แร่หายาก 17 ชนิดสำคัญอย่างไรทำไมจีนถึงใช้ต่อรองการค้ากับสหรัฐฯ
หลังจากสหรัฐอเมริกาสั่งแบนหัวเว่ย ประเทศจีนก็มีข้อต่อรองใหม่ นั่นคือแร่หายาก 17 ชนิดที่จีนเป็นผู้ควบคุมการผลิตรายใหญ่ของโลก ซึ่งสหรัฐนำเข้าจากจีนมากถึง 80% หากเป็นเช่นนี้แล้วผู้ชนะในสงครามนี้จะเป็นใครกัน?
Reasons to Read
- แร่ดังกล่าวมีคุณสมบัติทางแม่เหล็กและการนำไฟฟ้า ซึ่งใช้ในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงอาวุธสงคราม
- สหรัฐอเมริกานำเข้าแร่เหล่านี้จากจีนมากถึง 80% ในช่วงปี 2557-2560 จึงไม่แปลกที่จีนจะใช้แร่ผลิตชิปเป็นตัวประกัน
ในยุคที่โลกถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมทันสมัย ดูเหมือนว่าการทำสงครามโดยใช้เศรษฐกิจและการค้าขายเป็นเครื่องมือโจมตีประเทศฝ่ายตรงข้ามจะสร้างผลกระทบได้มหาศาลราวกับการทิ้งระเบิดในสงครามสมัยก่อน และในตอนนี้สองประเทศมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐฯ ก็กำลังทำสงครามเช่นนั้นโดยมีเทคโนโลยีระหว่างประเทศเป็นตัวประกัน
แม้สงครามเทคโนโลนีและการค้าจะไม่คร่าถึงชีวิต แต่ก็อาจทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศแปรปรวนจนเกิดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชากรในประเทศได้ ซึ่งตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศห้ามใช้อุปกรณ์ผลิตเครื่องมือสื่อสารจากต่างประเทศเนื่องด้วยอาจเป็นภัยต่อความมั่นคง ก็ทำให้บริษัทผลิตสมาร์ตโฟนอย่างหัวเว่ยถูกแบนจากประเทศสหรัฐอเมริกาในทันที และอย่างที่รู้กัน บริษัทกูเกิลของสหรัฐฯ ได้ประกาศจะหยุดพัฒนาระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของหัวเว่ยในอนาคตด้วย
การสั่งแบนหัวเว่ยในครั้งนี้เท่ากับว่า กูเกิลจะเสียรายได้จากการเลิกเป็นระบบปฏิบัติการให้หัวเว่ย ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 ของโลก ส่วนหัวเว่ยก็มีสิทธิเสียรายได้เนื่องจากผู้ใช้อาจเปลี่ยนใจไปใช้มือถือยี่ห้ออื่นแทนเช่นกัน ทว่าหลังจากมีการโต้กลับกันไปมาระหว่างสองประธานาธิบดี ล่าสุดจีนก็มีลูกไม้ใหม่ที่ใช้เป็นตัวประกันเพื่อทำให้สหรัฐฯ เห็นว่า “คุณขาดเราไม่ได้”ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ แร่หายาก 17 ชนิดที่ประเทศจีนคุมการผลิตอยู่ 90% ของโลก
แร่หายาก 17 ชนิดสำคัญแค่ไหน?
แร่ดังกล่าวเป็นแร่ที่มีคุณสมบัติทางแม่เหล็กและการนำไฟฟ้า ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ แน่นอนว่ารวมถึงสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต หรือกระทั่งอาวุธสงคราม (เช่น เลเซอร์ เรดาร์ เครื่องโซนาร์ เครื่องกำหนดขีปนาวุธ เครื่องยนต์เจ็ต หรือยานพาหนะของกองทัพ) ส่วนสาเหตุที่เป็นแร่หายากนั้นไม่ใช่เพราะมีจำนวนน้อยแต่อย่างใด หากเนื่องจากแร่จำพวกนี้ขุดได้ยากและอันตรายมากกว่า หลายประเทศจึงนิยมนำเข้าจากประเทศจีน
อีกทั้งแร่เหล่านี้ก็ไม่ได้มีในประเทศจีนเพียงที่เดียว (ในสหรัฐฯ เองก็มี) แต่ด้วยเหตุผลที่ขุดได้ยาก รวมถึงสัดส่วนที่พบได้มากกว่าในประเทศจีน คือประมาณหนึ่งในสามของโลก บวกด้วยต้นทุนแรงงานที่ต่ำ และกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่ไม่เข้มงวด ทำให้ส่วนใหญ่แร่เหล่านี้ถูกผลิตขึ้นในจีน ซึ่งทำให้จีนกลายเป็นผู้ควบคุมการผลิตมากถึง 90%
ทำไมจีนถึงใช้ต่อรองกับสหรัฐ?
เหตุผลง่ายๆ ก็คือ สหรัฐอเมริกานำเข้าแร่สำคัญเหล่านี้จากจีนมากถึง 80% ในช่วงระหว่างปี 2557-2560 จึงไม่แปลกที่จีนจะใช้แร่ผลิตชิปเป็นตัวประกันในการต่อรองสงครามการค้าระหว่างประเทศครั้งนี้ โดยหนังสือพิมพ์ Global Times ซึ่งรัฐบาลจีนเป็นเจ้าของก็ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการต่อรองว่า จีนรู้ตัวว่ากำลังถือไพ่เหนือกว่า เพราะหากมีการหยุดส่งออกแร่ผลิตชิปขึ้นมาจริงๆ ผู้ที่เสียผลประโยชน์ที่สุดไม่ใคร แต่เป็นสหรัฐอเมริกา
แต่หากจะตัดสินว่าจีนกำลังชนะก็อาจเร็วไปสักหน่อย เนื่องจากสหรัฐฯ เองก็เริ่มตุนทรัพยากรการผลิตไว้บ้างแล้วเหมือนกัน อีกทั้งภาคอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศจีนก็กำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับการสกัดแร่อย่างผิดกฎหมาย และคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ย่ำแย่สะสมมาจากอดีต จึงแน่ใจไม่ได้ว่าการต่อรองครั้งนี้จะส่งผลดีมากเท่าที่จีนคิดไว้