fbpx

Sandwich Generations : กลางเก่ากลางใหม่

เรื่อง : แคทลียา ท้วมประถม

“นี่มันอะไรกันเนี่ย!” ฉันพูดด้วยความตกใจ หลังจากเห็นมะนาวกับโซดาเต็มตู้เย็น
“แม่อ่านในไลน์ เพื่อนส่งมา ให้กินมะนาวกับน้ำโซดาตอนเช้า จะทำให้ท้องไส้ดีทั้งวัน”
“แล้วแม่เชื่อเนี่ยนะ!”

ตอนแรกฉันเคยรู้สึกแปลกใจ ว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงเชื่ออะไรที่เห็นจากในไลน์ง่ายนัก แต่พอลองนึกถึงเหตุผลว่าแต่ก่อน ‘คนรุ่นเก่า’ จะรับสารได้เฉพาะทางโทรทัศน์หรือทางหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นสื่อที่ได้รับการคัดกรองมาแล้ว ทำให้เข้าใจได้ว่า ‘คนรุ่นเก่า’ จะคิดว่าสิ่งที่เห็นหรือส่งต่อๆ กันมาทางไลน์ เป็นสิ่งที่เชื่อถือได้

มากกว่าความเชื่อ คือความพยายามที่แม่และป้าจะ ‘ส่ง’ ข่าวสารมากมายให้พวกเราในกรุ๊ปส่วนตัว แม้จะพร่ำบอกว่า อยากให้ในกรุ๊ปนั้นมีแต่เรื่องงานหรือเรื่องจำเป็น แต่ความพยายามของพวกเราไม่เคยเป็นผล

ฉันเชื่ออยู่ลึกๆ นะว่าสิ่งที่แม่และป้าส่งมา คือการแสดงความรัก ความหวังดีแก่ลูกหลาน ถ้าเขาไม่รัก เขาจะอยากให้เราได้ข้อมูลที่เขา ‘เชื่อ’ ว่าดีหรือ ตัดภาพกลับมาที่ Twitter ซึ่งหากเราดูในช่อง Trends หรือ Hashtag ที่คนพูดถึงกันในแต่ละวัน จะเหมือนถูกดูดเข้าไปในหลุมดำ (เพราะเสียเวลาเยอะมากกับการไถอ่านอย่างไม่รู้จบ) การเข้าไปใน Platform อย่าง Twitter ที่ ‘เด็กรุ่นใหม่’ ใช้เป็นหลุมหลบภัยจากผู้ใหญ่ ใช้ภาพ Avatar ในการแสดงความคิดเห็น (ซึ่งบางทีรุนแรงจนฉันต้องเอามือทาบอก แล้วตะโกนว่า คุณพระ! เพราะเป็นสิ่งที่ฉันไม่กล้าเขียนออกมาให้โลกภายนอกเห็นแน่ๆ)

ทำให้เราเห็นความพยายามในการขุดคุ้ย หาเหตุผล หาข้อมูล ก่อนที่จะเชื่อในสิ่งต่างๆ ของ ‘เด็กรุ่นใหม่’ รวมทั้งถ้อยคำตรงๆ หรือการ Retweet ที่แสดงถึงความเป็นตัวตนสุดๆ ของตัวเอง อย่างที่คนรุ่นฉันอาจไม่กล้าแม้แต่จะทำ แต่สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจเสียมากกว่า Twitter คือ TikTok แอปพลิเคชันมหาฮิตของเด็กรุ่นใหม่ ซึ่งเอาจริงๆ ก็เพลินดี ดูเอาสนุกกับความ Creative และการ Screaming Out Loud ให้หันมาสนใจฉันสิจ๊ะโลกมนุษย์ของคนเล่น

หลังจากที่เซ็งข้อมูลเรื่อง มะนาวกับโซดา ที่ทำให้ท้องขับถ่ายของแม่ในไลน์ และเหนื่อยกับการไถ Hashtag เด่นประจำวันใน Twitter และ TikTok ฉันก็กลับมานั่งเล่น Facebook บ้านอันอบอุ่นคุ้นเคยของคนรุ่นฉัน

เอาจริงๆ ฉันได้อะไรจาก Facebook เยอะนะ (แหม! พอเป็น Platform ดีเด่นของคนรุ่นตัวเอง ก็ยกยอเชียว) เพราะถ้าเราแวดล้อมไปด้วยคนน่ารักๆ เก่งๆ ที่มีอะไรดีๆ อยู่ในตัวเยอะ แค่ได้เห็น Status เจ๋งๆ ความขยันของพวกเขาว่าชีวิตเขาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ก็เป็นแรงบันดาลใจให้ฉันขยันขึ้นเยอะมากเลยนะ

