มาถึงตอนนี้ แม้จะเป็นเรื่องที่แจ่มชัดแล้วว่า อันตรายของฝุ่น PM 2.5 นั้น รุนแรงและสร้างความเสียหายในระยะยาวให้กับสุขภาพร่างกายมากแค่ไหน แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลงหรือเป็นไปในทางที่ดีขึ้น และเราก็อาจจะต้องใช้ชีวิตอยู่คู่กับมันต่อไปอีกระยะเวลาใหญ่ๆ พร้อมการเตรียมตัวให้ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ และในตอนนี้ เราก็อยากจะมาเน้นย้ำถึงความหมาย อันตราย และวิธีป้องกัน ในการใช้ชีวิตที่ต้องอยู่คู่กับ PM 2.5 นี้กันอีกสักครั้ง อะไรคือ PM 2.5 เราได้ยินกันจนเคยชินมาแล้วกับคำว่า ‘ฝุ่น PM 2.5’ แต่ความหมายที่แท้จริงของมันคืออะไร? จากการนิยามตามมาตรฐานสากลนั้น ค่าฝุ่นละอองจะวัดขนาดด้วยหลักไมครอน (Micron) และ PM ก็ย่อมาจากคำว่า Particle Matters หรือขนาดฝุ่นละออง และตัวเลข 2.5 นั้น ถ้าให้เห็นภาพ ก็จะมีขนาดเท่ากับ 1 ใน 25 ของเส้นผ่านศูนย์กลางเส้นผม ซึ่งถือว่ามีขนาดที่เล็กมากๆ ดักจับได้ยาก และสามารถลอยร่วมกับทุกอณุภาคเข้าสู่ลมหายใจและกระแสเลือดได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถนำเอาสารพิษอื่นๆ รวมเข้ามาได้อีกด้วย สาเหตุของฝุ่น PM 2.5 ฝุ่น PM 2.5 สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะด้วยการเผาขยะ […]Read More
ขึ้นชื่อว่าประดิษฐกรรมเช่น ‘นาฬิกา’ แล้วนั้น แน่นอนว่านอกเหนือจากคุณประโยชน์ใช้สอยในด้านการบอกเวลา มันยังมีคุณค่าทางด้านแฟชั่นและมูลค่าในฐานะของสะสม นาฬิกาที่ผ่านการออกแบบมาเป็นอย่างดี พิถีพิถันเอาใจใส่ในทุกขั้นตอน ผ่านการประกอบสร้างอย่างมืออาชีพ ย่อมเป็นที่หมายปองและมีมูลค่าสูงขึ้นตามเวลาที่ผันผ่านไป เราจึงมักเห็นการแลกเปลี่ยนซื้อขายนาฬิกาเป็น ‘สินทรัพย์’ อย่างหนึ่ง ในฐานะของสะสมสำหรับผู้ที่มีกำลังซื้อ และความชื่นชอบประกอบกัน และในครั้งนี้ แบรนด์ Luminox ผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำระดับโลก ที่ได้รับความไว้วางใจมาอย่างยาวนาน ก็ได้ออกคอลเลคชันใหม่ที่ไม่ธรรมดา เพราะผสานความงดงามแห่งเรือนนาฬิกา เข้ากับความแข็งแกร่งแห่งชายชาติทหาร กับ Luminox Thai Navy Seal รุ่นที่ 2 ที่มีจำกัดเพียง 800 เรือนเท่านั้น โปรเจ็กต์นี้ เกิดขึ้นได้ จากความร่วมมือกันระหว่างแบรนด์ Luminox และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ หรือ SEAL ที่ได้เคยจับมือสร้างนาฬิกา Luminox รุ่น Thai Navy Seal รุ่นก่อนหน้านั้น และได้การตอบรับอย่างดีจากนักสะสม จึงก่อให้เกิดการผลิตรุ่นพิเศษเป็นครั้งที่สอง ที่สร้างสรรค์จากความศรัทธาใน จิตวิญญาณของหน่วยซีล โดยจะมีทั้งหมดแค่ 800 เรือนเท่านั้น พร้อมวางขายแล้ววันนี้ ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งของทุกเรือนที่จำหน่ายจะนำไปมอบให้กับมูลนิธินักทำลายใต้น้ำจู่โจม […]Read More
