Reasons to Read
- หากมองถึงข้อดีก็อาจช่วยตรวจจับอาชญากรได้จริง ทว่าข้อเสียก็คือ เราต้องรู้ใบหน้าของคนร้ายก่อน จึงจะใส่ลงในระบบเพื่อให้แจ้งเตือนเมื่อตรวจพบการบุกรุกได้
- ผู้ปกครองหลายคนมองว่าเป็นการสิ้นเปลืองเงิน อีกทั้งละเมิดความเป็นส่วนตัวของนักเรียนด้วย
เหตุกราดยิงในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในปัญหาความรุนแรงที่ดูเหมือนจะเกิดบ่อยขึ้นทุกทีๆ ซึ่งก็อาจเนื่องมาจากกฎหมายการครอบครองอาวุธปืนที่ไม่เข้มงวด ทำให้ใครๆ ก็สามารถซื้อและครอบครองอาวุธปืนเป็นของตัวเองได้ เพียงแค่มีคุณสมบัติถูกต้องตามข้อกำหนด ด้วยเหตุนี้เอง โรงเรียนแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์กจึงเพิ่มระดับความปลอดภัยด้วยการติดตั้งระบบจดจำใบหน้า เพื่อใช้สแกนจับผู้ต้องสงสัยที่อาจเข้ามาก่ออาชญากรรมภายในโรงเรียน
แผนการนี้เป็นความตั้งใจของสำนักงานเขตการศึกษาแห่งเมืองล็อกพอร์ต ในรัฐนิวยอร์ก ที่ต้องการเพิ่มระดับความปลอดภัยให้โรงเรียนแต่ละแห่งในเขตที่รับผิดชอบ ด้วยการติดตั้งระบบจดจำใบหน้าที่สามารถตรวจจับบุคคลต้องห้ามได้ อาทิ อาชญากรทางเพศ นักเรียนที่ถูกสั่งพักการเรียน เจ้าหน้าที่พนักงาน บุคคลอันตราย หรือกระทั่งตรวจจับอาวุธปืนได้ด้วย โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะถูกใช้ที่เขตนี้เป็นที่แรก แตกต่างจากระบบทั่วไปที่โรงเรียนแห่งอื่นในสหรัฐฯ ใช้คือ กล้องตรวจจับจะไม่ได้ติดตั้งเพียงหน้าประตูทางเข้าเพียงอย่างเดียว แต่จะมีอยู่ทั่วอาคารในโรงเรียน เว้นเฉพาะในห้องเรียนเท่านั้น
ทว่าหลังจากมีการประกาศแผนการนี้ออกมา แทนที่เหล่าผู้ปกครองจะพอใจกับความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น กลับมองว่าเทคโนโลยีนี้ไม่มีประสิทธิภาพและละเมิดความเป็นส่วนตัวมากกว่า เพราะไม่ว่านักเรียนจะทำอะไรก็อาจถูกบันทึกภาพไว้ได้ แม้ทางสำนักงานเขตจะยืนยันว่า จะไม่มีการบันทึกภาพเคลื่อนไหวใดๆ ของนักเรียน เจ้าหน้าที่ หรือบุคคลภายนอกที่ไม่ได้มีรายชื่อเป็นบุคคลอันตรายก็ตาม
โดยผู้ปกครองของนักเรียนคนหนึ่งได้ให้เหตุผลที่น่าสนใจว่า “การรักษาความปลอดภัยเช่นนี้เป็นการสิ้นเปลืองเงินอย่างมหาศาล เพราะหากระบบจะตรวจพบได้ว่าใครเป็นมือปืนบุกรุกเข้ามา คุณต้องมีภาพใบหน้าคนร้ายใส่ลงไปในระบบก่อน แล้วอย่าลืมอีกว่าคนร้ายอาจใส่หน้ากากตอนบุกเข้ามาด้วยก็ได้”
ส่วนทางเจ้าหน้าที่ก็ออกมาพูดเช่นกันว่า แม้จะมีการโต้เถียงกันในเรื่องนี้ แต่ก็ห้ามไม่ได้ โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือ เราเชื่อว่าได้กำหนดขอบเขตการใช้งานระบบนี้ไว้แล้ว อีกทั้งก็มีนโยบายป้องกันความเป็นส่วนตัวด้วย
สำหรับการติดตั้งระบบจดจำใบหน้าในเขตการศึกษาล็อกพอร์ตจะเริ่มดำเนินการช่วงต้นเดือนมิถุนายน คาดการณ์ว่าจะพร้อมใช้งานเมื่อถึงเวลาเปิดปีการศึกษาใหม่ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ซึ่งหากมองถึงข้อดีก็อาจช่วยป้องกันอาชญากรรมได้จริงถ้าหากมีการประสานงานและเตรียมข้อมูลอย่างมืออาชีพ ทว่าข้อเสียก็ฟังดูหนักแน่นไม่น้อยด้วยว่า เราต้องรู้หน้าตาคนร้ายก่อนถึงจะตรวจจับได้ อีกทั้งคงไม่มีใครอยากรู้สึกเหมือนมีกล้องบันทึกภาพตัวเองอยู่ตลอดเวลาหรอกจริงไหม