Recent News: สรุปข่าวประจำวันที่ 29 กันยายน 2023
SAM โกอินเตอร์เซ็น MOU กับ KAMCO บริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำเกาหลี พร้อมเตรียมความร่วมมือขยายตลาดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพสู่เอเชีย
บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM โดยนางสิรินารถ แน่งอนงค์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ Korea Asset Management Corporation หรือ KAMCO บริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำของประเทศเกาหลีใต้ เพื่อขยายระยะเวลาความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ในการแก้ไขสินทรัพย์ด้อยคุณภาพระหว่างกันออกไปอีก 3 ปี ณ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย โดยทั้ง 2 หน่วยงานในฐานะประเทศสมาชิกของ International Public AMC Forum (IPAF) ยังมีแผนความร่วมมือในด้านอื่นๆ อาทิ การพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด การปรับปรุงวิธีการทางการตลาด การร่วมมือกันขยายตลาด เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้เสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการจัดประชุมหรือกิจกรรม Roadshow หรือกิจกรรมระหว่างประเทศอื่นๆ ทั้งนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดในการแก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในเอเชีย
International Public AMC Forum หรือ IPAF ก่อตั้งขึ้นในปี 2555 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจและความร่วมมือระหว่างประเทศ รวมถึงแลกเปลี่ยนความรู้ การฝึกอบรม ระหว่าง บริษัทบริหารสินทรัพย์ภาครัฐในประเทศต่างๆ เพื่อป้องกันและเตรียมความพร้อมในการรับมือกับปัญหาทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคเอเชีย ปัจจุบัน IPAF ประกอบด้วยสมาชิกจากบริษัทบริหารสินทรัพย์และหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียจำนวน 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย เกาหลี จีน เวียดนาม คาซัคสถาน มาเลเซีย อินโดนีเซีย มองโกเลีย
ช้าง อันพาสเจอร์ไรซ์ ฉลองเบียร์พรีเมียมที่เป็นที่ชื่นชอบและตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค ตั้งเป้าโต 500% พร้อมขยายพื้นที่จำหน่ายให้คนไทยและนักท่องเที่ยวลิ้มรสความสดใหม่
เบียร์ช้าง หนึ่งในผู้นำตลาดเบียร์ของประเทศไทย เผยกระแสตอบรับดีเยี่ยมของ “ช้าง อันพาสเจอร์ไรซ์” นวัตกรรมเบียร์ทีคงความสดใหม่และความหอมของเบียร์ให้ได้มากที่สุด ด้วยกระบวนการผลิตที่ไม่ผ่านความร้อนหลังจากบรรจุขวด ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายสำหรับนักดื่มไทยและนักท่องเที่ยว โดยเป็นเบียร์พรีเมียมที่เป็นที่ชื่นชอบและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค เดินหน้ารุกตลาดเบียร์พรีเมียมเล็งขยายพื้นที่จำหน่าย พร้อมตั้งเป้าเพิ่มยอดขายแบบก้าวกระโดด 500% ภายในปี 2567