จะมีเซ็งๆ บ้างก็ตอนที่เห็นแม่ๆ สวยๆ ที่มีเวลาทำเล็บ และนั่งเม้าธ์มอยใน Starbucks หลังส่งลูกไปเรียนโรงเรียนนานาชาติเสร็จ หรือเพื่อนๆ ที่ได้ไปสกีที่นั่นที่นู่นตลอดเวลา ก็ฉันเป็นแม่ทำงานเต็มตัว ที่บางทีก็นั่งร้องไห้กับตัวเอง เพราะรู้สึกทำหน้าที่ทั้งการเป็นแม่และเป็นนายที่ยังไม่เจ๋งเท่าไรเลย (ฮือๆ)

ฉันว่า การที่เราเป็นคน ‘กลางเก่ากลางใหม่’ เป็น Sandwich Generations ที่ต้องดูแลทั้งพ่อแม่ที่ยังเชื่อทุกอย่างใน Line และเปิด Nation Channel ค้างไว้ทั้งวัน และมีลูกในวัยที่มี ‘สื่อ’ เข้ามาดึงความสนใจและพยายามดึงเงินในกระเป๋าตลอดเวลา เป็นเรื่องที่ท้าทายดีนะ

เอาจริงๆ ฉันคิดว่า เด็กรุ่นใหม่น่ะ ไม่ต้องไปห่วงเขาหรอก เขามีภูมิคุ้มกันที่ดีพอ ที่จะแยกแยะและเข้าใจโลกเบี้ยวๆ ที่หมุนเร็วๆ ใบนี้ได้ พ่อแม่พวกเรา ถ้าเขามีทรัพย์สมบัติที่ยังพอเก็บได้ ยังมีลูกๆ อย่างพวกเราที่คอยดูโทรศัพท์ที่ใช้ไม่ได้ให้ ก็น่าจะโอเค

ฉันว่าวัยกลางเก่ากลางใหม่อย่างพวกเรานี่แหละน่าเป็นห่วงที่สุด ถ้าเรายังปรับตัวไม่ทัน ยังหลงในโลกหมุนช้าๆ ที่พวกเรายังชินตอนเด็กๆ อยู่

แต่ก่อน ธุรกิจไม่ต้องปรับตัวเร็วมากนัก มี Winning Products 1 ตัว อาจจะสบายไปทั้งชาติ (ลองนึกถึงแบรนด์ซีอิ๊วขาว ที่พวกเราเห็นตั้งแต่เด็กๆ และยังอยู่จนถึงปัจจุบัน) โลกดิจิทัลที่ทำให้ Product Life Cycles สั้นยิ่งกว่าอะไรดี และมี Platform ใหม่ๆ มาให้เราศึกษาเรียนรู้อยู่เสมอ ถ้าเราปรับตัวไม่ทัน ยังรักที่อยู่ในโลกอันอบอุ่นเดิมๆ ที่คุ้นเคย ไม่พยายามเข้าใจ Platform ใหม่ๆ วิธีการทำงานใหม่ๆ วิธีการเข้าถึงผู้คนแบบใหม่ๆ เอาแต่โทษคนอื่น เวลาที่ยอดตกเอาๆ เราก็อาจจะถูกทิ้งไว้กลางทาง ให้เหลือเพียงแต่ชื่อว่าเป็นอดีต ‘คนเคยประสบความสำเร็จ’ ก็เป็นได้

ในปี 2020 นี้ เวลาที่ใครบอกว่า จะเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง โดยใช้ช่องทาง Online โดยมีความรู้เรื่องของการทำธุรกิจ Digital ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตลาด ช่องทางสินค้าเพียงเล็กน้อย ฉันมักจะพูดสั้นๆ ง่ายๆ ว่า “มันช้าไปแล้วพี่” เพราะขนาดคนที่ทำเก่งๆ อยู่มานาน มีฐานลูกค้า ยังรู้สึกว่ามันไม่ง่าย แล้วถ้าจะเริ่มเลยจาก 0 ในเวลานี้ คงยากมากๆ

ทำ Online ก็ยาก ทำ Offline ก็ค่าใช้จ่ายสูง ทางออกเดียวที่พอจะไปได้ คือหาตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ที่แข็งแรง และทำการสื่อสารการตลาดให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด อย่าหว่านแห แล้วถ้าเราอยากที่จะอยู่รอดในโลกเบี้ยวๆ หมุนเร็วเกินไปแบบนี้อย่างยั่งยืน เราต้องทำอย่างไรเล่า? ในความคิดเห็นของฉัน วิธีง่ายๆ ของคน ‘อยู่เป็น’ ในยุค Digital Transformations นี้ คือการเอาตัวไปอยู่ใกล้ๆ แหล่งความรู้ใหม่ๆ และเด็กรุ่นใหม่อยู่เสมอ