เรื่อง : Fullscape โลกเทคโนโลยียังคงเคลื่อนที่ไปอย่างไม่หยุดยั้ง เช่นเดียวกับคอลัมน์ Gadget ประจำฉบับนี้ ที่พร้อมจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งน่าสนใจในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 ให้คุณผู้อ่านได้รับทราบกันอีกเช่นเคย Skullcandy True Wireless Earbuds ผลิตภัณฑ์นี้อาจจะไม่ใช่นวัตกรรมอะไรที่แปลกหรือล้ำสมัย เพราะหูฟังแบบ Wireless Earbuds นั้น เป็นสิ่งที่ผู้คนเริ่มคุ้นเคยและหามาใช้ แต่ Skullcandy หนึ่งในผู้ผลิตอุปกรณ์ล้ำๆ สายอินเทรนด์ ผลิตหูฟังชนิดนี้ด้วยฟีเจอร์ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา นั่นคือการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายเผื่อในกรณีที่ผู้ใช้งานทำหล่นหาย ซึ่งเชื่อว่าเป็นปัญหาหลักๆ ของผู้ใช้งานเลยก็ว่าได้ สนนราคากลางๆ เพียง 60 ปอนด์ กับหูฟังสไตล์อินเทรนด์ที่มีฟีเจอร์อำนวยชีวิตแบบนี้ ก็ไม่นับว่าแพงแต่อย่างใด Cowboy 3 Electric Bike แม้ว่าการเดินทางด้วยจักรยานอาจยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนักในประเทศไทย แต่ก็มีผู้ใช้จำนวนมากที่หันมาสนใจวิธีเดินทางเพื่อสิ่งแวดล้อมนี้ และ Cowboy 3 Electric Bike ที่มากับโครงขนาด 16.9 กิโลกรัมก็มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ไม่ว่าการใช้ไฟฟ้าเป็นประจุพลังงานอันเป็นจุดเด่นหลัก การใช้โซ่แบบ Oil-Free Carbon Belt เพื่อสิ่งแวดล้อม […]Read More
ครั้งนี้ขอเอาใจคนรักนาฬิกาบรอนซ์กับข่าวการเปิดตัว Maurice Lacroix AIKON Venturer 43 mm เรือนเวลาแห่งตัวแทนของนักผจญภัย ความสปอร์ต แข็งแกร่งและล้ำสมัย สำหรับ AIKON Venturer ต้องถือว่าเป็นคอลเลกชันใหม่ที่สืบทอดสายเลือดมาจาก Calypso นาฬิกาตัวเรือนสตีลรุ่นดังของแบรนด์ในช่วงยุคปี 1990s แต่ได้ถูกนำมาพัฒนาและตีความรหัสงานออกแบบใหม่สู่รูปลักษณ์ของนาฬิกาสปอร์ตทันสมัย ซึ่งวันนี้ยังได้ต้อนรับเวอร์ชันใหม่สุดพิเศษของการสร้างสรรค์ตัวเรือนขึ้นจากบรอนซ์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของ AIKON Venturer อีกด้วย ความโดดเด่นที่บรรจุในตัวเรือนขนาด 43 มม. กับความพิเศษของโลหะผสมชนิดนี้ เมื่อสวมใส่ผ่านกาลเวลาไปนานวัน จะเกิด patina หรือคราบสีน้ำตาลซึ่งไม่ใช่สนิม แต่เป็นการสร้างซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใครให้กับนาฬิกาแต่ละเรือน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ผิวและเหงื่อของผู้สวมใส่แต่ละคน ซึ่งนอกจากความเด่นของตัวเรือนบรอนซ์แล้ว