกก่อนเสมอ

source รูปภาพ: https://voi.id/es/bernas/22295/phenomenon-song-all-i-want-for-christmas-is-you-get-big-royalty-to-transform-guinness-world-records

Christmas (baby please come home)-Darlene Love

ถึงแม้ว่าบทเพลงนี้ประพันธ์ขี้นตั้งแต่ปี1963แต่ด้วยจังหวะร็อคคลาสสิคที่ใช้เพียงสี่คอร์ดแทบจะทั้งเพลง ทําให้ติดหูผู้ฟังทุกยุคทุกสมัยได้อย่างง่ายดาย

ความสําเร็จของบทเพลงนี้หลังจากที่ปล่อยออกมาได้ระยะหนึ่ง ก็เป็นที่กล่าวถึงอย่างมาก และมีศิลปินชื่อดังจํานวนมากนําเพลงนี้ไปโคฟเวอร์อย่างต่อเนื่อง  อาทิ มาราย แครี่  U2 ฯลฯ  และได้ถูกนำไปใช้ประกอบภาพยนตร์อย่าง Home Alone 2อีกด้วย

Source รูปภาพ:  https://co.napster.com/artist/darlene-love/album/christmas-baby-please-come-home-viking-records?l=en

Last Christmas-Wham

ผลงานของวงป๊อบดูโอในตำนานจากเกาะอังกฤษ โดยเฉพาะชื่อของ จอร์จ ไมเคิล นั้นสามารถการันตีความเป็นอัจฉริยะทางดนตรีก็ได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะบทเพลงนี้ ซึ่งเขาได้ประพันธ์ขึ้นในวัยเพียงยี่สิบเอ็ดปีเท่านั้น แต่ได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้

โดยเพลงLast Christmas  จากวงWham ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามส่งผลให้มีศิลปินมากหน้าหลายตาได้ออกเวอร์ชั่นโคฟเวอร์เพลงนี้เป็นของตนเองตามมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น อาเรียนน่า กรานเด หรือ เทย์เลอร์ สวิฟท์ ก็ตาม ถึงกระนั้นเองบทเพลงนี้ต้องใช้เวลายาวนานถึง36ปี ถึงสามารถติดชาร์ตอันดับหนึ่งของสหราชอาณาจักรในปี2021หลังจากครองอันดับสองมาตั้งแต่เริ่มปล่อยออกมาครั้งแรก ซึ่งนี่แสดงให้เห็นถึงความอมตะของเพลงนี้  เพราะไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี บทเพลงนี้ก็ยังเป็นที่นิยมของเหล่านักฟังเพลงตลอดมา

Source รูปภาพ: https://www.bbc.com/news/entertainment-arts-55509575

It’s beginning to look a lot like Christmas – Meredith Wilson

บทเพลงที่มีความคลาสสิคอยู่ในตัวสูงนี้ถูกขับร้องและประพันธ์โดย Meredith Wilsonในปี 1951

โดยความพิเศษของเพลงนี้อยู่ที่ทํานองและเนื้อหาที่เสมือนว่าได้นำพาผู้ฟังทุกคนเข้าสู่บรรยกาศในวันคริสต์มาสราวกับว่ามีเวทย์มนที่ซุกซ่อนอยู่ข้างในบทเพลง ถึงกระนั้นเองหากคุณรู้สึกว่าเพลงนี้เก่าเกินไป ขอแนะนำเวอร์ชั่นของMichael Bubléที่มีความไพเราะไม่แพ้กันเลย

Source รูปภาพ: Meredith Willson Biography (singers.com)

Blue Christmas- Elvis Presley

แม้ว่าเพลงนี้จะถูกขับร้องโดย ดอย โอ เดล เป็นครั้งแรกในปี 1948 แต่บุคคลที่ทําให้บทเพลงนี้โด่งดังไปทั่วโลกไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นราชาแห่งร็อคแอนด์โรลอย่าง เอลวิส เพรสลี่ ที่ได้ออกเวอร์ชั่นของตัวเองในปี1964 ซึ่งได้บรรจุลงบทเพลงนี้ในอัลบั้มElvis’s Christmas

สิ่งที่ทําให้เวอร์ชั่นของเอลวิสกลายเป็นเวอร์ชั่นที่โด่งดังที่สุดนั้น นอกจากความมีชื่อเสียงของศิลปินเอง บทเพลงก็ได้รับการปรับเปลี่ยนทางคอร์ด โดยกลุ่มคอร์ดที่เป็นเมเจอร์นั้นได้รับการปรับเป็นนิวทรอลและเซ็ปติมอลไมเนอร์เติ้ด 

นอกจากนี้ยังไก้ปรับทำนองเพลงให้มีความเป็นร็อคแอนด์โรลมากขึ้น จึงทําให้บทเพลงมีความร่วมสมัยมากกว่าเวอร์ชั่นดั้งเดิม  อีกทั้ง เอลวิส ยังได้ร้องเพลงนี้ร่วมกับ มาร์ติน่า แมคไบรด์ ในคอนเสิร์ต ’68 Comeback Special ซึ่งเป็นการกลับมาแสดงสดของเจ้าตัวเองครั้งแรกในรอบเจ็ดปีอีกด้วย

เรียกได้ว่าBlue Christmas นั้นเป็นเพลงคริสต์มาสที่โด่งดังที่สุดของราชาร็อคแอนด์โรลคนนี้เลยก็ว่าได้

Source รูปภาพ: https://open.spotify.com/album/0mLjzqus4sew0CVdoHnZr7

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