เรื่อง: กองบรรณาธิการ เป็นปีที่ 16 แล้วที่ เอส แอนด์ พี (S&P) ได้มอบความสุขแก่น้องๆ และผู้สูงอายุ รวมไปถึงบุคคลผู้ด้อยโอกาส โดยนำขนมเค้กแสนสวยไปมอบความอร่อยถึงที่ คุณมณีสุดา ศิลาอ่อน ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ได้สานต่อโครงการ Cake A Wish Make A Wish 2020…เค้กนี้ด้วยรักตลอดไป ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 เพื่อส่งมอบความสุข ความปรารถนาดี และความอร่อยไปยังบุคคลในสังคมต่างๆ ที่ต้องการความดูแลใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็น ผู้ด้อยโอกาส เด็กกำพร้า คนพิการ ผู้สูงอายุ รวมถึงผู้ป่วยตามมูลนิธิต่างๆ เนื่องในเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 22 แห่ง อาทิ มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย โรงเรียนเศรษฐเสถียร โรงพยาบาลทหารผ่านศึก สถานสงเคราะห์คนชรา และมูลนิธิเด็กบ้านทานตะวันเป็นต้น ด้วยเค้กทั้งหมดจำนวน 620 […]Read More
เรื่อง : วรพจน์ พันธุ์พงศ์ รัฐที่โง่เขลาและป่าเถื่อนพยายามทุกวิถีทางที่จะปิดปากประชาชนของตนเอง รัฐที่โง่เขลาและป่าเถื่อนพยายามทุกวิถีทาง ที่จะชี้นิ้ว กำหนด กักขัง แม้กระทั่งทำให้คนทั้งคนสูญหาย นอกจากไม่มีทางทำสำเร็จ ระวังธรรมชาติจะทวงคืน คุณฝืนโลกไม่ได้หรอก ผมจะบอกอะไรให้นะ คุณหยุดยั้งความเปลี่ยนแปลงไม่ได้ 1 เย็นวันที่ 6 ตุลาคม 2519 วัฒน์ วรรลยางกูร นั่งรถไฟออกจากหัวลำโพง ไปสองคนกับเพื่อนชื่อ ปริญญา อรรคนิตย์ สถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ ต้องแยกกันนั่งคนละที่ คนตรวจตั๋วเดินมาแต่ละที ก็สะดุ้งกันที เพราะชุดกากีนั้นคล้ายตำรวจ ปริญญาเป็นคนนครพนม ทำงานและกินนอนด้วยกันที่หนังสือพิมพ์ ‘อธิปัตย์’ คุยถูกคอ ชอบอ่านนิยายกำลังภายในทั้งคู่ และโชคดี เขามีเพื่อนเป็นครูประชาบาลอยู่ที่อำเภอส่องดาว เลยคิดว่าน่าจะช่วยพา ‘เข้าป่า’ ได้ ความคิดเรื่องเข้าป่ามาทีหลัง แรกทีเดียววัฒน์พยายามหาที่หลบภัย แต่บ้านญาติมิตรสามแห่งในเมืองกรุงปฏิเสธ “พวกพี่อย่ามาอยู่บ้านหนูเลย” คงไม่ได้รังเกียจ แต่บรรยากาศตอนนั้นน่ากลัว ยิ่งกับพวกนักศึกษา ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ มันคล้ายพาตัวเองไปเสี่ยง ภาพการล้อมปราบแล้วเข่นฆ่าในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์น่าสะพรึงกลัว ใครจะคิดว่า ‘ขวา’ จะคลั่งได้ปานนั้น ใครจะคิดว่า ‘เขา’ จะโหดเหี้ยมเหนือมนุษย์มนา กางเกงในตัว ผ้าขาวม้าผืน ในกระเป๋ามีเท่านั้น และต้องตัดสินใจจากเมืองสู่ดงดอนตอนนั้น เพราะทุกอย่างมืด ชีวิตวัฒน์เหมือนมวยไฟต์บังคับที่ไม่เหลือหนทางให้เลือก เช้าที่อุดรธานี ลงรถไฟแล้วต่อรถเมล์สีส้ม […]Read More
