Reasons to Read
- ผลสำรวจของประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 2017 พบว่า หลายปีที่ผ่านมา คู่รักชาวอเมริกันมีเซ็กส์น้อยครั้งลง เฉลี่ยเหลือเพียง 9 ครั้งต่อปีเท่านั้น
- เช่นเดียวกับในประเทศอังกฤษ คู่รักหลายคู่ห่างจากกิจกรรมอย่างว่ากันมากขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับกลุ่มคนโสดที่ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาในเรื่องนี้แต่อย่างใด
จากผลสำรวจหนึ่งของประเทศอังกฤษพบว่า คู่รักหลายคู่มีเพศสัมพันธ์กันน้อยลงในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งต่างจากกลุ่มคนโสดที่ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาในเรื่องนี้เท่าใดนัก แต่ทว่าเมื่อถามถึงเรื่องความต้องการในกลุ่มคู่รัก ทั้งผู้ที่แต่งงานแล้วหรือกำลังอยู่กินด้วยกัน คำตอบที่ได้เกินกว่าครึ่งกลับตรงกันข้ามกับความบ่อยของกิจกรรมที่พบว่าลดลง
กลุ่มนักวิจัยของสถาบันสุขอนามัยและเวชศาสตร์เขตร้อนแห่งกรุงลอนดอน (London School of Hygiene and Tropical Medicine) นำข้อมูลจากแบบสำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับทัศนคติทางเพศและวิถีชีวิต (Natsal) ในปี 1991, 2001 และ 2012 มาวิเคราะห์ โดยเป็นกลุ่มตัวอย่างกว่า 34,000 คน ช่วงอายุ 16-44 ปี และไม่จำกัดเฉพาะคู่รักต่างเพศเท่านั้น ซึ่งผลลัพธ์ออกมาว่า หากเปรียบเทียบจำนวนคู่รักที่มีเซ็กส์ในช่วงเดือนก่อนการสำรวจในปี 2001 กับปี 2012 จะพบว่า เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ไม่มีกิจกรรมอย่างว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยเพศชายเพิ่มจาก 26% เป็น 29.2% ส่วนผู้หญิงเพิ่มจาก 23% เป็น 29.3%
สำหรับสาเหตุดังกล่าว ผู้นำการศึกษานี้กล่าวว่า อาจเป็นไปด้วยปัจจัยหลายอย่าง รวมถึงสภาพสังคมสมัยใหม่ที่หลายครอบครัวเริ่มมีลูกในช่วงอายุที่สูงขึ้น จึงทำให้ไม่มีเวลาส่วนตัว เนื่องด้วยต้องรับผิดชอบหลายๆ อย่าง อาทิ การเลี้ยงดูบุตร การทำงาน หรือการดูแลพ่อแม่ที่เริ่มเข้าสู่วัยชรา
แม้ผลลัพธ์นี้จะวิเคราะห์จากประชากรชาวอังกฤษเท่านั้น แต่หากผลสำรวจของประเทศอื่นๆ ก็มีผลลัพธ์ที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน อาทิ ประเทศสหรัฐอเมริกาก็ได้ข้อสรุปจากการสำรวจในปี 2017 ว่า หากเปรียบเทียบกับช่วงปี 1990 หลายปีที่ผ่านมานี้คู่รักชาวอเมริกันมีเซ็กส์น้อยครั้งลง เฉลี่ยเพียง 9 ครั้งต่อปีเท่านั้น ทว่าหากเป็นคนโสดกลับพบว่าส่วนมากไม่มีปัญหานี้แต่อย่างใด