fbpx

มาเซราติ ‘Atelier of Passion’ อัตลักษณ์ใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ

ยนตรกรรม

GM Live มีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมโชว์รูมอัตลักษณ์ใหม่ของมาเซราติ ประเทศไทยซึ่งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ณ ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน  ภายใต้คอนเซปต์ ‘Atelier of Passion’ แห่งแรกในเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ ต้องบอกว่าเป็นการนำเสนอประสบการณ์พิเศษแบบสุดๆ เพราะทำให้สัมผัสได้ถึงแก่นแท้ของยนตรกรรมลักชัวรี่สปอร์ตสไตล์อิตาเลียน ทั้งยังให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในมิวเซียมมากกว่าเดินดูรถในโชว์รูม

สำหรับคอนเซปต์ ‘Atelier of Passion’ หรือ ห้องศิลป์แห่งความหลงใหล นั้นสะท้อนตัวตนของแบรนด์มาเซราติ
ที่มีต้นกำเนิดจากสนามแข่งได้อย่างเด่นชัด พร้อมนำเสนอประสบการณ์การขับที่เปี่ยมด้วยความสุนทรีย์ ตามแบบฉบับอิตาเลียนลักชัวรี่อย่างแท้จริง 

ในการเยี่ยมชมครั้งนี้ คุณปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้จัดการทั่วไป มาเซราติ ประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลกับทาง GM Liveถึงการปรับโฉมโชว์รูมครั้งนี้ว่า “โชว์รูมอัตลักษณ์ใหม่ ได้รับการรังสรรค์ขึ้นภายใต้คอนเซป ‘Atelier of Passion’ ที่จะนำพาผู้ที่มาเยือนเข้าสู่โลกแห่งยนตรกรรมในฝัน ที่เปี่ยมไปด้วยการนำเสนอประสบการณ์ความหรูหราสไตล์อิตาเลียน และสะท้อนถึงทิศทางในการผลิตยนตรกรรมสายพันธุ์ โฟลกอเร (Folgore) ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% รวมถึงตำนานที่กำเนิดขึ่นมาจากสนามแข่ง พร้อมกับยนตรกรรมที่หลากหลาย อาทิ เอ็มซี20 (MC20), เกรคาเล่ (Grecale), กิบลี่ (Ghibi) และอื่นๆ  อีกทั้งความได้เปรียบของการตั้งโชว์รูมภายในศูนย์การค้าใจกลางเมือง ที่นอกจากเดินทางไป-มาได้อย่างสะดวกแล้ว ยังสามารถดึงดูดทั้งลูกค้าปัจจุบัน รวมถึงแฟนๆ ของมาเซราติ นักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไป  ซึ่งนับว่าเป็นการเพิ่มโอกาสการมองเห็นได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ”

โชว์รูมแบบใหม่ เอาใจคนเมือง เชื่อมต่อโลกแห่งยนตรกรรมในฝัน สไตล์อิตาเลียนลักชัวรี่

บนพื้นที่ของโชว์รูมมาเซราติแห่งนี้ ได้รับการออกแบบตามแนวคิดใหม่ สไตล์ urban concept คือ การทำให้โชว์รูมมีความเหมาะสมกับจังหวะชีวิตที่กระฉับกระเฉงของคนเมือง เป็นเสมือนดินแดนแห่งศิลปะและความประณีตของนักออกแบบ ผสานความคลาสสิกสไตล์อิตาเลียน ในจุดบรรจบอันสมบูรณ์แบบแห่งวิวัฒนาการและการปรับเปลี่ยน ที่ได้บรรลุถึงขีดสุดของการพัฒนารูปแบบเมืองสมัยใหม่ ผสานความก้าวล้ำทางนวัตกรรม เข้ากับเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของภูมิทัศน์เมือง ซึ่งเปรียบได้กับประตูสู่โลกแห่ง มาเซราติ ชวนให้ผู้มาเยือนได้เข้าถึงและสัมผัสมนต์เสน่ห์ของตำนานที่ยังมีตัวตน ตลอดจนจิตวิญญาณอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์