ซีฟู้ดเลิฟเวอร์ทั้งหลายเคยสังเกตกันไหมว่าสีของเปลือกกุ้งเปลือกปูที่ต้องแกะกะเทาะออกก่อนที่จะได้ลิ้มรสความอร่อยนั้น มันแตกต่างจากตอนที่ยังไม่สุกอย่างชัดเจน ซีฟู้ดเลิฟเวอร์ทั้งหลายเคยสังเกตกันไหมว่าสีของเปลือกกุ้งเปลือกปูที่ต้องแกะกะเทาะออกก่อนที่จะได้ลิ้มรสความอร่อยนั้น มันแตกต่างจากตอนที่ยังไม่สุกอย่างชัดเจน โดยตอนที่ยังดิบๆ จะมีสีออกเขียว น้ำเงิน น้ำตาล อะไรทำนองนั้น แต่พอสุกแล้วกลับเปลี่ยนเป็นสีส้มดูน่ากินขึ้นมาทันที คำตอบคือ… ก่อนจะไปพบกับคำตอบ เราขออธิบายถึงสาเหตุที่กุ้งและปูดิบๆ ไม่เป็นสีส้มก่อน นั่นเป็นเพราะในเปลือกของกุ้งและปูจะมีโปรตีนชื่อ ‘อัลฟา-ครัสตาไซยานิน’ (α-crustacyanin) เป็นส่วนประกอบ ซึ่งสิ่งที่ทำให้กุ้งและปูมีสีส้มน่ากินก็คือรงควัตถุหรือสารสร้างเม็ดสีชื่อ ‘แอสตาแซนธิน’ (astaxanthin) ที่อยู่ในโปรตีนชนิดนี้ แต่สาเหตุที่แอสตาแซนธินไม่แสดงสีส้มแดงออกมา ก็เป็นเพราะถูกโปรตีนอีกชนิดหนึ่งควบคุมไว้ ซึ่งเป็นโปรตีนที่ได้จากการกินแพลงก์ตอนหรือสาหร่ายทะเลสีแดง ชื่อว่า โปรตีน ‘ครัสตาไซยานิน’ (Crustacyanin) ทำให้เรามองเห็นกุ้งกับปูสดๆ เป็นสีออกเขียว น้ำเงิน หรือน้ำตาล ขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์ของกุ้ง ถามว่าทำไมแอสตาแซนธินต้องถูกควบคุม ก็เพื่อประโยชน์ในการพรางตัวจากนักล่าในท้องทะเลนั่นเอง แล้วทำไมตอนมาอยู่บนจานอาหารในสภาพสุกพร้อมทานแล้ว พวกมันถึงเป็นสีส้มแดงล่ะ? การจะทำให้กุ้งหรือปูสุกนั้นแน่นอนว่าต้องใช้ ‘ความร้อน’ ซึ่งเจ้าโปรตีนครัสตาไซยานินไม่สามารถทนความร้อนได้ก็จะสลายตัวไปในที่สุด และปล่อยให้แอสตาแซนธินเป็นอิสระสามารถแสดงสีส้มแดงได้อย่างเต็มที่ ในทางวิทยาศาสตร์การที่แอสตาแซนธินอยู่กับครัสตาไซยานินนั้นเป็นการทำอันตรกิริยาที่ทำให้เกิดโปรตีนเชิงซ้อน และเมื่อถูกความร้อน โปรตีนเชิงซ้อนนี้จะเกิดการเสียสภาพธรรมชาติทำให้แอสตาแซนธินสามารถแสดงสีส้มแดงได้ นอกจากความร้อนแล้ว ความเป็นกรด-ด่างที่สูงหรือต่ำเกินไปก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โปรตีนเชิงซ้อนนี้เสียสภาพได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเราจะเอากุ้งไปย่าง นึ่ง ต้ม หรือแค่บีบน้ำมะนาวราดก็ทำให้มันเปลี่ยนสีได้แล้วRead More
Netflix บริการสตรีมมิงขวัญใจคอหนัง ที่เปลี่ยนโลกของการดูหนังไป และวันนี้เราขอแนะนำหนัง LGBTQ ที่ออกมาในปี 2018-2019 Reason To Read Netflix บริการสตรีมมิงขวัญใจคอหนัง ที่เปลี่ยนโลกของการดูหนังไปโดยไม่ต้องไปถึงโรงหนังก็มีความบันเทิงมาเสิร์ฟกันถึงหน้าจอโทรทัศน์ที่บ้าน แถมมีหนังหลากหลายแนวให้เลือกดูทั้งเก่าทั้งใหม่ และวันนี้เราขอแนะนำหนัง LGBTQ ที่ออกมาในปี 2018-2019 และมีให้ดูบน Netflix ว่าสนุกและมีประเด็นอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง What Keep You Alive เรื่องราวของ ‘จูลี่’ และ ‘แจ็กกี้’ คู่รักเลสเบี้ยนคู่หนึ่งที่เดินทางไปเที่ยวพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์และฉลองวันครบรอบแต่งงาน 1 ปีที่บ้านกลางป่าหลังหนึ่ง แต่แล้วขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินชมความงามของผืนป่าอันกว้างใหญ่และมาหยุดอยู่ที่หน้าผา เหตุการณ์ที่คนดูไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นแบบกระชากอารมณ์สุดๆ และนั่นก็เป็นจุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ของพวกเธอทั้งสอง และเป็นจุดพลิกผันสำคัญที่พาคนดูเข้าสู่โหมดระทึก ทำให้คนดูอยากรู้ปมที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นั้น ตัวละครหลักในเรื่องแทบจะมีแค่พวกเธอ 2 คน (มีตัวละครสมทบเป็นคู่สามีภรรยาชายหญิงอีก 2 คน) หนังมีฉากหลังเป็นบ้าน (กึ่งร้าง) กลางป่าใหญ่ที่เงียบสงัดและดูเวิ้งว้าง สร้างความรู้สึก ‘ไม่น่าไว้วางใจ’ ให้คนดูได้ตั้งแต่ต้นจนจบ แม้จะมีตัวละครหลักเป็นคู่รักเลสเบี้ยน แต่เรื่องราวใน What Keep You Alive กลับไม่ได้ให้น้ำหนักกับประเด็น LGBTQ […]Read More
Disney+ จะเปรียบเสมือนคลังขนาดใหญ่ของหนังและรายการโทรทัศน์เก่าของดิสนีย์ รวมถึงผลงานจาก Marvel, Pixar, Star War พร้อมด้วยภาพยนตร์และซีรีส์ใหม่ที่สร้างขึ้นมาเพื่อบริการสตรีมมิงโดยเฉพาะ Reasons to Read Disney+ จะเปรียบเสมือนคลังขนาดใหญ่ของหนังและรายการโทรทัศน์เก่าของดิสนีย์ รวมถึงผลงานจาก Marvel, Pixar, Star War พร้อมด้วยภาพยนตร์และซีรีส์ใหม่ที่สร้างขึ้นมาเพื่อบริการสตรีมมิงโดยเฉพาะ ดิสนีย์บอกกับนักลงทุนว่า คาดว่าจะมีสมาชิก 60 ล้านถึง 90 ล้านคนทั่วโลก ภายในสิ้นปี 2567 ถูกขนานนามว่าเป็น ‘ผู้ฆ่าเน็ตฟลิกซ์’ นำมาซึ่งคำถามถึง ‘รีด แฮสติงส์’ (Reed Hastings) ผู้ก่อตั้ง Netflix ว่าควรจะกังวลต่อสถารการณ์นี้หรือไม่ ก่อนหน้านี้ดิสนีย์ (Disney) ได้พูดถึงแผนการสร้างบริการสตรีมมิงของตัวเองในรูปแบบเดียวกันกับเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนปี 2560 แต่มีการเปิดเผยรายละเอียดที่สำคัญน้อยมาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าดิสนีย์พร้อมแล้วจริงๆ สำหรับการให้บริการสตรีมมิงในชื่อ ‘ดิสนีย์พลัส’ (Disney+) ซึ่งจะเปิดตัวในสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 12 พฤศจิกายนปีนี้ ด้วยราคา 7 ดอลลาร์สหรัฐฯ […]Read More