เรื่อง : โตมร ศุขปรีชา
ถ้าเด็กคนหนึ่งที่ไม่รู้แม้กระทั่งชื่ออะไรตายอย่างปริศนา สังคมจะให้ค่าเขาขนาดไหน ?
‘อดัม’ คือชื่อที่ถูกตั้งขึ้นให้กับ ‘ร่าง’ ของเด็กชายผิวดำคนหนึ่งที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาคือใคร ร่างของเขาถูกพบในแม่น้ำเธมส์ในวันที่ 21 กันยายน 2001
เรื่องของอดัมเป็นเรื่องเศร้า
เขาเป็นเพียงเด็กชายตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่อาจมีอายุเพียงหกขวบเท่านั้น… ตอนที่เขาเสียชีวิต
วันนั้น ใครคนหนึ่งยืนอยู่ริมแม่น้ำเธมส์ ระหว่างทาวเวอร์ออฟลอนดอนและทาวเวอร์บริดจ์ แล้วเขาก็เห็นวัตถุสีส้มอย่างหนึ่งลอยอยู่ในน้ำ
ใช่แล้ว, นั่นคืออดัม!
ร่างของเขามีแต่ร่าง-คือมีแต่ลำตัว ไม่มีแขน ไม่มีขา และไม่มีศีรษะ!
ประมาณว่า อดัมน่าจะเป็นเด็กที่มีอายุระหว่างสี่ถึงหกขวบ ตำรวจเชื่อว่า การสังหารอดัม น่าจะเกี่ยวพันกับลัทธิลึกลับบางอย่างที่มีการเซ่นสังเวยมนุษย์ ทว่าแม้จะชันสูตรพลิกศพมากมายเพียงใด ตำรวจก็ไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าใครคือฆาตกร
วันที่พบร่างของอดัมเป็นวันศุกร์ สีส้มที่โดดเด่นสะดุดตานั้น เป็นกางเกงขาสั้นที่ยังติดค้างอยู่บนร่างของเขา ตำรวจเร่งรุดไปยังที่เกิดเหตุ และกู้ศพของเขาขึ้นมาได้ แต่ก็ต้องช็อกกับภาพที่เห็น เพราะมันคือความโหดร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ อดัมเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง เหตุใดเขาจึงต้องถูกกระทำอย่างเหี้ยมโหดถึงขนาดนั้นด้วย
ตำรวจคิดว่าการตายของอดัมไม่น่าจะเป็นการข่มขืนเด็กแล้วฆ่า หรือเป็นการฆ่าเพื่อเซ่นสังเวยความเชื่อทางลัทธิศาสนา แต่น่าจะเป็นการสังหารแบบที่เรียกว่า Medicine Murder ซึ่งคือการตัดอวัยวะบางส่วนในร่างกายออกไปปรุงยาทำพิธีบางอย่างมากกว่า
Medicine Murder นั้น มีการบันทึกเอาไว้ว่าเกิดขึ้นในประเทศทางแอฟริกาใต้ ไม่ว่าจะเป็นเลโซโธ สวาซิแลนด์ หรือประเทศแอฟริกาใต้เอง แต่ก็ไม่มีใครยืนยันได้ว่า อดัมถูกสังหารเพราะ Medicine Murder จริงหรือเปล่า และที่รู้ว่าเขาเป็นเด็กผู้ชายตั้งแต่แรกเห็น ก็เพราะฆาตกรไม่ได้ตัดอวัยวะเพศของเขาออก
คุณคิดว่าการตายของอดัมนั้นเป็นเรื่องไร้ค่าไหม?