Maurice Lacroix ยังเลือกจับคู่สีมากับขอบตัวเรือนเซรามิกสีน้ำตาลและหน้าปัดขัดด้านแบบซันเรย์สีเขียวเข้ม เช่นเดียวกับสายยางสีเขียวเข้ม หรือเลือกใส่สลับกับสายหนังวัวสีน้ำตาลสไตล์วินเทจได้อย่างง่ายดาย ผ่านระบบ Easychange ที่พัฒนาและสร้างสรรค์ขึ้นโดย Maurice Lacroix ส่วนภายในติดตั้งด้วยกลไกอัตโนมัติ Calibre ML 115 ความพิเศษของรุ่นนี้ยังรวมถึงการผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 500 เรือนเท่านั้น #GMLive #GMStyle […]Read More
เมื่อ Prospex เฉลิมฉลองครบ 55 ปีของการสร้างสรรค์และความสำเร็จ งานนี้ Seiko จึงไม่พลาดที่จะเตรียมของขวัญสุดพิเศษให้กับเหล่าสาวกคนรักนาฬิกาสปอร์ตดำน้ำระดับตำนานนี้อย่างเต็มที่ เมื่อ Prospex เฉลิมฉลองครบ 55 ปีของการสร้างสรรค์และความสำเร็จ งานนี้ Seiko จึงไม่พลาดที่จะเตรียมของขวัญสุดพิเศษให้กับเหล่าสาวกคนรักนาฬิกาสปอร์ตดำน้ำระดับตำนานนี้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะหนึ่งในรุ่นที่น่าจับตามอง (และแน่นอนว่า น่าครอบครอง) มากที่สุดในเวลานี้ คงหนีไม่พ้น The 1968 Professional Diver’s 300m Re-creation ภายใต้รหัส SLA039J กับความลงตัวระหว่างตำนานและความทันสมัย เพราะนี่คือรุ่น ‘Re-creation’ ที่เป็นการถอดทุกรหัสของนาฬิการุ่นดั้งเดิมในปี 1968 ออกมาเป็นความทันสมัยใหม่ที่ยังคงกลิ่นอายความเท่และสปอร์ตคูลตามต้นตำรับของ Prospex และที่บอกว่าเป็นรุ่น ‘Re-creation’ นั้น นั่นเพราะรุ่นนี้มีที่มาของต้นแบบทั้งทางด้านดีไซน์และสมรรถนะมาจากนาฬิกาดำน้ำมืออาชีพรุ่นปี 1968 โดยนำมาปรับโฉมใหม่ในบางองค์ประกอบ เช่น หน้าปัดสีน้ำเงิน-เทาแบบไล่ระดับสี ซึ่งสะท้อนถึงความงามของทะเล และยังซ่อนไว้ด้วยเทคนิคที่ช่วยให้ดูเวลาใต้น้ำได้ชัดเจนและแม่นยำยิ่งขึ้น แม้ว่าคุณจะใส่นาฬิกาดำดิ่งลงไปใต้น้ำลึกมากๆ ซึ่งรุ่นนี้รับประกันการกันน้ำได้นานและได้ลึกถึงระดับ 300 เมตร ส่วนตัวเรือนยังพัฒนาสู่การผลิตจาก Ever-Brilliant Steel เอกสิทธิ์เฉพาะของ Seiko […]Read More
หลังจากมหกรรมการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน MateBook ทั้งสองรุ่น ถือว่าเป็นแล็ปท็อปที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่กำลังมองหาคอมพิวเตอร์แบบพกพาได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นรุ่นท็อปอย่าง MateBook X Pro หรือ รุ่นราคาเข้าถึงได้สำหรับคนรุ่นใหม่ MateBook D 14 มาดูกันว่าจุดเด่นอะไรบ้างที่สามารถทำให้แล็ปท็อปทั้งสองรุ่น กลายเป็นคำตอบของคนหลายๆ คน MateBook X Pro: สุดยอดประสบการณ์ไร้ขีดจำกัด MateBook X Pro เรียกได้ว่าเป็นนิยามของการรวมฟีเจอร์ของแล็ปท็อปในอุดมคติที่ทุกคนต้องการ เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ที่เหนือกว่าทั้งการทำงาน และความบันเทิงเต็มรูปแบบ ขั้นสุดของดีไซน์สุดหรูหราซ่อนสุดยอดเทคโนโลยีเต็มรูปแบบ MateBook X Pro มาพร้อมหน้าจอ FullView Display ระบบสัมผัส ขอบจอบางเฉียบ มีสัดส่วนหน้าจอกว้างถึง 91% ของตัวเครื่อง ให้ประสบการณ์ภาพเต็มรูปแบบ สัดส่วน 3:2คุณภาพความละเอียดแบบ 3k high resolution (3000 x 2000) ท้าทายขีดจำกัดของเทคโนโลยีภาพบนแล็ปท็อป ให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ชัดที่สุด เต็มตาที่สุด และได้ภาพสมจริงที่สุด หน้าจอเป็นระบบสัมผัสแบบ Spectacular Touch-screen ให้เข้าถึงการใช้งานได้อย่างลื่นไหล อีกทั้งยกระดับความบันเทิงด้วย […]Read More
หนุ่มๆ ผู้นิยมและคลั่งไคล้นาฬิกาแนวมิลิแทรีหรือแนวทหารนั้นคงพอทราบดีถึงความเชื่อมโยงระหว่างนาฬิกาและกองทัพ ซึ่งเรียกได้ว่าเกิดมาเคียงคู่ในการทำหน้าที่รับใช้ “เวลา” และ “ชาติ” เหมือนกัน ขอยกตัวอย่างหนึ่งของแบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์การผลิตนาฬิกาเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงมากับกองทัพและสงคราม อย่าง ลองจินส์ (Longines) ก็แล้วกัน โดยเฉพาะตำนานการสร้างสรรค์นาฬิกาที่อยู่ในช่วงคาบเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งวันนี้ แบรนด์ยังได้นำตำนานเหล่านั้นกลับมาปัดฝุ่นเพื่อผลิตทายาทนาฬิการุ่นใหม่สไตล์วินเทจมิลิแทรีได้อย่างน่าชมไม่น้อย ว่ากันตามจริงแล้วลองจินส์มีความเชี่ยวชาญในการผลิตนาฬิกามาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1832 จึงกล่าวได้ว่ามีนาฬิกาของแบรนด์ออกสู่ตลาดมากมายหลายรุ่น โดยแต่ละรุ่นล้วนมีเอกลักษณ์และรายละเอียดเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความคิด ความนิยม ตลอดจนนวัตกรรมของนาฬิกาในแต่ละช่วงสมัยได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับนาฬิกาที่ผลิตขึ้นในปี 1938 หรือ 1 ปีก่อนที่ประเทศเยอรมนีตัดสินใจบุกประเทศโปแลนด์ ซึ่งกลายมาเป็นชนวนสงครามโลกครั้งที่ 2 และก่อให้เกิดความขัดแย้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก แม้ว่านาฬิกาจะได้รับการออกแบบและผลิตออกมาก่อนสงครามจะปะทุขึ้น แต่รูปแบบและสมรรถนะของสไตล์นาฬิกาแห่งกองทัพนี้ยังมีอิทธิพลมาจนถึงช่วงเวลาดังกล่าว เห็นได้ชัดจากการบรรจุด้วยตัวเลขอารบิกขนาดใหญ่ ไปจนถึงการเคลือบฝังด้วยสารเรืองแสงเพื่อช่วยในการดูเวลาในสภาพแสงไม่เอื้ออำนวยได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งหน้าปัดย่อยบอกวินาทีที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา รวมถึงหน้าปัดสีดำ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการออกแบบเพื่อช่วยให้ทหารสามารถสวมใส่ ใช้งาน และอำพรางตัวได้ง่าย ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของนาฬิกากองทัพแทบทั้งสิ้น จากนาฬิการุ่นตำนานในปี 1938 ลองจินส์ ได้ปลุกความเป็นนาฬิกากองทัพนี้ขึ้นมาใหม่ในผลงานรุ่นปัจจุบัน อย่าง The Longines Heritage Military 1938 ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่นมรดกปี 1938 […]Read More
ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์สายลับ James Bond 007และนับเป็นก้าวแรกสำคัญของแบรนด์ ในฐานะพันธมิตรที่จะร่วมเดินทางไปกับเหล่าสายลับรหัส ’00’ นับจากนี้ สำหรับนาฬิกา Swatch โดยนาฬิการุ่นแรกและเรือนแรกที่จะได้โลดแล่นในภาพยนตร์ James Bond 007 ภาคล่าสุดของปี 2020 เรื่อง No Time To Die นี้ก็คือ Q Watch นาฬิการุ่นพิเศษผลิตจำนวนจำกัดเพียง 7,007 เรือนทั่วโลก ในฐานะนาฬิกาคู่กายของสายลับQ ยอดนักประดิษฐ์อุปกรณ์อัจฉริยะสำหรับใช้ในภารกิจสุดท้าทายของเหล่าสายลับรหัส ’00’ แห่ง MI6 Quartermaster โดยสะท้อนตัวตนผ่านรูปลักษณ์ของนาฬิกา ไปจนถึงกลไกการทำงานที่ถ่ายทอดถึงความอัจฉริยะของสายลับคิว ประกอบด้วยงานออกแบบตัวเรือนซึ่งได้รับความร่วมมือจาก สุทธิรัตน์ แอน ลาลาภ (Suttirat Anne Larlarb) นักออกแบบคอสตูมและโปรดักชันดีไซน์เนอร์ชาวอเมริกันเชื้อสายไทย ซึ่งเป็นผู้ออกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย ในนาฬิการุ่นนี้สัมผัสได้ถึงตัวตนของสายลับ Q ที่มีคาแรกเตอร์ผสมผสานระหว่างความมีต้นแบบเรียบคลาสสิกกับความล้ำสมัยของนวัตกรรม โดยถ่ายทอดผ่านรุ่นยอดนิยม Swatch SKIN Irony 42 กับตัวเรือนบางเฉียบตามแบบฉบับของ SKIN พร้อมทั้งหน้าปัดแบบเปลือยให้เห็นถึงความซับซ้อนของกลไก ขณะที่กรอบหน้าปัดสีเงินตัดด้วยขอบสีแดง และรับมากับสายหนังสีน้ำตาลคาดลายตารางสุดคลาสสิกให้กลิ่นอายของความเป็นอังกฤษขนานแท้ นอกจากนี้ ยังมีความพิเศษของการส่งมอบมาพร้อมกับกล่องบรรจุที่ออกแบบคล้ายกระเป๋าแลปทอปฉบับสายลับ ซึ่งประทับด้วยตัวอักษร Q ลงบนหน้ากล่อง […]Read More
ไอเท็มคู่กายระหว่างกางเกงยีนส์กับนาฬิกา หนุ่มๆ จะเลือกอะไร … เลือกยากใช่ไหมครับ แต่วันนี้คุณไม่ต้องเลือกแล้ว เพราะของสองสิ่งนี้ได้ถูกรวมไว้เป็นหนึ่งเดียวกันในนาฬิการุ่นพิเศษ Oris x Momotaro Momotaro Jeans เป็นบริษัทผลิตยีนส์อิสระชั้นนำของญี่ปุ่น ด้วยชื่อเสียงกับความคิดนอกกรอบ พร้อมทั้งการันตีด้วยคุณภาพที่ดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นเลือกผ้าคัตตอนที่ดีที่สุด ไปจนถึงการย้อมสีครามเข้มเพื่อให้เกิดการเฟดของสีที่ดีที่สุดอันเป็นเอกลักษณ์และเป็นวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของ Mr. Hisao Manabe ผู้ก่อตั้ง ซึ่งตั้งชื่อบริษัทของเขาว่า Momotaro ตามชื่อของวีรบุรุษจากตำนานพื้นบ้านญี่ปุ่นชื่อดัง และล่าสุดบริษัทนี้ก็ได้ฉีกออกนอกกรอบอีกครั้ง ด้วยการจับมือร่วมกับแบรนด์นาฬิกาสวิสอย่าง Oris เพื่อสร้างสรรค์นาฬิการุ่นพิเศษขึ้นในOris x Momotaro ที่นับเป็นการ collaboration กันครั้งแรกของทั้งคู่ โดยพวกเขาได้เลือกหยิบเอาสไตล์และความโดดเด่นของนาฬิการุ่นต้นตำรับของ Oris อย่าง Divers Sixty-Fiveมาแต่งตัวใหม่ในเวอร์ชั่นสตีลและบรอนซ์ของตัวเรือนขนาด 40 มม. และที่สำคัญคือการจับคู่มาด้วยสายผ้ายีนส์ Momotaro สีคราม และแถบสีขาว 2 แถบที่เรียกว่า ‘battle stripes’ สไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ชื่อดังอย่างหนึ่งของยีนส์ Momotaro ขณะที่ Oris เองก็ได้ใส่จิตวิญญาณแห่งการเป็นนักประดิษฐ์สร้างสรรค์นาฬิกาสวิสอิสระเข้าไปในผลงานนี้อย่างคับเรือน ไม่ว่าจะเป็น งานฝีมือการตกแต่งอันประณีตสวยงาม และบรรจุด้วยคุณภาพแห่งวัสดุ […]Read More
อูร์แวร์ก (URWERK) เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ของคอลเลกชัน UR-100 ในเวอร์ชันตัวเรือนทองเยลโลโกลด์เป็นครั้งแรก ถ่ายทอดแรงบันดาลใจที่ได้มาจากกาแลกซี แสง เวลา และอวกาศ ไปจนถึง C-3PO หุ่นดรอยด์จากภาพยนตร์ Star Wars มาสู่เครื่องบอกเวลาจักรกลบนข้อมือของนาฬิการุ่น UR-100 Gold Edition โดย UR-100 Gold Edition ผลิตจำนวนจำกัด 25 เรือนนี้ถือเป็นผลงานรุ่นที่ 4 ของมหากาพย์นาฬิกาสไตล์อวกาศอย่าง UR-100 ซึ่งยังคงคอนเซปต์ของการแสดงออกถึงการผจญภัยและการสร้างสรรค์อุปกรณ์บอกเวลาที่เขียน ผลิต และควบคุมโดยสตูดิโอเครื่องบอกเวลาแห่ง URWERK ผลงานนี้จึงโดดเด่นทั้งเรื่องราวของเทคโนโลยี งานออกแบบ การแสดง และฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ แถมยังนับเป็นนาฬิกาโครงสร้างแบบ 3 มิติที่มีความบางพิเศษ จากการออกแบบองค์ประกอบและชิ้นส่วนสุดอัจฉริยะ ขณะที่จุดเด่นของตัวเรือนซึ่งทำจากทองเยลโลโกลด์ 18K 2N เป็นการตัดจากบล็อกของทองอย่างแม่นยำ พร้อมทั้งการขัดตกแต่งพื้นผิวแบบซาตินและการขัดเงา ส่วนด้านบนของตัวเรือนติดตั้งด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์รูปทรงแบบฟองอากาศที่ชวนให้นึกถึงรูปทรงของนาฬิการุ่นแรกๆ ของ URWERK กับทรงโดมของยานที่ภายในเป็นฐานควบคุมการเดินทางแห่งจักรวาล ในแง่ของฟังก์ชันยังคงเป็นการแสดงชั่วโมงและนาทีแบบ satellite และแสดงการเดินทางโคจรของโลกและดวงอาทิตย์ ตัวแทนของเวลาแห่งอวกาศ นาฬิกาแนวไซไฟด้วยตัวเรือนทองรุ่นแรกนี้ยังเตรียมเปิดตัวรุ่นพิเศษ UR-100 […]Read More