ในยุคปัจจุบันตลาดแรงงานเปลี่ยน รวดเร็วและรุนแรงหลายเท่าตัว อาชีพหลายอย่างที่เคยทุกวันนี้อาจจะไม่มั่นคงอีกต่อไป เรามาดูแนวโน้มกันดีกว่าว่า 8 อาชีพไหนที่จะมั่นคงต่อไปในอนาคต Reasons to Read ในอดีตยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟู คนมีความรู้ความสามารถเคยเบาใจกับตำแหน่งงานมั่นคง รายได้มั่งคั่ง ทว่ายุคปัจจุบันตลาดแรงงานเปลี่ยนรวดเร็วและรุนแรงหลายเท่าตัว อาชีพหลายอย่างในทุกวันนี้อาจจะไม่มั่นคงอีกต่อไป เรามาดูแนวโน้มกันดีกว่าว่าอาชีพไหนที่จะมั่นคงต่อไปในอนาคต ในอดีตยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟู คนมีความรู้ความสามารถเคยเบาใจกับตำแหน่งงานมั่นคง รายได้มั่งคั่ง ทว่ายุคปัจจุบันตลาดแรงงานเปลี่ยนรวดเร็วและรุนแรงหลายเท่าตัว รายงานของ World Economic Forum ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงทางด้านประชากรศาสตร์และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอาจทำให้คนตกงาน 5-7 ล้านคนภายในปี 2020 และในจำนวนนั้นส่วนใหญ่เป็นกลุ่มพนักงานออฟฟิศ จากรายงานที่มีชื่อว่า ‘The Future of Jobs’ ซึ่งทำการสำรวจจากเจ้าของกิจการกว่า 350 แห่งใน 15 อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของโลก เพื่อหาคำตอบว่า แรงงานประเภทไหนยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด และต่อไปนี้คือ 8 อาชีพ อันเป็นผลลัพธ์จากการสำรวจ ที่จะยังเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน โดยเฉพาะในตลาดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ-การเงิน การจัดการ คอมพิวเตอร์ คณิตศาสตร์ สถาปัตยกรรม วิศวกรรม การขาย และการศึกษา… 1. นักวิเคราะห์ข้อมูล จะยังมีความสำคัญและครองตำแหน่งงานไปจนถึงปี […]Read More
ศัพท์หนึ่งที่เป็นที่พูดถึงกันมาระยะหนึ่งแล้ว ก็คือคำว่า ‘Brainjacking’ คำนี้มีความหมายว่าอย่างไร นี่คืออีกหนึ่งเรื่องราวความก้าวหน้าของวิทยาการ อนาคตที่ราวกับนวนิยายวิทยาศาสตร์ที่ต้องตามให้ทัน Reasons to Read ศัพท์หนึ่งที่เป็นที่พูดถึงกันมาระยะหนึ่งแล้ว ก็คือคำว่า ‘Brainjacking’ คำนี้มีความหมายว่าอย่างไร เรื่องราวความก้าวหน้าของวิทยาการ อนาคตที่ราวกับนวนิยายวิทยาศาสตร์ที่ต้องตามให้ทัน เราอยู่ในโลกที่มีการเชื่อมต่อกันแบบไร้สายชนิดที่คนเมื่อสิบปีที่แล้วอาจนึกไม่ถึง อุปกรณ์ต่างๆ เชื่อมต่อกับเราผ่านอินเตอร์เฟซหลายแบบ รวมถึงเชื่อมต่อกันเองแบบ Intertnet of Things ด้วย จนหลายครั้งเราก็อยากให้ตัวเราเองเป็นคล้ายๆ device หรืออุปกรณ์หนึ่ง จะได้เชื่อมต่อเข้ากับโลกออนไลน์ได้โดยตรงด้วยหลายเหตุผล ตั้งแต่เหตุผลเรื่องสุขภาพ ไปจนถึงเหตุผลเพื่อทำให้ตัวเรามีลักษณะเป็น ‘อภิมนุษย์’ คือมีความสามารถต่างๆ เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป หรือทำให้ ‘ความรู้’ ที่อยู่นอกตัวเรา (เช่น ความรู้ที่เราต้องกูเกิลหา) กลายมาเป็นเสมือนความรู้ที่ไหลถ่ายเทเข้ามาในตัวเราได้โดยตรง แค่นึกอยากรู้ก็รู้ได้โดยไม่ต้องกดแป้นพิมพ์เสิร์ชอะไร ยุคสมัยแบบน้ีแหละครับ ที่ทำให้เกิด ‘ศัพท์’ ใหม่ๆ ขึ้นมาจำนวนมาก และศัพท์หนึ่งที่เป็นที่พูดถึงกันมาระยะหน่ึงแล้ว ก็คือคำว่า ‘Brainjacking’ คุณคงรู้จักคำว่าไฮแจ็ก (Hijack) หรือการ ‘จี้เครื่องบิน’ กันดีนะครับ คำว่า ‘เบรนแจ็ก’ ก็คล้ายๆ กัน แต่แทนที่จะจี้เครื่องบิน ก็หันมา ‘จี้สมอง’ แทน ที่จริง การเบรนแจ็กนี่ไม่ได้เริ่มต้นที่สมองโดยตรงนะครับ […]Read More
ในปี 2018 ที่กำลังจะผ่านพ้น มีคนดังระดับโลกหลายคนที่เสียชีวิต เพื่อให้เกียรติ และเพื่อไม่ให้พวกเขาถูกลืมเลือนเร็วเกินไป เรามาระลึกถึงพวกเขากันก่อนดีกว่า Reasons To Read การสูญเสียอาจเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ตลอด แต่การจากไปของคนดังหรือบุคคลสำคัญระดับโลกก็สร้างความเสียใจและโศกเศร้าแก่ผู้คนจำนวนมากอยู่เสมอ ในปี 2018 ที่กำลังจะผ่านพ้น มีคนดังระดับโลกหลายคนที่เสียชีวิต เพื่อให้เกียรติ และเพื่อไม่ให้พวกเขาถูกลืมเลือนเร็วเกินไป เรามาระลึกถึงพวกเขากันก่อนดีกว่า 1. ‘มาร์ก เซลลิง’ หนึ่งในนักแสดงจากซีรีส์ดังเรื่อง ‘กลี’ (Glee) เรื่องน่าเศร้าสำหรับแฟนซีรีส์เรื่อง กลี เกิดขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เมื่อนักแสดงหนุ่มผู้รับบท ‘โนอาห์ พักเกอร์แมน’ ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงในวัย 35 ปี ก่อนเสียชีวิตมาร์กกำลังต่อสู้คดีในข้อหาครอบครองสื่ออนาจารเด็กอายุต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด เขารับสารภาพและอาจต้องจำคุกประมาณ 4-7 ปี โดยปีก่อนหน้านี้มาร์กเคยพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วแต่ไม่สำเร็จ ทนายของเขากล่าวกับสื่อว่ามาร์กเป็นคนสุภาพและเป็นที่รัก ที่ผ่านมาเขาพยายามชดเชยความผิดที่เขาก่ออย่างเต็มที่ที่สุด อ่านข่าวการจากไปของ มาร์ก เซลลิง เพิ่มได้ที่นี่ 2. อัจฉริยะนักวิทยาศาสตร์ ‘สตีเฟน ฮอว์กิง’ ผู้สร้างสรรค์ทฤษฎีแห่งจักรวาล วงการวิทยาศาสตร์ได้สูญเสียมันสมองอัจฉริยะไปอีกครั้ง เมื่อ ‘สตีเฟน ฮอว์กิง’ นักฟิสิกส์และนักจักรวาลวิทยาผู้เป็นที่นับถือของวงการ […]Read More
