‘Casino ถูกกฏหมาย กับผลกระทบทางสังคมที่ไม่ควรมองข้าม’
เมื่อพูดกันถึงอาคาร สถานที่ หรือโครงสร้างที่ประกอบสร้างกันขึ้นมาเป็น ‘เมือง’ แล้วนั้น แน่นอนว่า ทุกพื้นที่ ย่อมมีจุดประสงค์ และผลสะท้อนสืบเนื่องที่จะเกิดขึ้นหลังการตั้งวางและปรากฏขึ้นของสถานที่ดังกล่าว อย่างมีนัยสำคัญ เพราะแน่นอนว่า สถานที่ จะไม่สามารถดำเนินฟังก์ชันของมันได้ หากปราศจากการปฏิสัมพันธ์ของ ‘ผู้คน’ ที่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่นั้นๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก ในการที่จะมีโครงการใดๆ เกิดขึ้นในพื้นที่ ที่จะต้องพิจารณาผลได้ผลเสียที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบด้าน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อสถานที่ดังกล่าว คือ ‘แหล่งอโคจร’ อย่างเช่น ‘บ่อนการพนันถูกกฏหมาย’…..
ดูจะเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาถกอย่างเผ็ดร้อนในช่วงเวลาขณะนี้ ที่การเดินหน้าโครงการ ‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’ หรือ ‘บ่อนการพนันถูกกฏหมาย’ แห่งแรกของประเทศไทย กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น มีการสอดรับขับขานของทั้งเสียงผู้ที่เห็นด้วย และเสียงคัดค้านจากผู้มองว่าสิ่งนี้ไม่สมควร แต่ก็เชื่อได้อย่างมั่นคงได้ว่า รัฐบาลชุดปัจจุบัน น่าจะพยายามที่จะ ‘ผลักดัน’ ให้โครงการดังกล่าวไปจนถึงจุดแล้วเสร็จ
แน่นอนว่า เหตุผลของผู้ที่เห็นพ้องสอดคล้องนั้นมองว่า การมีอยู่ของบ่อนการพนันถูกกฎหมาย จะสามารถยกระดับการท่องเที่ยว กระตุ้นเม็ดเงินจากอุตสาหกรรมดังกล่าว และสามารถจัดการ ‘ธุรกิจพนันผิดกฏหมาย’ ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของภาครัฐ ที่จะสามารถนำเงิน ‘สีเทา’ เข้าสู่ระบบการหมุนเวียนของงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่ในอีกฟากหนึ่งของผู้ที่ไม่เห็นด้วยนั้น ตามมาด้วยเหตุผลที่หลากหลายและน่าพิจารณาอย่างยิ่ง ทั้งผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับสังคม การเข้ามาของทุนสีเทาที่จะเข้ามาซักฟอกจนขาวสะอาดในธุรกิจบ่อนพนัน ไปจนถึงความกังขาที่มีต่อนโยบายภาครัฐ ที่ขาดความรัดกุม เปิดช่องให้ผู้มีอิทธิพลได้เข้ามาหาเศษหาเลยกับโครงการดังกล่าว
อนึ่ง บ่อนการพนันถูกกฎหมายนั้น มีอยู่ในประเทศระดับสากลที่หลากหลาย ไม่ว่าจะทั้งญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน มาเก๊า หรือแม้แต่สิงคโปร์ แต่เมื่อพิจารณาจากข้อกฎหมายที่ร่างไว้เป็นการโยนหินถามทางนั้น ก็สร้างความกังวลใจให้กับภาคนักวิชาการ และภาคประชาสังคมอยู่ไม่น้อย
อีกทั้งเมื่อย้อนกลับไปยังประเด็นที่เกี่ยวกับ ‘ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเมือง’ เมื่อมีบ่อนหรือคาสิโนถูกกฎหมายนั้น จะมากหรือน้อย พื้นที่ ‘โดยรอบ’ ของโครงสร้างอาคารดังกล่าว ย่อมดึงดูดให้ธุรกิจสีเทาสามารถเติบโตและเบ่งบานได้โดยง่าย ไม่ว่าจะทั้งธุรกิจเงินกู้นอกระบบ ธุรกิจอโคจรที่มาพร้อมกับบ่อน หรือการกลายสภาพจนเป็นพื้นที่ทรุดโทรม ไม่เหมาะสมต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในทุกด้าน
ข้อมูลของศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า ในปี 2564 มีคนไทยที่อายุเกิน 15 ปี ถึง 59.6% ที่เคยเล่นพนัน ซึ่งนับว่าเพิ่มขึ้น 6.3% จากปี 2562 โดยประเภทของการพนันที่เล่นมากที่สุด คือ สลากกินแบ่งรัฐบาล หวยใต้ดิน ไพ่ ทายผลฟุตบอล และอื่น ๆ
อีกทั้งประเทศไทยในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เองนั้น ก็เคยมีการเปิดบ่อนพนัน และมีการเก็บภาษีอากรบ่อนเบี้ยที่เกิดจากธุรกิจดังกล่าว แต่เมื่อมีการปฏิรูปและสังคายนาข้อกฎหมาย ก็ทำให้ผลกระทบทางลบเป็นที่ประจักษ์ และธุรกิจบ่อนได้ล้มหายตายจากไปตามนโยบายของภาครัฐในช่วงเวลานั้น
แน่นอนว่า เหตุผลทางด้านเศรษฐกิจและเม็ดเงินหมุนเวียน คือ Pain Point ที่น่าดึงดูดใจสำหรับโครงการ Entertainment Complex หรือบ่อนพนันถูกกฎหมาย แต่กฎหมายที่ไม่เข้มแข็ง ภาคประชาสังคมที่ยังอ่อนแอ การเข้าถึงการพนันของประชาชนสามารถเป็นไปได้โดยง่ายแทบทุกภาคส่วน ก็ยิ่งทำให้ต้องทบทวนการมีอยู่และการผลักดันโครงการดังกล่าวให้เข้มข้น และชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เพราะท้ายที่สุดนี้ แม้เงิน ‘เร็ว’ ที่จะได้จากบ่อนพนันถูกกฎหมายจะดูยั่วยวนใจขนาดไหน แต่การสร้างชาติ พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในด้านต่างๆ ที่สมควรถูกทำให้เป็นวาระเร่งด่วน ก็ไม่อาจมองข้าม และสิ่งเหล่านั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากเงิน ‘เร็ว’ หรือการตั้ง ‘บ่อนการพนัน’ ที่แทบขัดขวางทุกกระบวนการของการพัฒนาในเชิงบวกเป็นแน่