นายทรงวิทย์ ศรีธรรม ผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจเบียร์ประเทศไทย บริษัท ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จในช่วง 10 เดือนหลังเปิดตัวว่า “กลยุทธ์การจัดจำหน่ายเฉพาะพื้นที่ ส่งผลให้ ช้าง อันพาสเจอร์ไรซ์ เป็นหนึ่งในเช็คลิสต์ของนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศ ที่เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย โดยสามารถตอบโจทย์เมกะเทรนด์ของผู้บริโภคที่มองหาสินค้าที่คุ้มค่า และประสบการณ์ความแปลกใหม่ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในไทย ทำให้เป็นเบียร์พรีเมียมที่มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและได้รับความนิยมในช่องทางร้านอาหาร ผับบาร์ และโรงแรมชั้นน้ำ โดยผลวิจัยการตลาดของอิปซอสส์ ประเทศไทย (Ipsos Thailand) พบว่า 85% เห็นว่าช้าง อันพาสเจอร์ไรซ์ ช่วยเสริมแกร่งภาพลักษณ์ความพรีเมียมให้กับแบรนด์ช้าง และด้วยความโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของ ช้าง อันพาสเจอร์ไรซ์ ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวให้กับจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย อีกด้วย”
“เพื่อรองรับฤดูกาลท่องเที่ยวและเฉลิมฉลองช่วงปลายปีที่กำลังมาถึง เบียร์ช้าง ได้เตรียมเพิ่มจำนวนร้านอาหาร ผับบาร์ และโรงแรมชั้นน้ำ ที่จำหน่ายช้าง อันพาสเจอร์ไรซ์ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความสดใหม่และความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของช้าง อันพาสเจอร์ไรซ์ โดยตั้งเป้าเพิ่มยอดขายแบบก้าวกระโดด 500% ภายในปี 2567 ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาถึงโอกาสและความเป็นไปได้ในการขยายพื้นที่จำหน่ายโดยควบคุมคุณภาพตลอดทุกกระบวนการ ตั้งแต่การผลิต รวมทั้งการขนส่งภายในระยะเวลา 4-6 ชั่วโมง และการรักษาอุณหภูมิให้ไม่เกิน 4 องศา รวมทั้งการเก็บรักษาก่อนเสิร์ฟให้ผู้บริโภค เพื่อคงความสดใหม่และรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์” นายทรงวิทย์ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับ ช้าง อันพาสเจอร์ไรซ์ เป็นนวัตกรรมเบียร์รูปแบบใหม่ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรก ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 เป็นพรีเมียมเบียร์ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ 3 ด้าน ได้แก่ 1) ครั้งแรกของกระบวนการผลิตแบบที่ไม่ผ่านความร้อนหลังบรรจุขวด (Unpasteurized) เพื่อคงความหอมและสดใหม่อันเป็นเอกลักษณ์ 2) ครั้งแรกของการผลิตด้วยกระบวนการเติมไนโตรเจน (Nitrogenation) เพื่อให้อณูฟองที่ละเอียดและนุ่ม และ 3) ครั้งแรกของการขนส่งด้วยระบบโคลด์เชน (Cold Chain) ของเบียร์ เพื่อคงความสดใหม่และรสชาติเหมือนได้ดื่มจากต้นกำเนิด สามารถเช็ครายละเอียดร้านอาหาร ผับบาร์ และโรงแรมชั้นน้ำที่จำหน่ายช้าง
อันพาสเจอร์ไรซ์ เพิ่มเติมได้ที่ (0 2617 6500 ลูกค้าสัมพันธ์)
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก นีลเส็นไอคิว (ประเทศไทย) พบว่าตลาดเบียร์พรีเมียมมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 10% มีมูลค่ารวมมากกว่า 20,000 ล้านบาท และมีการเติบโตเกือบ 40% โดยปัจจุบันเบียร์ช้างมีผลิตภัณฑ์ในตลาดเบียร์พรีเมียม อยู่ 3 ผลิตภัณฑ์ได้แก่ ช้าง โคลด์ บรูว์ ช้าง เอสเปรสโซ่ และช้าง อันพาสเจอร์ไรซ์
เนสกาแฟ เดย์ สานต่อพันธกิจด้านความยั่งยืนระดับโลก ชวนคนไทยปลูกต้นไม้สร้างความยั่งยืน และเป็นส่วนหนึ่งที่ขับเคลื่อนการเกษตรเชิงฟื้นฟู ฉลองวันกาแฟสากล 2023