นิตยสาร ฟอร์บส์ จัดอันดับคนดังที่มีรายรับสูงที่สุดในโลกประจำปี 2018 หากรวมคนดังจากทุกสายอาชีพแล้ว ใครคนใดจะเป็นเซเลบริตี้ที่มีรายได้เป็นอันดับหนึ่งของปีนี้ Reasons To Read นิตยสาร ฟอร์บส์ จัดอันดับคนดังที่มีรายรับสูงที่สุดในโลกประจำปี 2018 หากรวมคนดังจากทุกสายอาชีพแล้ว ใครคนใดจะเป็นเซเลบริตี้ที่มีรายได้เป็นอันดับหนึ่งของปีนี้ ศึกพันล้านระหว่าง ‘ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์’ และ ‘คอเนอร์ แมคเกรเกอร์’ สร้างรายได้ให้ทั้งสองนักมวยอย่างมหาศาล โดยเฉพาะฟลอยด์ที่คว้าชัยชนะในแมตช์นั้นและได้ค่าตอบแทนหนักคุ้มแรงชก อันดับที่ 20 – โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ รายได้ 81 ล้านดอลลาร์ฯ หรือราว 2,600 ล้านบาท นักแสดงชื่อดังที่คุ้นหน้ากันดีในบทบาทซูเปอร์ฮีโร่ ‘ไอรอนแมน’ ในปี 2018 โรเบิร์ตมีผลงานร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง ‘อเวนเจอร์ส: มหาสงครามล้างจักรวาล’ ที่ทำรายได้ไปกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้กลายเป็นภาพยนตร์ที่กวาดรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 4 ของโลก อันดับที่ 19 – เคที เพร์รี รายได้รวม […]Read More
อัพเดทสถานการณ์ความวุ่นวายในประเทศฝรั่งเศส จากการประท้วงของกลุ่ม “เสื้อกั๊กเหลือง” ใคร ทำอะไร เพราะอะไร และจะนำไปสู่อะไร ติดตามได้เลยที่นี่ Reasons To Read อัพเดทสถานการณ์ความวุ่นวายในประเทศฝรั่งเศส จากการประท้วงของกลุ่ม “เสื้อกั๊กเหลือง” ใคร ทำอะไร เพราะอะไร และจะนำไปสู่อะไร ติดตามได้เลยที่นี่ กิดอะไรขึ้นที่ฝรั่งเศส ชาวฝรั่งเศสพากันออกมาประท้วงต่อต้านการขึ้นภาษีน้ำมันเชื้อเพลิง โดยมีการเรียกร้องให้ผู้คนที่จะร่วมชุมนุมใส่เสื้อกั๊กนิรภัยสีเหลือง ที่ต้องมีติดรถยนต์ทุกคันภายใต้กฎหมายฝรั่งเศส แรกเริ่มผู้ชุมนุมเป็นประชาชนตามเมืองเล็กๆ และชนบทที่ต้องใช้รถยนต์ในการสัญจรและได้รับผลกระทบจากภาษีน้ำมันที่ขึ้นไปแล้วถึง 23% ในปีนี้ แต่การประท้วงได้ขยายไปทั่วประเทศ ลุกลามเป็นการต่อต้านประธานาธิบดีเอ็มมานูแอล มาครง ที่ถูกกล่าวหาว่ามีนโยบายเอื้อภาคธุรกิจและคนรวยมากเกินไป หนำซ้ำยังเมินคนจน ดูเป็นผู้นำที่ทำตัวให้ประชาชนเอื้อมเข้าหาไม่ถึงอีกต่างหาก ผู้ประท้วงมีข้อเรียกร้องที่หลากหลายตั้งแต่ให้นายมาครงไปคิดภาษีกับคนรวยแทน เรียกร้องให้มีมาตรการช่วยคนจน ไปจนถึงเรียกร้องให้นายมาครงลาออกจากตำแหน่ง โดยกลุ่มคนเสื้อกั๊กเหลืองออกมาชุมนุมทุกวันเสาร์ทั้งในปารีส และตามเมืองต่างๆทั่วประเทศ โดยการปิดถนนหรือปิดล้อมสถานที่ต่างๆเช่น คลังน้ำมัน ปั๊มน้ำมัน และห้างสรรพสินค้า การประท้วงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีผู้ได้รับบาดเจ็บราวสามร้อยคนทั่วประเทศ และมีผู้ถูกจับกุมไปกว่าสี่ร้อยคน จากเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่และการทำลายข้าวของโดยผู้ชุมนุม นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 4 ราย รัฐบาลฝรั่งเศสทำอย่างไร ล่าสุดรัฐบาลฝรั่งเศสยอมยกเลิกแผนการขึ้นภาษีน้ำมันตลอดทั้งปีหน้าแล้ว และเรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบ แต่เดิม การขึ้นภาษีน้ำมันจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 […]Read More
