fbpx

ก้าวข้ามผิวสี ด้วย 5 ภาพยนตร์ชั้นดี สะท้อนความงดงามของโลก

เรื่อง : Fullscape

ขึ้นชื่อว่ามนุษย์แล้ว ไม่ว่าจะเกิดมาด้วยลักษณะทางกายภาพแบบใด ไม่ว่าจะมาด้วยผิวสีแบบไหน ต่างก็มีคุณค่าและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ที่เทียบเท่ากัน ซึ่งโลกแห่งภาพยนตร์ ก็เป็นอีกสื่อความบันเทิงชนิดหนึ่ง ที่สะท้อนถึงลักษณะอันดีงามเหล่านี้มานักต่อนัก และเราขอแนะนำ 5 ภาพยนตร์ดีงามทรงคุณค่า ที่ก้าวข้ามผิวสี ที่สมควรหามารับชม โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ที่การเหยียดผิวนั้น กำลังเป็นประเด็นที่รุนแรงและต้องได้รับความใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง

-Green Book (2018)

เริ่มกันด้วยหนังความสัมพันธ์ระหว่างคนสองผิวสีชั้นเยี่ยมระดับขึ้นหิ้งรางวัลออสการ์ กับ Green Book หนัง road trip การเดินทางแห่งชีวิตและความผูกพันอันแยกกันไม่ขาด ของ Don Shirley นักดนตรีเปียโนแจ๊ซผิวสีจอมอัจฉริยะ กับ Frank ‘Tony Lip’ Vallelonga คนขับรถและผู้ติดตาม ในการเดินทางที่ทั้งคู่จะได้เรียนรู้ถึงตัวตนของแต่ละคน เคารพในความแตกต่าง จนกลายมาเป็นความผูกพันที่ยาวนาน ในพื้นหลังทศวรรษที่ 60 ที่กลิ่นอายของการแบ่งแยกผิวสี และการเรียกร้องสิทธิ์นั้นกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น หนังเปี่ยมพลังทั้งจากการแสดงของ วิกโก มอร์เตนเซน และ มาเฮอร์ชาลา อาลี รวมทั้งการกำกับภาพที่มีสีสันชวนสบายตา จนสามารถคว้ารางวัลออสการ์ในการประกาศรางวัลครั้งที่ 91 ปี 2018 ได้เป็นผลสำเร็จ

-The Shawshank Redemption (1994)

อีกหนึ่งสุดยอดภาพยนตร์ระดับตำนาน ดัดแปลงจากนวนิยายปลายปากกาของสตีเฟน คิง ที่ว่าด้วยชีวิตหลังม่านลูกกรงของแอนดี้ ดูเฟรนส์ (รับบทโดย ทิม รอบบินส์) ในคดีฆาตกรรมที่เขาไม่ได้ก่อ กับวีรกรรมคุณงามความดีที่เขาได้ร่วมกันทำกับ เอลลิส ‘เรด’ เรดดิ้ง (รับบทโดย มอร์แกน ฟรีแมน) นี่เป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนถึงคุณค่าแห่งมนุษย์ ความมีเสรีภาพที่ไม่อาจถูกกักขัง และมิตรภาพที่ก้าวข้ามสีผิวเมื่อสองคนคุกได้กลายมาเป็นเพื่อนรักที่รู้ใจกัน ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะไม่ได้รับความนิยมตั้งแต่ครั้งแรกที่ออกฉาย แต่ในภายหลังก็ได้รับการเชิดชูจากนักดูหนังถึงพลังอันสุดยอดของมันที่คนรักหนังไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

-The Green Mile (1999)