‘Atelier of Passion’ ห้องพิเศษเป็นส่วนตัว แต่งรถได้ตามใจ เหมือนอยู่ในอิตาลี

ผนัง 3 ด้านของโชว์รูมแห่งนี้ล้อมรอบด้วยกระจกใส เป็นการเปิดมุมมองทั้งจากภายในสู่ภายนอก และจากภายนอกสู่ภายในทั้ง 3 ด้าน  โดยมียนตรกรรมไฮไลท์อยู่กลางห้อง จึงให้ความรู้สึกเสมือนเป็นอาร์ตแกลเลอรีที่จัดแสดงงานศิลป์ชั้นเลิศ ภายใต้การตกแต่งในโทนสีเทา สะท้อนบรรยากาศที่สงบเคร่งขรึมแฝงความอบอุ่น ในขณะที่ผนังอีกด้าน มีประตูบานเลื่อนเชื่อมต่อไปสู่ห้องพิเศษตามคอนเซปต์ ‘Atelier of Passion’ ที่ถ่ายทอดผ่านการผสมผสานระหว่างความเป็นแกลเลอรีศิลปะสมัยใหม่และโชว์รูมรถยนต์ ที่พร้อมนำเสนอประสบการณ์เสมือนจริงกระตุ้นประสาทสัมผัสทุกด้าน ให้ดำดิ่งสู่โลกแห่งความปรารถนาต่อการครอบครองยนตรกรรม ผสานกับแรงบันดาลใจอันไร้ขีดจำกัด ในการรังสรรค์รายละเอียดต่อการตกแต่งยนตรกรรมมาเซราติ คันโปรดได้ตามจินตนาการแบบ immersive 3D เรียกว่าโปรแกรม ‘Fuoriserie’ ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันกับโชว์รูมในประเทศอิตาลี โดยโชว์รูมมาเซราติ ประเทศไทยแห่งนี้มาพร้อมอัตลักษณ์ใหม่เป็นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สิ่งที่ GM Live ประทับใจภายในรับรองห้องพิเศษนี้คือการตกแต่งที่เรียบง่ายแต่ให้ความรู้สึกที่หรูหรา การจัดวางฟังก์ชั่นที่สะดวกต่อการใช้งานทั้งยังให้ความรู้สึกเป็นกันเอง รวมถึงไลท์ติ้งดีไซน์ที่ทำให้บรรยากาศห้องมีความรู้สึกอบอุ่นและสวยงาม 

สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษแบบอิตาเลียนลักชัวรี่ได้ ที่โชว์รูม มาเซราติ ชั้น 2  ศูนย์การค้าสยามพารากอน โทร. 02-610-9441หรือทางเว็บไซต์: http://Thailand.Maserati.com/ เฟซบุ๊ค: Maserati Thailandและอินสตาแกรม: Maserati Thailand

เกี่ยวกับมาเซราติ เอส.พี.เอ.

มาเซราติ คือ ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่นด้วยสไตล์, เทคโนโลยีล้ำสมัย และตัวตนที่ไม่ซ้ำใคร สะท้อนความเฉลียวฉลาด รสนิยมอันลุ่มลึก สะท้อนมาตรฐานแห่งการเป็นยนตรกรรมระดับโลก และด้วยความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ในแต่ละเซกเมนต์ มาเซราติ ได้กำหนดนิยามใหม่ ให้กับรถสปอร์ตของอิตาลี ในแง่ของการออกแบบ, ประสิทธิภาพ, ความสะดวกสบาย, ความสง่างาม และความปลอดภัย ปัจจุบันมีจำหน่ายในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก มาเซราติ ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte) นับเป็นยนตรกรรมเรือธงของค่ายตรีศูล สมทบด้วยรุ่นกิบลี่ (Ghibli), เลอวานเต้ (Levante) เอสยูวีรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ และ เกรคาเล่ (Grecale) ซึ่งเป็นเอสยูวีที่มาพร้อมแนวคิด ‘Everyday Exceptional’ ทุกรุ่นต่างโดดเด่นด้วยการใช้วัสดุ ที่มีคุณภาพชั้นสูง และการออกแบบทางเทคนิคอันยอดเยี่ยม มาเซราติ กิบลี่, เลอวานเต้ และเกรคาเล่ มีหลายทางเลือกขุมพลัง อาทิ เบนซินไฮบริด 4 สูบ, เบนซิน วี6 สูบ ไปจนถึงเบนซิน วี8 สูบ ทั้งในแบบขับเคลื่อน ล้อหลังหรือขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยมาพร้อมดีเอ็นเออันเป็นเอกลักษณ์ของยนตรกรรมค่ายตรีศูล ขณะที่รุ่นสูงสุด คือ ซูเปอร์คาร์ เอ็มซี20 (MC20) และ เอ็มซี20 แชร์โล (Cielo) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ เน็ททูโน (Nettuno) ที่ได้นำเทคโนโลยีจากรถแข่งฟอร์มูลาวัน มาใช้กับยนตรกรรมในสายการผลิตเป็นครั้งแรก มาเซราติ กรันทูริสโม โฉมใหม่ มีจำหน่ายทั้งรูปแบบเครื่องยนต์เบนซินสมรรถนะสูง และแบบไฟฟ้าล้วน เพื่อพัฒนายนตรกรรมค่ายตรีศูลไปสู่อนาคต โดยมี มาเซราติ โฟลกอเร เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกในประวัติศาสตร์ พร้อมตั้งเป้าในปี 2568 รถยนต์ มาเซราติ ทุกสายพันธุ์จะมีรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเป็นทางเลือก และ มาเซราติ ทุกรุ่น จะกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2573

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