รื้อฟื้นความทรงจำ 10 วีรกรรมแท็กซี่ไทย ที่ดังไกลไปทั่วโลก Reasons To Read รื้อฟื้นความทรงจำ 10 วีรกรรมแท็กซี่ไทย ที่ดังไกลไปทั่วโลก 1. แท็กซี่ไทยถือไม้ไล่หวดพิธีกรเกาหลี วีรกรรมล่าสุดเกิดขึ้นวันที่ 5 ธันวาคม พิธีกรชาวเกาหลี ‘คิม อูรี’ และเพื่อนมาเที่ยวประเทศไทยและใช้บริการแท็กซี่บ้านเรา แต่เกิดเหตุแท็กซี่ไม่ยอมกดมิเตอร์เพราะต้องการราคาเหมา เมื่อตกลงกันไม่ได้แท็กซี่จึงไล่ชาวเกาหลีทั้งหมดลงจากรถพร้อมถือไม้ไล่ฟาดนักท่องเที่ยว เหตุการณ์นี้พิธีกรดังจากเกาหลีนำไปเล่าลงโซเชียลมีเดียส่วนตัว พร้อมโพสต์ลงอินสตราแกรม 2. ต่อยท้องแล้วปล้นเงินนักศึกษาสาวชาวจีน สิงหาคม 2557 นักศึกษาสาวชาวจีนอายุเพียง 20 ปีถูกแท็กซี่ขับพาไปแถวมอเตอร์เวย์ที่ไร้สายตาผู้คน ก่อนชกท้องของเธอหลายครั้ง แต่สาวชาวจีนตั้งสติได้และรีบวิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือ ส่วนแท็กซี่รายนั้นก็ขับรถหนีไปพร้อมทรัพย์สิน ต่อมาตำรวจสามารถจับกุมแท็กซี่จอมโหดได้พร้อมหลักฐาน ส่วนข้ออ้างคือจำเป็นต้องใช้เงิน 3. ศึกชิงลูกค้าต่อหน้านักท่องเที่ยว ตุลาคม 2561 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้บริการเรียกรถแกร็บ (Grab) ให้มาส่งที่จุดหมาย แต่กลับเจอกลุ่มผู้ขับแท็กซี่ ร่วมด้วยตุ๊กตุ๊กมารุมล้อมและเริ่มใช้ความรุนแรง ทั้งด้วยคำด่า ถีบรถและคว้าอาวุธเหล็กออกมาขู่ เพื่อให้คนขับรถยอมออกมา สาเหตุคือไม่พอใจที่โดนแย่งลูกค้า นักท่องเที่ยวที่นั่งอยู่ด้านในด้วยความหวาดกลัวได้ถ่ายวิดีโอและโพสต์ลงโซเชียลพร้อมแคปชั่นว่า “Welcome to Chiang Mai” […]Read More
ตั้งแต่วันแรกที่ มิโลวาน ราเยวัช ได้รับตำแหน่งมาคุมทีมชาติไทยต่อจาก “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง โค้ชทีมชาติคนใหม่ก็กลายเป็นตัวร้ายในสายตาของแฟนบอลไทยหัวใจฮาร์ดคอร์ทั้งหลายที่ชอบเกมบุกแบบเดินหน้าฆ่ามันจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่งโดยทันที Reasons to Read ทำไมบอลไทยในยุคนี้ถึงพ่ายแพ้ทีมละแวกบ้าน การทำทีมของราเยวัชมาถูกทางหรือเปล่า ชำแหละสไตล์บอลไทยที่หลงทางไปไกลจนน่าผิดหวัง ตั้งแต่วันแรกที่ มิโลวาน ราเยวัช ได้รับตำแหน่งมาคุมทีมชาติไทยต่อจาก “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง โค้ชทีมชาติคนใหม่ก็กลายเป็นตัวร้ายในสายตาของแฟนบอลไทยหัวใจฮาร์ดคอร์ทั้งหลายที่ชอบเกมบุกแบบเดินหน้าฆ่ามันจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่งโดยทันที ด้วยสไตล์ฟุตบอลเกมรับเน้นความแน่นอนเป็นพื้นฐานที่โค้ชเซอร์เบียผู้นี้พยายามวางรากฐานใหม่ ตามแนวคิดที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า “เราไม่ใช่ทีมชาติบราซิล ไม่ใช่ทีมชาติเยอรมัน เราคือทีมชาติไทย เราไม่ใช่ทีมใหญ่ เราคือทีมเล็ก และการที่ทีมเล็กจะสู้กับทีมใหญ่ได้ดี การสร้างเกมรับและการช่วยกันเล่นคือทิศทางที่เราจะไป” จากนั้นมา ไม่ว่าจะเจอกับใคร ทีมชาติไทยคือทีมที่เน้นเกมรับเอาไว้ก่อน แล้วค่อยหาโอกาสโจมตีในลูกโต้กลับ หรือเรียกกันว่าสไตล์ “คาเตนัคโช่ (Catenaccio)” ที่นำพาทีมชาติอิตาลีคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแล้วครั้งเล่า หรือถ้ายกตัวอย่างล่าสุดก็คือการเล่นแบบ เลสเตอร์ ซิตี้ ในปีที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างสุดอลังการ ซึ่งการเล่นแบบเน้นผลแบบนี้มันน่าเบื่อหน่าย ชวนหลับ ขาดความบันเทิงอย่างรุนแรง เราจึงจะได้ยินเสียงยี้ดังระงมจากกลุ่มแฟนบอลที่ยังอาลัยทีมชาติไทยสไตล์ “ติกี–ตากา (Tiki-Taka)” ที่มีการต่อบอลสั้นๆ บนพื้นที่สวยงาม เกมรุกดุดันของอดีตโค้ชอย่างซิโก้ แต่ถึงอย่างไร เสียงยี้เและเสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้นก็ค่อยๆ เบาลงไปเมื่อทีมชาติไทยภายใต้การคุมทีมของ มิโลวาน ราเยวัช นั้นสามารถเก็บ “ผลงาน” ได้ค่อนข้างน่าพอใจ ก่อนทัวร์นาเม้นท์“เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018” จะเริ่มขึ้น ทีมชาติไทยยุคใหม่มีสถิติชนะ 5 นัด แพ้ 5 นัด เสมอ 3 นัด ทึ่ถึงแม้เรามักจะได้เห็นสกอร์จุ๋มจิ๋มๆ แบบ 1-0, 0-0, 2-1 หลายต่อหลายนัดก็ตาม แต่รูปแบบการเล่นถือว่ารัดกุมและแน่นอนมากขึ้นโดยเฉพาะในแนวรับ กูรูหลายท่านบอกนี่แหละคือการวางระบบเพื่ออนาคตบอลไทย เรามาถูกทางกันแล้ว ทุกอย่างดูเหมือนสวยงามไม่มีอะไรเสียหาย มาจนกระทั่งจังหวะที่ อดิศักดิ์ ไกรสร สวมวิญญาณ “เทพบุตรเปียทองคำ โรเบอร์โต้ บาจโจ้” ในฟุตบอลโลก 1994 กดจุดโทษในนาทีสุดท้ายข้ามคาน ส่งทีมชาติไทยเต็งหนึ่งในรายการตกรอบคาบ้านเมื่อเย็นที่ผ่านมา ตกรอบรองชนะเลิศในรายการที่ วิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิคของทีมชาติเราเคยบอกนักข่าวไว้ว่า “บอลระดับอาเซียน ใครคุมก็แชมป์” อย่างน่าอับยศที่สุด ตกลงเรามาถูกทางแล้วใช่มั้ย? ในทัวร์นาเมนต์อย่าง “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018″ ที่แข่งขันกันในอาเซียน และทีมไทยเป็นแชมป์เก่า พูดตรงๆ ว่าแฟนบอลตัวเล็กๆ อย่างผมอดเศร้าไม่ได้ที่ต้องเห็นทีมชาติไทยแสนรักนั้นไปเล่นอุดประตูเพื่อสกอร์ 0-0 กับทีมอย่างฟิลิปปินส์ หรือ มาเลเซีย ทั้งๆ ที่ตัวผู้เล่นเราเหนือชั้นกว่ามากด้วยบอลลีกที่พัฒนาขึ้นอย่างเป็นระบบ แต่ที่เกมออกมารูปนั้นก็เพราะการวางแผนของมิโลวาน ราเยวัช ที่ตัวใหญ่แต่ใจปลาซิว ไม่กล้าสั่งบุกสั่งลุย ทำให้ mindset ในการทำเกมรุกของนักฟุตบอลไทยค่อยๆ เลือนหายไป ภาพของกองหน้าอย่างอดิศักดิ์ ไกรศร ยืนโดดเดี่ยวในแดนหน้า ปีกจี๊ดๆ อย่าง นูรูล ศรียานเก็ม มงคล ทศไกร เลี้ยงไปพื้นที่ว่างแล้วไม่มีเพื่อนเติม กองกลางที่เชื่อมเกมดีๆ สอดมายิงไกลบ่อยๆ อย่าง ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ หรือ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ต้องลงมายืนต่ำมากๆ เป็นภาพที่เราเห็นจนชินตา พอตัดบอลได้แทนที่จะค่อยๆ ลำเลียงบอลกันขึ้นไป ถ่ายออกปีกอะไรให้วูบวาบหน่อย ก็ตะบี้ตะบันโยนยาวขึ้นไปวัดดวงลูกเดียว ทำอย่างกับข้างหน้าเรามี ปีเตอร์ เคราช์ ยืนค้ำอยู่อย่างนั้นแหละ ซึ่งจริงๆ กลิ่นตุๆ ก็เริ่มโชยออกมาตั้งแต่เกมกับฟิลิปปินส์ในรอบแรก และกับมาเลเซียในรอบรองฯ นัดแรกแล้ว เราครองบอลน้อยมาก โอกาสยิงก็น้อย บอลถูกเล่นบริเวณหน้าประตูเราเยอะเกินไป เรียกง่ายๆ ว่าเล่นรอโดน แต่โชคดีเกมรับทำงานดีแถมมีดวงได้ผลเสมอกลับมา แผลมันเลยยังไม่ถูกเปิดสู่สาธารณชน มาถึงนัดนี้กองกลางเราเล่นต่ำกว่ามาตรฐาน เห็นได้จากการไม่เข้าบีบพื้นที่จนเสียลูกแรก และเดินเล่นปล่อยที่ว่างให้เค้ายัดบอลไปให้กองหน้าง่ายๆ ในลูกที่สอง หายนะเลยบังเกิด ย้อนกลับไป ณ ช่วงเวลาที่สมาคมฟุตบอลไทยที่นำโดยนายกใหม่เอี่ยมอ่องที่ชื่อ สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กำลังเฟ้นหานายใหญ่ทีมชาติไทยคนใหม่นั้น รายชื่อโค้ชที่เสนอตัววางเรียงรายให้เลือกสรรนั้น ต้องบอกว่าใครได้ยินชื่อก็ต้องซี๊ดปาก ไล่เรียงมาตั้งแต่ อเลฮานโดร ฮาเบญ่า อดีตโค้ชทีมชาติอาร์เจนติน่า แฟรงค์ ไรจ์การ์ด อดีตโค้ชบาร์เซโลน่า วินฟรีด เชเฟอร์ อดีตโค้ชทีมชาติไทยคนคุ้นเคย มาจนถึง คาร์ลอส ดุงก้า อดีตโค้ชทีมชาติบราซิล […]Read More
การทำเรื่องขอแยกทางกันมาร่วม 20 เดือน Brexit จะประสบผลหรือไม่ ปราการด่านสุดท้ายคืออะไร? และอังกฤษได้อะไร เสียอะไรจาก Brexit และไทยจะได้รับผลกระทบอย่างไร Reasons To Read ทำเรื่องขอแยกทางกันมาร่วม 20 เดือน Brexit จะประสบผลหรือไม่ ปราการด่านสุดท้ายคืออะไร? อังกฤษได้อะไร เสียอะไรจาก Brexit และไทยจะได้รับผลกระทบอย่างไร 23 มิถุนายน 2016 ช่วงที่กระแสแห่งความหวาดวิตกเรื่องจำนวนผู้อพยพทะลักเข้าสู่ยุโรป และภาวะเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายประเทศ ทำให้ชาวอังกฤษ กลุ่มอนุรักษ์นิยมที่ไม่พอใจกับการที่ต้องใช้เงินภาษีของพวกเขาไปช่วยเหลือ หรือที่เรียกว่า ‘Bail Out’ ประเทศสมาชิกที่แทบจะล้มละลาย จึงเรียกร้องให้ทำประชามติเพื่อหยั่งเสียงว่าชาวอังกฤษยังอยาก อยู่ร่วมหัวจมท้ายกับสหภาพยุโรปหรือไม่ และผลปรากฏว่าฝ่ายที่ต้องการ ถอนตัวเฉือนชนะไป ทำให้รัฐบาลอังกฤษต้องวางแผนเพื่อการถอนตัวจากสหภาพยุโรป หลังก่อร่างสร้างตัวด้วยกันมาตั้งแต่ปี 1973 ระดมสมองทำแผนแยกตัวกันมาสองปี ท่ามกลางดรามามากมายทั้งจากกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ไม่อยากแยกตัวจากอียู กับฝั่งสหภาพยุโรปที่บอกว่าถ้าออกไปแล้วก็อย่าหวังจะได้กลับมาร่วมเรียง เคียงหมอนกันอีก ในที่สุดเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐบาลอังกฤษภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ก็ประกาศชัดเจนแล้วว่าอังกฤษจะถอนตัวจากสหภาพยุโรปอย่าง เป็นทางการ ในวันที่ 29 […]Read More
ทำไมผู้อพยพจำนวนหลายพันคนจึงต้องรวมตัวกันเป็นกองคาราวาน เดินเท้าหลายพันกิโลเมตรเพื่อไปให้ถึงพรมแดนสหรัฐ ปัญหานี้โลกต้องช่วยกันแก้ Reasons To Read ทำความเข้าใจถึงการอพยพครั้งใหญ่ที่สะเทือนถึงอเมริกา ท่าทีของทรัมป์ต่อผู้อพยพ ทำไมผู้อพยพหลายพันคนจึงรวมตัวกันเป็นกองคาราวานเดินเท้าหลายพันกิโลเมตรเพื่อไปให้ถึงพรมแดนสหรัฐฯ ปัญหานี้โลกต้องช่วยกันแก้ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เราจะได้ยินข่าวกลุ่มคนจำนวนมากรวมตัวกันเป็นขบวนใหญ่ เดินทางออกจากฮอนดูรัส โดยมีปลายทางคือสหรัฐอเมริกา ระหว่างทาง มีผู้อพยพจากกัวเตมาลาและเอลซัลวาดอร์เข้ามาร่วมขบวนด้วย จนกลายเป็น คาราวานผู้อพยพขนาดใหญ่ พวกเขามีความฝันคือ เดินทางไปให้ถึงสหรัฐอเมริกา ดินแดนแห่งเสรีภาพและโอกาส แต่การเอื้อมฝันนั้นไม่ง่ายเลย…ทำไมผู้อพยพต้องรวมตัวกันเป็นกองคาราวานขบวนคาราวานผู้อพยพประกอบไปด้วยชาวอเมริกากลางหลายพันคนที่เดินเท้ามามากกว่า 4,000 กิโลเมตรไปยังชายแดนสหรัฐฯ ผู้อพยพส่วนใหญ่มากจากฮอนดูรัส ประเทศที่มีประชากรเก้าล้านคนและมีปัญหาสังคมเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงจากกลุ่มอาชญากรรม สงครามยาเสพติด และการทุจริต นอกจากนี้ยังเป็นประเทศที่มีสถิติเหตุฆาตกรรมสูงที่สุดในโลกประเทศหนึ่งด้วยโดยปกติแล้ว ผู้อพยพจากอเมริกากลางมักพยายามหนีแผ่นดินเกิดไปยังสหรัฐฯ อยู่แล้ว แต่หากเดินทางเอง พวกเขาอาจถูกลักพาตัวโดยกลุ่มพ่อค้ายาเสพติดหรือขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งบังคับขู่เข็ญให้พวกเขาทำงานให้ จึงทำให้ผู้อพยพตัดสินใจร่วมขบวนคาราวานขนาดใหญ่ครั้งนี้ เพื่อป้องกันตนเองกลุ่มผู้อพยพซึ่งหลายคนนำลูกเล็กเดินทางมาด้วย