fbpx

มุ่งส่งเสริม DeepTech Ecosystem ต้องเชื่อมโยงทั้งองคาพยพ

กลไกการสร้างระบบนิเวศเพื่อพัฒนา DeepTech ต้องอาศัยการเชื่อมโยงหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ หน่วยงานต่าง ๆ ภาคการศึกษามหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษา ภาคเอกชน ธุรกิจอุตสาหกรรม รวมถึงภาคประชาชนเองก็ต้องมีส่วนเข้ามาเชื่อมโยงเป็นส่วนหนึ่งเพื่อให้ DeepTech Community เติบโตไปพร้อมกันในทุกมิติ

โดยเฉพาะหากสังคมมีการตั้งเป้าสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยแล้วล่ะก็ สำหรับยุคนี้ต้องทำให้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือที่ทำให้ทุกคนมีความเสมอภาค ไม่ใช่เป็นตัวสร้างความเหลื่อมล้ำเหมือนดังภาพที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน หากทำได้ค่อยว่ากันต่อถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ฉะนั้น ณ วันนี้ทุกหน่วยงาน ทุกส่วนที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมสร้างระบบนิเวศของ DeepTech (DeepTech Ecosystem) ไม่เว้นแม้แต่ผู้มีบทบาทด้านการส่งเสริมการลงทุนหลักของประเทศอย่าง สำนักงานส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI เองก็มีการปรับรูปแบบการส่งเสริมที่สอดคล้องกับการเดินหน้าพัฒนา DeepTech ของประเทศอย่างจริงจังเช่นกัน

โดย นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) มาบอกเล่าถึงบทบาทการผลักดันในยุคดิจิทัลให้ฟังว่า สิ่งที่ BOI ทำมีส่วนร่วมสร้างระบบนิเวศการพัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึกผ่านบทบาทขององค์กรในการส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนทั้งส่วนที่เป็นสิทธิประโยชน์ด้านภาษีและไม่ใช่ภาษี ด้วยการอำนวยความสะดวกและการบริการข้อมูลสำหรับผู้ลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขและการส่งเสริมการลงทุนที่ออกมา

ซึ่งครอบคลุมทั้งระดับ SME ที่ใช้เงินลงทุนเริ่มต้น 5 แสนบาทไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ที่มีการลงทุนหลักหมื่นล้าน

ที่สำคัญภาพการลงทุนที่เกิดขึ้นผ่านการสนับสนุนของ BOI ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ยังสะท้อนให้เห็นแนวโน้มธุรกิจที่มาจากเทคโนโลยีสตาร์ทอัพที่พัฒนาขึ้นเองในไทยที่มีจำนวนมากขึ้น และอาจจะถือเป็นตัวชี้วัดแนวทางการส่งเสริมที่มาถูกทาง เช่น บริษัทเทคโนโลยีสตาร์ทอัพที่ BOI ให้การสนับสนุนมีทั้งด้าน MedTech เช่น บริษัท Meticuly, ใบยาไฟโตฟาร์ม, ด้าน AgTech เช่น Ricult ไปจนถึง SpaceTech เช่น Muse Space เป็นต้น และในอีกหลายอุตสาหกรรม ซึ่งล้วนเป็น DeepTech ที่มีบทบาทในการสร้างความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมต่างๆ ของไทย

สิ่งที่เกิดขึ้นเรียกได้ว่าเป็นไปตามแนวโน้มของโลกยุคนี้ ซึ่งถือว่า BOI กำหนดนโยบายได้ถูกทาง ด้วยการส่งเสริมการลงทุนที่ตีกรอบไว้อย่างชัดเจน 3 ด้าน แบ่งเป็น

1.อุตสาหกรรมเป้าหมาย

2. เทคโนโลยีเป้าหมาย

3. พื้นที่เป้าหมาย

หากเข้าเงื่อนไข ธุรกิจก็สามารถได้รับส่งเสริมการลงทุนได้โดยตรง

อุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่กำหนดไว้นี้ ในรายละเอียดลึกลงไป ของ BOI นอกจากส่งเสริมอุตสาหกรรมดั้งเดิม 5 สาขา ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร, ท่องเที่ยว, ออโตเมชั่น, อีเล็กทรอนิกส์ และปิโตเคมิคอล ยังกำหนดกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อเป็นการสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งเน้นไปในด้านการพัฒนา DeepTech ทั้งสิ้นอีก 7 สาขา ได้แก่ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงและเคมีภัณฑ์จากชีวภาพ, อุตสาหกรรมการแพทย์, ดิจิทัล, ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ , อากาศยาน, การป้องกันประเทศ และการศึกษา การฝึกอบรม

เทคโนโลยีเป้าหมายที่กำหนดไว้ ได้แก่ เทคโนโลยีชีวภาพ, นาโนเทคโนโลยี, แอดวานซ์แมทีเรียลเทคโนโลยี และดิจิทัลเทคโนโลยี

ส่วนพื้นที่เป้าหมายนั้นนอกจากเขตเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัด โครงการอย่าง EEC ที่เป็นโลเคชั่นเบสแล้วยังมีการรวมกลุ่มที่เป็นเทคโนโลยีเบสของแต่ละอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมอาหาร และการแพทย์ เป็นต้น เพื่อเป็นการสร้างระบบนิเวศในการพัฒนา DeepTech แต่ละด้านให้มีกลุ่มการพัฒนาที่สามารถเชื่อมโยงต่อยอดซึ่งกันและกันได้ดีขึ้น โดยไม่ต้องตั้งต้นกันใหม่ทุกราย

อีกสิ่งที่ยืนยันว่า BOI ให้น้ำหนักกับการสร้างระบบนิเวศด้าน DeepTech อย่างจริงจัง คือการให้สิทธิประโยชน์พื้นฐานด้านภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับอุตสาหกรรมที่เป็นเทคโนโลยีเบสเพิ่มขึ้นอีกเป็นระยะเวลา 10 ปี มากกว่าการส่งเสริมอุตสาหกรรมพื้นฐานเดิมซึ่งได้สิทธิไม่เกิน 8 ปี

อีกทั้งยังมีการให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม หากมีการลงทุนที่เป็นผลต่อการพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น เช่น มีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา สนับสนุนสถาบันการศึกษา จัดให้มีการฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีขั้นสูง หรือแม้แต่ลงทุนในพื้นที่เป้าหมายที่กำหนดไว้ก็จะได้การยกเว้นและลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม เพื่อมุ่งจูงใจให้เกิดการลงทุนอย่างเต็มที่

โดยในทุกอุตสาหกรรมเหล่านี้ มีประเภทกิจการทั้งภาคการผลิตและการบริการเกิดขึ้นแล้วในทุกหมวดอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ BOI ให้การส่งเสริม

นฤตม์ กล่าวว่า จุดสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดระบบนิเวศในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ DeepTech ทาง BOI ได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมอากาศยาน ก็จะมี GISTDA ซึ่งมีความเชี่ยวชาญช่วยกลั่นกรองโครงการก่อนให้ BOI ส่งเสริม หรืออย่างอุตสาหกรรมป้องกันประเทศก็ได้รับความร่วมมือจากสถาบันป้องกันประเทศและกระทรวงกลาโหม ที่มีองค์ประกอบหลายส่วน ทั้งอาวุธ, เครื่องช่วยฝึก, อุปกรณ์ช่วยรบ เพื่อช่วยกันพัฒนาเปลี่ยนจากการอุตสาหกรรมที่ไทยต้องนำเข้ามาจำนวนมาก ฝึกฝน เรียนรู้ ซ่อมได้ พัฒนาไปสู่การผลิตในระดับที่เป็นไฮเทคโนโลยีมากขึ้น

“การเชื่อมโยงมีความสำคัญมาก DeepTech กลุ่มออโตเมชั่นและหุ่นยนต์ BOI จะส่งเสริมทั้งฝั่งซัพพลายและดีมานด์ เรียกว่าส่งเสริมพร้อมบูรณาการให้ด้วย เมื่อเราส่งเสริมให้มีการลงทุนนำเข้าเทคโนโลยีแล้ว ก็ต้องส่งเสริมให้คนที่ซื้อไปใช้ ได้สิทธิประโยชน์ด้วย เป็นการจูงใจให้เกิดการใช้หรือเปลี่ยนมาใช้ เราพยายามคิดครบวงจร เพราะการสร้างระบบนิเวศ DeepTech ให้เกิด มีแค่ผู้ผลิตหรือผู้พัฒนาไม่พอ ต้องกระตุ้นให้เกิดการใช้ เกิดตลาดในประเทศ เพื่อให้ผู้ผลิตมีแรงจูงใจในการผลิตและขายสินค้าได้ด้วย” นฤตม์ กล่าว

นอกจากนี้ BOI ยังมีมาตรการใหม่ สำหรับส่งเสริมกลุ่มสตาร์ทอัพไม่ว่าดิจิทัล หรือ DeepTech เช่น สนับสนุนค่าจ้างบุคลากรสำหรับสตาร์ทอัพไม่เกิน 5 ล้านบาท สนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านการวิจัย พัฒนา ต่อยอดไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ เป็นต้น

และส่วนที่ถือเป็นความสำเร็จในการดึงองค์ความรู้ด้าน DeepTech เข้าประเทศที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากการส่งเสริมของ BOI คือการให้สมาร์ทวีซ่าสำหรับผู้เชี่ยวชาญ มีสิทธิเข้ามาทำงานในประเทศได้นานสูงสุดถึง 4 ปี โดยรายงานตัวทุก 1 ปี (จากเดิม 90 วัน) ทำงานได้โดยไม่ต้องขอเวิร์กเพอร์มิทส์ ที่ตอนนี้ออกวีซ่าไปแล้วเกือบ 900 คน ครึ่งหนึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านดิจิทัล รองลงมาเป็นด้านออโตเมชั่น

จึงทำให้เห็นว่า การจะสร้างระบบนิเวศของ DeepTech ไม่เพียงอุตสาหกรรมต้องปรับเปลี่ยน แต่หน่วยงานส่งเสริมหลักอย่าง BOI ก็ต้องปรับเปลี่ยนด้วย ทั้งนโยบาย รูปแบบการทำงานที่ต้องเชื่อมโยงเครือข่ายหลากหลาย ไม่เพียงส่งเสริมผู้พัฒนา แต่ยังสามารถออกมาตรการให้ตอบโจทย์ได้ ตั้งแต่ต้นทางที่มาของความรู้ไปจนถึงด้านการตลาด จึงจะทำให้เกิดคำว่า การเติบโตหรือพัฒนาอย่างยั่งยืนขึ้นได้จริง

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับเทคโนโลยีเชิงลึก เปิดประตูสู่โลกนวัตกรรมแห่งอนาคต ที่จะมาขับเคลื่อนประเทศไทยในงาน ‘STARTUP X INNOVATION THAILAND EXPO 2021’ ที่รวบรวมนวัตกรรมด้านเทคโนโลยียิ่งใหญ่แห่งปี จัดขึ้นในรูปแบบเสมือนจริง (Virtual Event) ระหว่างวันที่ 15-18 กันยายน 2564 นี้ ฟรี !! ไม่มีค่าใช้จ่าย

รายละเอียดงานเพิ่มเติมได้ที่ https://site.nia.or.th

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