Reasons to Read :
- หลายคนเลือกจะไม่พูดถึงปัญหาส่วนตัวในที่ทำงาน เพราะไม่ต้องการถูกมองว่าใช้เป็นข้ออ้างหรือมีปัญหา และถูกแบ่งแยกจากคนอื่นๆ
- มีคนจำนวน 9 ใน 10 ที่มีปัญหาสุขภาพจิตใจ และต้องเผชิญกับการถูกแบ่งแยกตัดสิน โดยเฉพาะในที่ทำงาน
- เกินกว่าครึ่งเผยว่า ไม่สามารถพูดคุยกับหัวหน้าของตัวเองได้อย่างเปิดเผย ทำให้เลือกที่จะลาหยุดด้วยเหตุผลที่สร้างขึ้นมา แทนการบอกว่ากำลังมีปัญหาด้านจิตใจ
ไม่ว่า ณ เวลานั้นเราจะรู้สึกอัดอั้นตันใจ หรือเครียดกับปัญหามากมายเท่าไหร่ แต่เมื่อได้ก้าวเท้าเข้าสู่ที่ทำงาน ปัญหาและความรู้สึกส่วนตัวต่างๆ กลับต้องวางลง แม้อาจไม่ใช่ข้อบังคับของทุกบริษัทที่ต้องไม่ปล่อยให้เรื่องงานปะปนกับเรื่องส่วนตัว แต่สิ่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็นวัฒนธรรมของการทำงานเช่นนี้ อาจทำให้เราทุกคนกำลังมองข้ามความสำคัญของสุขภาพจิตใจซึ่งสามารถส่งผลกระทบกับงานได้เช่นกัน
แอนดรู เบอร์รี หนึ่งในผู้จัดการของเว็บไซต์ Time to Change ซึ่งเป็นองค์กรสนับสนุนให้ทุกคนหันมาใส่ใจและพูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพจิตใจอย่างเปิดเผย ได้กล่าวว่า มีคนจำนวน 9 ใน 10 ที่มีปัญหาสุขภาพจิต และต้องเผชิญกับการถูกแบ่งแยกหรือถูกตัดสินโดยเฉพาะในที่ทำงาน ซึ่งเกินกว่าครึ่งเผยว่า พวกเขารู้สึกไม่สามารถพูดคุยกับหัวหน้าของตัวเองได้อย่างเปิดเผย ทำให้กว่า 95 เปอร์เซ็นต์เลือกที่จะลาหยุดด้วยเหตุผลที่สร้างขึ้นมา มากกว่าการพูดความจริงว่ากำลังมีปัญหาด้านจิตใจ
โดยสาเหตุที่เป็นเช่นนั้น อาจมองได้ว่าเป็นเพราะวัฒนธรรมการทำงานที่ต้องไม่ปล่อยให้เรื่องส่วนตัวกระทบกับงานที่ทำ มิฉะนั้นจะถูกมองว่าไม่เป็นมืออาชีพ หรือเป็นอุปสรรคที่ทำให้งานเดินช้าลง หลายคนจึงเลือกจะไม่พูดถึงปัญหาส่วนตัวในที่ทำงาน เพราะไม่ต้องการถูกมองว่าใช้เป็นข้ออ้าง หรือมีปัญหา และถูกมองว่าแปลกแยกจากคนอื่น ด้วยความเชื่อเหล่านี้เองที่กำลังทำให้ทุกคนมองข้ามความสำคัญเรื่องสุขภาพจิตใจในที่ทำงาน ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อบุคคล หากองค์กรธุรกิจก็จะได้รับผลกระทบนี้เช่นเดียวกัน
เมื่อสภาพจิตใจของพนักงานไม่อยู่ในสภาพพร้อมทำงาน ประสิทธิภาพของผลงานย่อมลดลงไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย โดยองค์การอนามัยโลกระบุว่า ทั่วโลกมีประชากรที่มีปัญหาสุขภาพจิตกว่า 300 ล้านคน ซึ่งสามารถกระทบต่อผลประกอบการธุรกิจได้ถึงกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี ซึ่งเป็นเหตุมาจากเมื่อพนักงานเผชิญปัญหาทางจิตใจแต่ไม่สามารถปรึกษาหรือบรรเทาความรู้สึกได้ ก็เลือกที่จะลาหยุดหรือแอบพักผ่อนในเวลางาน
การพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาด้านจิตใจในที่ทำงานได้จะส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตของทุกคนในที่ทำงานเอง ทั้งช่วยให้สบายใจขึ้น เครียดน้อยลง อีกทั้งอาจได้ฟังความคิดเห็นหรือมุมมองใหม่ๆ ที่อาจช่วยให้ปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ดูเล็กลงได้ด้วย เช่นนี้แล้วลองหันมาใส่ใจถามไถ่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของเพื่อนร่วมงานกันดูบ้าง เพราะนอกจากเป็นการใส่ใจกันแล้วก็อาจทำให้ได้รู้จักและเข้าใจกันมากขึ้น