ระบุว่า พวกเขาต้องการไปสร้างอนาคตใหม่ให้ตนเองและครอบครัว เพราะหากอยู่ที่บ้านเกิด พวกเขามักจะถูกข่มขู่และทำร้ายจากแก๊งอาชญากรรมในเมืองของพวกเขาในขณะบางส่วนบอกว่า ต้องการมาหางานทำในต่างประเทศ หากได้เงินมากพอ จะได้ส่งกลับมาให้ญาติพี่น้องที่ประเทศบ้านเกิดได้ด้วย หลายคนมีญาติพี่น้องเข้ามาทำงานในสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้แล้ว จึงเชื่อว่า ถ้าเข้าไปในสหรัฐฯ ได้ พวกเขายังมีที่พึ่งพิงโดนัลด์ ทรัมป์ มองอย่างไรประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันว่า กองทัพสหรัฐฯ […]Read More
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สหรัฐฯ ส่งกองกำลังเข้าไปแทรกแซงการเมืองประเทศอื่นๆ ในแต่ละครั้งก็ส่งผลที่แตกต่างกัน แต่สองบทเรียนที่สำคัญ และได้บทสรุปแล้วก็คือคิวบาและอิรัก นี่คือเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นกับทั้งสองประเทศ ที่ไม่แน่ว่าเหตุการณ์ในอนาคตของเวเนซุเอลาอาจเหมือนหรือต่างจากนี้ Reasons to Read จากปัญหาเงินเฟ้อจนก่อให้เกิดความไม่สงบในประเทศเวเนซุเอลา ทำให้สหรัฐอเมริกาตัดสินใจเตรียมส่งกองกำลังทหาร 5,000 นาย เข้าประจำการ หาก นายนิโคลัส มาดูโร ไม่ลาออก ท่ามกลางกระแสของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปที่ผ่อนผันให้นายมาดูโรจัดการเลือกตั้งใหม่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สหรัฐฯ ส่งกองกำลังเข้าไปแทรกแซงการเมืองประเทศอื่นๆ ในแต่ละครั้งก็ส่งผลที่แตกต่างกัน แต่สองบทเรียนที่สำคัญ และได้บทสรุปแล้วก็คือคิวบาและอิรัก นี่คือเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นกับทั้งสองประเทศ ที่ไม่แน่ว่าเหตุการณ์ในอนาคตของเวเนซุเอลาอาจเหมือนหรือต่างจากนี้ หลังจาก นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ รับอักษรสาส์นตราตั้งจาก นายคาร์ลอส อัลเฟรโด เวกชิโอ ก็เท่ากับว่าสหรัฐฯ ยอมรับบุคคลนี้เป็นอุปทูตคนใหม่ ที่สำคัญคือเป็นคนที่แต่งตั้งโดยผู้นำฝ่ายค้านของเวเนซุเอลา ในขณะที่ จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ก็ทำเนียนโชว์ข้อความส่งทหาร 5,000 นาย สู่โคลอมเบีย ระหว่างอ่านแถลงการณ์มาตรการคว่ำบาตรเวเนซุเอลา ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากทั้งรัสเซียและจีน เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก และแน่นอนว่าไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่สหรัฐฯ จะส่งทหารเข้าไปยุ่มย่ามกับกิจการภายในของประเทศอื่นๆ อย่างแน่นอน หากครั้งนี้เราจะมาย้อยนรอย กับสองบทเรียนจากสองประเทศ ที่ครั้งหนึ่งสหรัฐฯ […]Read More