ฉันชอบ Recruit เด็กจบใหม่ ห้าวๆ ที่สามารถสอนอะไรฉันได้หลายอย่าง คำบางคำที่คนวัย 40 อย่างฉันไม่รู้จัก App บาง App หรือวิธีการมองโลกที่ยังสดใสและ Challenge อยู่ทำให้คน ‘กลางเก่ากลางใหม่’ อย่างฉันต้องกระฉับกระเฉง ต้องตื่นตัวและสนุกกับการเรียนรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ

ให้คำว่า ‘สอนพี่หน่อยสิ’ เป็นคำติดปากให้ได้ ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ต้องการนายที่ไม่แก่ ที่ยังซิ่ง ที่ฟังพวกเขา สร้างที่ทำงานที่ทำให้พวกเขาได้แสดงศักยภาพอยู่เสมอ ที่ทำงานเท่ๆ ที่พวกเขาสามารถอวดเพื่อนได้ และที่ที่พวกเขาได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา

นอกจากการไปอยู่ใกล้ๆ แหล่งความรู้ใหม่ๆ คนรุ่นใหม่ๆ แล้ว ภายในของเราก็ต้องปรับตัว เปิดรับ เรียนรู้อยู่เสมอ นอกจากเพลงยุค 90’s และการมี Facebook ที่เป็นบ้านที่เราอุ่นใจแล้ว อย่าให้เขารู้ว่าเราแก่เชียวนะ พยายาม Put Yourself in Their Shoes ไปสยาม ไปนั่งในที่ที่พวกเขาสิงอยู่ เล่น App ที่เขาเล่น ฟังว่าเขาพูดคุยอะไรกัน (แม้ว่าเราจะขัดใจกับการใช้มึงกูของพวกเขาก็ตาม) ทำให้การเรียนรู้อะไรใหม่ๆ คือธรรมชาติของเรา

โลก Digital คือโลกของการกระเหี้ยนกระหือรือที่จะนำอะไรใหม่ๆ มาเป็นทางเลือกของลูกค้าอยู่เสมอ ถ้าเราในฐานะผู้นำที่อยู่หัวขบวน ปิดกั้นการเรียนรู้ การให้โอกาสที่จะนำสิ่งใหม่ๆ มาให้องค์กร เราจะไม่สามารถทำให้องค์กรของเราอยู่รอด

อย่าว่าแต่นำหน้าคู่แข่งเลย แม้โลก Digital Trans-formations จะหมุนเร็วขนาดไหน แต่ฉันก็ยังดีใจอยู่นิดหน่อย ที่คนกลางเก่ากลางใหม่อย่างฉันยังมี Generations Traits ที่ดีๆ อยู่ไม่น้อย อย่างน้อย ฉันยังนึกถึงตอนที่ตัวเองอ่านหนังสือ Entrance อย่างบ้าคลั่ง เพราะคิดว่าความขยันจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ไปสู่เป้าหมายได้ (ตั้งใจเสียจนพอ Entrance เสร็จแล้วคิดในใจว่า ถ้าฉันทำขนาดนี้แล้วไม่ได้ คนที่ได้นี่ต้องทำขนาดไหนวะ)

เอาน่ะ ถึงแม้อาจจะวิ่งช้า และต้องพยายามเข้าใจโลกหมุนเร็วใบนี้ อย่างน้อย พวกเราก็มีความขยัน อดทน ไม่ยอมแพ้ ที่น่าจะทำให้พวกเราไม่อดตายง่ายๆ ในเร็ววันนี้แน่นอน หลังจากที่ลองกินมะนาวกับโซดา อย่างที่แม่คะยั้นคะยอ แล้วฟังแม่สารภาพขำๆ ว่า แม่ก็รู้สึกปวดท้องเหมือนกัน

รวมถึงการลองเล่น TikTok ตามที่ลูกน้องท้าให้เล่นก็ทำให้เรารู้ว่า อย่างน้อยการที่มองโลกอย่างเข้าใจ ไม่มีอคติ และลองเปิดรับอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ ก็สามารถที่จะทำให้คน ‘กลางเก่ากลางใหม่’ อย่างพวกเรา ตามโลก Digital ทัน และมากไปกว่านั้น ยังตามความเป็นมนุษย์ทันได้อย่างสง่างามอีกด้วย

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