ดูเหมือนว่าเรื่องราวความขัดแย้งระหว่าง 2 แผ่นดินที่ไม่ลงรอยกันเสียทีจะมีแต่ความตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อ นางสาวไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของไต้หวัน ตกลงทำการซื้อขายรถถังและเครื่องบินเจ็ตกับประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อยกระดับความแข็งแกร่งให้กองทัพตามคำเตือนของสหรัฐฯ ซึ่งรายงานว่า จีนทำการปฏิรูปกองทัพเพื่อเตรียมรบกับไต้หวันหากเกิดการแบ่งแยกดินแดน
สำนักงานข่าวกรองกลาโหมแห่งสหรัฐอเมริกา (US Defense Intelligence Agency) รายงานว่า ประเทศจีนทำการปฏิรูปกองทัพ และมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในทางทหาร ซึ่งนอกจากเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้มากขึ้นอีกระดับแล้ว การปฏิรูปกองทัพของ นายสี จิ้นผิง ครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นการสร้างแรงกดดันเพื่อขัดขวางไม่ให้ไต้หวันกล้าประกาศตนเป็นอิสระภาพจากจีน โดยไต้หวันแยกตัวออกมาปกครองตนเองด้วยระบอบประชาธิปไตยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2492 หลังจากฝ่ายชาตินิยมหนีมาพำนักที่ดินแดนไต้หวัน เนื่องจากพ่ายแพ้ให้กับฝ่ายคอมมิวนิสต์ และนับแต่นั้นประเทศจีนก็ประกาศอย่างตั้งมั่นว่า อย่างไรก็ตามไต้หวันจะต้องกลับเข้ารวมกับประเทศจีนอีกครั้ง เพราะยังคงเป็นเขตปกครองหนึ่งของจีนอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าไต้หวันที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ไม่มีทางยอมรวมเข้ากับประเทศที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ แม้จะมีการยื่นข้อเสนอ หนึ่งประเทศ สองระบบ ให้ก็ตาม
สำหรับยุทโธปกรณ์ที่นาวสาวไช่ทำข้อตกลงซื้อขายกับสหรัฐฯ คือรถถังรุ่น M1 และเครื่องบินเจ็ตรุ่น F-16 โดยให้เหตุผลของการเพิ่มระดับความเข้มแข็งของกองทัพครั้งนี้ว่า เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศจีนพยายามแทรกแซงและทำลายระบอบประชาธิปไตยของไต้หวัน (อาทิ การขัดขวางสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไต้หวันกับชาติอื่น หรือการรุกล้ำอาณาเขต) ซึ่งการกระทำเหล่านั้นสร้างความรู้สึกไม่ไว้วางใจให้กับคนไต้หวัน จึงจำเป็นต้องเพิ่มระดับความแข็งแกร่งของกองทัพ เพื่อพร้อมรับมือหากเกิดเหตุความขัดแย้งระหว่างดินแดน
แน่นอนว่าการที่สหรัฐฯ ยอมซื้อขายกับไต้หวันอาจทำให้จีนไม่พอใจอยู่บ้าง แต่การสนับสนุนไต้หวันในครั้งนี้จะกระทบกับข้อตกลงระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ด้านอื่น หรือไม่ต้องเฝ้าดูท่าทีกันต่อไป