งานเขียนของสตีเฟน คิง ถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์อีกครั้งในห้าปีถัดมา กับ The Green Mile ที่ว่าด้วยเรื่องราวของผู้คุมนักโทษแดนประหาร กับเหตุการณ์อันไม่ธรรมดาสามัญที่เกิดขึ้นโดยนักโทษผิวสีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ในระยะเวลาที่ผ่านไป และทำให้ผู้คุมได้เรียนรู้ถึงคุณค่าแห่งมิตรภาพและความเป็นมนุษย์ ภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มต้นทุนสร้างที่ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และกวาดรายได้ไปถึง 290 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้ง ไมเคิล คลาร์ก ดันแคน ผู้รับบทนักโทษผิวสีร่างยักษ์จิตใจดีงาม (ผู้ล่วงลับไปแล้ว) ก็ได้รับคำชมว่าแสดงได้เข้าถึงบทบาท เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ในดวงใจ และสะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพที่ก้าวข้ามทั้งผิวสี และความเป็นความตาย

-Coach Carter (2005)

ภาพยนตร์ที่สร้างจากอัตชีวประวัติจริงนั้นทรงพลังเสมอ โดยเฉพาะกับเรื่องราวของการสู้ไม่ถอย การฝ่าฟันอุปสรรค และการเชื่อมั่นในพลังของความเป็นมนุษย์ ซึ่งทั้งหมดนั้น มีอยู่ใน Coach Carter ที่สร้างจากเรื่องราวทีมบาสเก็ตบอลโรงเรียน Richmond High School และจากชีวิตของ Ken Carter คุณครูและโค้ชประจำทีม (รับบทโดย แซมูเอล แอล แจ็คสัน) ที่ใช้บาสเก็ตบอลเป็นสื่อกลางในการดึงศักยภาพของเด็กเหลือขอ ให้ก้าวหน้าต่อไปในชีวิตอย่างประสบความสำเร็จ ไม่จมล้มเหลวไปกับเส้นทางเดิมๆ เป็นหนังที่แสดงถึงความรัก ความผูกพัน และการร่วมมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยไม่แบ่งแยกว่าจะมีที่มาอย่างไร หรือมีผิวสีแบบไหน

-The Pursuit of Happiness (2006)

และเรื่องสุดท้าย..ถ้าหากคุณรู้สึกท้อแท้ หมดหวัง และรู้สึกว่าโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมและไร้ซึ่งความสุข ภาพยนตร์ The Pursuit of Happiness ในปี 2006 รับบทนำโดย วิล สมิธ ที่สร้างจากเรื่องจริงของ Chris Gardner เซลส์แมนตกอับไร้บ้าน ที่พยายามทุกวิถีทางที่จะทำตามความฝันของตัวเอง ไปพร้อมกับสร้างความสุขให้เกิดขึ้นกับลูกชายเพียงคนเดียวที่เขากระเตงพาไปด้วยในทุกที่ เขาต้องพยายามทำทุกวิถีทาง ทั้งการไล่ตามความฝัน และการเลี้ยงดูลูกชายภายใต้สภาพของคนไร้บ้าน ให้เป็นคนที่มีความสุข มีความเข้มแข็ง ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคอันใด หนังได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมากว่าวิล สมิธ เล่นได้สมบทบาท นั่นเพราะผู้ที่รับบทลูกชายก็คือ เจเด็น สมิธ ลูกชายของเขานั่นเอง

เหล่านี้ เป็นเพียงบางส่วนของภาพยนตร์ความสัมพันธ์ที่ผิวสีและเชื้อชาติไม่อาจแบ่งแยก และแสดงถึงพลังแห่งความสัมพันธ์อันยิ่งใหญ่ของความเป็นมนุษย์ ที่มีความคิด มีจิตใจ และมีความใฝ่ฝันไม่แตกต่างกัน เราอยากให้คุณได้รับชม เพื่อเติมพลังและความเข้าใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ภายในสภาวะที่ทุกสิ่งรอบตัวนั้น ดำเนินไปอย่างโหดร้าย และการเหยียดผิวสีและเชื้อชาติ ยังคงกลายเป็นประเด็นที่ถูกกล่าวถึง และยังคงหลงเหลือมาจนถึงทุกวันนี้ เพื่อให้อย่างน้อยที่สุด เราจะได้เป็นส่วนหนึ่ง ที่ไม่สร้างรอยบากแตกร้าวใดๆ ซ้ำเติมแผลเก่าๆ นี้อีก

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