ถ้าเอ่ยถึงแทสเมเนีย หลายคนอาจทำหน้าสงสัยเพราะไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แทสเมเนีย ถือเป็นรัฐเล็กที่สุดในจำนวนทั้งหมด 6 รัฐของออสเตรเลีย มีประชากรเพียงครึ่งล้าน จึงไม่หนาแน่นเมื่อเทียบกับขนาดพื้นที่ 68,322 ตารางกิโลเมตร ในอดีตเชื่อกันว่าเกาะแทสเมเนียเคยเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ ก่อนแยกออกมาเป็นเกาะ หลังสิ้นสุดยุคน้ำแข็ง เจ้าของพื้นที่เดิมเป็นชาวเผ่าอะบอริจิน ก่อนถูกนักสำรวจชาวดัตช์ อาเบล แทสมัน (Abel Tasman) ค้นพบในปี 1642 และภายหลังในปี 1806 กัปตันเจมส์ คุก ได้เดินทางมาสำรวจและตั้งชื่อเกาะว่าแทสเมเนีย เพื่อเป็นเกียรติแก่อาเบล แทสมัน ผู้ค้นพบเกาะเป็นคนแรก
ในช่วงปี 1832 แทสเมเนียถูกปกครองโดยอังกฤษ ทางรัฐบาลจึงได้ส่งคนมาพัฒนาเมือง สร้างถนนหนทาง สาธารณูปโภค รวมถึงอาคารและสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ต่างๆ จึงไม่แปลกใจที่บางสถานที่จะมีชื่อเรียกคล้ายกันในอังกฤษ เกาะแทสเมเนียถูกห้อมล้อมด้วยมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ ได้รับการยกย่องว่าเป็นเกาะที่อากาศดีที่สุดในโลก จึงมีนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศเดินทางมาใช้ช่วงเวลาวันหยุดยาวอย่างไม่ขาดสาย กลายเป็นเกาะในฝัน สวรรค์บนดิน
สำหรับจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกมาใช้เวลาบนเกาะนี้คือเมืองหลวงอย่าง โฮบาร์ต (Hobart) เมืองชายฝั่งที่ผสมผสานความงดงามของสถาปัตยกรรมโคโลเนียล รายล้อมด้วยตึกเก่าและอาคารทรงโบราณตั้งแต่สมัยยุคอาณานิคมอังกฤษ แต่การเดินทางในทริปนี้เราเลือกมายังจุดหมายปลายทางที่เมืองลอนเซสตัน (Launceston) เมืองใหญ่อันดับสอง แต่เต็มเปี่ยมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สวยงาม
เริ่มต้นการเดินทางด้วยการสะพายเป้นั่งรถออกจากตัวเมืองไปสำรวจหุบเขาเทมส์ (Thames Valley) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมือง มีชื่อเสียงด้านการผลิตไวน์ ไฮไลต์ของที่นี่คือทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงขนาดใหญ่ ที่เปิดบริการให้แวะเข้าไปถ่ายรูปได้ตามอัธยาศัย นอกจากนั้นยังได้ไปเดินเล่นในเขตป่าสงวนคาทาแรกต์ จอร์จ (Cataract Gorge) สามารถเดินเลียบแม่น้ำเทมส์ จากจุดเริ่มต้นซีพอร์ต (Seaport) ไปจนถึงคิงส์ บริดจ์ (Kings Bridge) บริเวณนี้สามารถนั่งแวะพักจิบกาแฟเติมพลังได้ที่ First Basin Cafe ร้านอาหารสไตล์แคชวลที่มอบประสบการณ์สุดพิเศษให้เต็มอิ่มกับอาหารและเต็มตากับวิวทิวทัศน์
เผื่อเวลาสำหรับเดินเล่นในเมืองบ้าง เพราะลอนเซสตันมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ยกตัวอย่างพิพิธภัณฑ์และศูนย์แสดงงานศิลปะควีนส์วิกตอเรีย (Queen Victoria Museum and Art Gallery) ที่เก็บรวบรวมผลงานศิลปะ รวมถึงของตกแต่งสไตล์โคโลเนียลทางประวัติศาสตร์ให้ผู้ที่สนใจได้เข้าชม นอกจากนั้นลอนเซสตันยังเป็นเมืองที่สนับสนุนงานทางด้านศิลปะ โดยให้ศิลปินผู้มีฝีมือได้โชว์ผลงานได้ที่ ดีไซน์ แทสเมเนีย (Design Tasmania) สถานที่จัดแสดงผลงานของศิลปินท้องถิ่นที่หมุนเวียนสลับกันไป
สำหรับใครที่ใช้เวลาพักผ่อนยาวๆ ที่เกาะนี้ ห้ามพลาดกับ ตลาดฮาร์เวสต์ มาร์เก็ต (Harvest Market) ที่ตั้งข้างๆ สวนสาธารณะซิตี้ พาร์ค (City Park) ตลาดนัดที่จัดขึ้นทุกๆ วันเสาร์ เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์และผลิตผลท้องถิ่น ทั้งผัก ผลไม้ ชีส และไวน์ ผลผลิตสดใหม่คุณภาพ เพราะเกาะนี้อุดมสมบูรณ์ ถือเป็นดินแดนปลอดโรคและแมลง เป็นเกาะที่สะอาดและสภาพแวดล้อมบริสุทธิ์ จึงทำให้สามารถเพาะปลูกผลิตผลท้องถิ่นคุณภาพเยี่ยมรสชาติเลิศ นอกจากนั้นยังมีน้ำผึ้งจากเกสรต้นเลเธอร์วูด ถือเป็นน้ำผึ้งที่ดีที่สุดในโลก ที่ผลิตเฉพาะในแทสเมเนียเท่านั้น