เขาเป็นเพียงเด็กชายผิวดำคนหนึ่ง ที่แม้จะหายตัวไปก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรต่อโลก และในบางประเทศ ความตายของคนตัวเล็กๆ แบบนี้ ย่อมไม่ควรค่าพอที่รัฐจะเจียดงบประมาณมาสืบสวนสอบสวน
แต่ไม่ใช่ที่อังกฤษ
ตำรวจลอนดอนทำทุกวิถีทางเพื่อคืนความยุติธรรมให้กับอดัม พวกเขาส่งร่างที่ยังเหลืออยู่ของอดัมไปชันสูตรอย่างละเอียด มีการดูว่า อาหารที่อดัมกินคืออะไร ดูว่าปริมาณอาหารแบบอังกฤษที่อดัมกินมีมากแค่ไหน ดูว่าปอดของอดัมมีเกสรดอกไม้อะไรบ้าง
แล้วผลการชันสูตรก็ระบุว่า อดัมเพิ่งจะเดินทางมาถึงอังกฤษได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น ที่สำคัญ มีการค้นพบยาชนิดหนึ่งในกระเพาะ ซึ่งมีส่วนผสมที่ใช้กันในการทำพิธีไสยเวทของแอฟริกาตะวันตกด้วย
นั่นทำให้ตำรวจต้องสืบสวนต่อไป โดยการวิเคราะห์กระดูกของอดัมเพื่อดูว่า, ถ้าเขาเพิ่งมาถึงอังกฤษได้ไม่กี่วันแล้วละก็ ที่จริงแล้วเขามาจากไหน
ทุกสิ่งที่คนเรากินเข้าไปนั้น จะสามารถตรวจวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างกระดูกกับร่องรอยของดินที่ใช้ในการปลูกพืชผักนั้นๆ ได้ มีการตรวจสอบเทียบกับตัวอย่างดินจากทั่วโลกเพื่อดูว่าอดัมมาจากไหน
แล้วตำรวจก็พบว่า อดัมมาจากไนจีเรีย
เมื่อรู้เช่นนั้น ตำรวจลอนดอนก็เดินทางไปไนจีเรียเพื่อพยายามตามหาพ่อแม่ของอดัม ทว่าแม้จะตระเวนไปตามโรงเรียนประถมมากมายเพื่อหาเด็กหายในแถบถิ่นนั้น ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
ในปีรุ่งขึ้น ตำรวจได้ร่องรอยเบาะแสจากผู้หญิงไนจีเรียคนหนึ่งที่เพิ่งเดินทางจากเยอรมนีมายังอังกฤษ เธออ้างว่าหนีมาจากพิธีกรรมทางศาสนาบางอย่างที่จะมีการฆ่าลูกชายของเธอเพื่อนำอวัยวะบางส่วนไปทำพิธีเธอบอกด้วยว่า เธอรู้ว่าอดัมนั้นถูกพ่อแม่ของตัวเองฆ่าในกรุงลอนดอน ตำรวจไปตรวจห้องพักของเธอ และพบกางเกงขาสั้นสีส้มแบบเดียวกับของอดัม แต่กระนั้นก็ไม่พบเบาะแสร่องรอยอะไรอื่นที่จะนำไปสู่ฆาตกรได้ ตำรวจจึงต้องสะกดรอยตามเธอ และนำไปสู่ชาวไนจีเรียอีกคนหนึ่ง ซึ่งมีชื่อว่า คิงสลีย์ โอโจ
เมื่อค้นบ้านของโอโจ ตำรวจพบอุปกรณ์ประกอบพิธีหลายอย่าง มีการนำทุกสิ่งมาตรวจดีเอ็นเอ แต่ปรากฏว่าไม่มีของชิ้นใดเลยที่แมตช์กับดีเอ็นเอของอดัม โอโจจึงถูกตั้งข้อหาแค่ค้ามนุษย์ และต้องติดคุกอยู่นานสี่ปีเท่านั้น
หลังจากนั้น คดีนี้ก็ทำท่าว่าจะสิ้นหวัง เพราะไม่มีหลักฐานอะไรอื่นเลย ไม่มีหลักฐานเรื่องฟัน ไม่พบศีรษะ ไม่พบชิ้นส่วนอวัยวะอื่น และตำรวจก็เชื่อว่า หากไม่มีผู้พบร่างของอดัม ก็เป็นไปได้ว่าเขาจะสาบสูญไปตลอดกาล เพราะอีกเพียงสองคุ้งน้ำ ร่างของเขาก็จะลอยหายออกไปในทะเลเหนือแล้ว
ผ่านมาอีกสิบปี ปรากฏว่ามีทีมงานรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งขุดคดีของอดัมขึ้นมาใหม่ คราวนี้ตามรอยย้อนกลับไปถึงผู้หญิงที่เคยดูแลอดัมในเยอรมนี เบาะแสบอกว่า พ่อแม่ของอดัมนั้นถูกเนรเทศกลับประเทศไป ผู้หญิงคนนี้ที่มีชื่อว่า จอยซ์ โอเซียชีด เลยต้องเป็นคนดูแลอดัม เธอบอกว่าอดัมนั้น แท้จริงชื่อ แพททริค เออร์ฮาบอร์ เธอเป็นคนให้ตัวอดัมกับผู้ชายชื่อบาวา บาวาเป็นคนพาอดัมไปลอนดอน และเพิ่งมาเปิดเผยอีกรอบในตอนหลังว่า บาวาก็คือโอโจนั่นเอง
แต่กระนั้นคำให้การของโอเซียชีดก็เชื่อถือไม่ได้นัก เพราะต่อมาเธอก็กลับคำให้การอีก บอกว่าอดัมไม่ใช่เด็กคนที่เธอคิด แถมโอเซียชีดยังมีอาการป่วยทางจิต ยังต้องรับการรักษาตัวด้วย สรุปก็คือ ตำรวจยังไม่สามารถแน่ใจได้อยู่ดี ว่าอดัมคือใคร
หากคุณมีโอกาสไปยืนอยู่ริมแม่น้ำเธมส์ในกรุงลอนดอน บางทีคุณอาจรำลึกถึงอดัม กับฆาตกรรมอันโหดเหี้ยมนี้ขึ้นมาบ้าง
แม้เราอาจไม่มีวันรู้ว่าอดัมคือใครก็ตาม!