เนสกาแฟ แบรนด์กาแฟอันดับ 1 จากเนสท์เล่ เดินหน้ากลยุทธ์ด้านความยั่งยืน จัดแคมเปญ “เนสกาแฟ เดย์” เชิญชวนผู้บริโภคร่วมปลูกต้นไม้สร้างความยั่งยืนตามหลักการเกษตรเชิงฟื้นฟู หรือ Regenerative Agriculture สานต่อพันธกิจด้านความยั่งยืนระดับโลก ‘เนสกาแฟ แพลน 2030’
งาน “เนสกาแฟ เดย์” ในปีนี้ มีขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ชงเนสกาแฟปลูกความยั่งยืน” ณ แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน โดยให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการ เนสกาแฟ แพลน 2030 ที่มุ่งส่งเสริมการเกษตรเชิงฟื้นฟูให้กับเกษตรกรไทย พร้อมทั้งยังได้จำลองเรื่องราวของสวนกาแฟที่ปลูกอย่างยั่งยืนโดยใช้การเกษตรเชิงฟื้นฟูใน Glass House ครั้งแรกใจกลางเมืองมาให้คนไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ เนสกาแฟยังเปิดโอกาสให้คอกาแฟได้ดื่มด่ำกาแฟคุณภาพดีจากสวนที่ปลูกอย่างยั่งยืนที่ คาเฟ่สไตล์รักษ์โลก และเชิญทีมพรีเซนเตอร์มาพูดคุยถึงเรื่องราวกาแฟและความยั่งยืนในด้านต่าง ๆ ของเนสกาแฟ พร้อมแชร์เคล็ดลับในการส่งต่อความยั่งยืนให้โลก บอกเล่าเรื่องราวดี ๆ ของบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกของเนสกาแฟ และร่วมกันปลูกต้นไม้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเกษตรเชิงฟื้นฟูที่จะช่วยสร้างความสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพในสวนกาแฟเพื่อสร้างความยั่งยืน ทั้ง 4 ชนิด ได้แก่ ต้นยางนา ต้นตะเคียน ต้นสะเดาเทียม และต้นจำปาทอง ซึ่งล้วนเป็นต้นไม้ที่ให้ร่มเงาในสวนกาแฟที่สามารถคลุมดิน กักเก็บความชื้นและช่วยดูดซับคาร์บอน พร้อมปักป้ายชื่อในกระถางกันทุกคน และยังสามารถนำไป ถ่ายภาพเก๋ ๆ กับแก้วแดงยักษ์ ได้อีกด้วย
นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า เปิดเผยว่า “กิจกรรมใน
ครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ในการขับเคลื่อนการเกษตรเชิงฟื้นฟูภายใต้โครงการ ‘เนสกาแฟ แพลน 2030’ โดยมีเป้าหมายในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้แก่วงการกาแฟในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ในการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050”
นางสาวศรีประภา จิงประเสริฐสุข ผู้จัดการธุรกิจกาแฟสำเร็จรูปและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “เนสท์เล่เป็นผู้ริเริ่มส่งเสริมการเกษตรเชิงฟื้นฟู หรือที่เรียกว่า Regenerative Agriculture คือการทำเกษตรกรรมแนวใหม่ให้การปลูกกาแฟอยู่คู่กับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน การเกษตรเชิงฟื้นฟู เป็นหัวใจหลักของโครงการ ‘เนสกาแฟ แพลน 2030’ ซึ่งเป็นโครงการด้านความยั่งยืนระดับโลกที่เราส่งเสริมและให้ความรู้กับเกษตรกรไทยมานานหลายทศวรรษ เมล็ดกาแฟทุกเมล็ดที่เรารับซื้อจากเกษตรกรมาผลิตเป็นเนสกาแฟ ได้รับการรับรองมาตรฐานการเพาะปลูกอย่างยั่งยืนระดับโลก
ที่เรียกว่า 4C 100%”
หัวใจของการเกษตรเชิงฟื้นฟูสำหรับการทำสวนกาแฟคือการ ปกป้อง-ทดแทน-ฟื้นฟู ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับการเพาะปลูกกาแฟโดยเฉพาะอย่างยิ่งดินและน้ำ เช่น การส่งเสริมให้ปลูกพืชคลุมดิน การป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน การนำเศษวัสดุเหลือทิ้งในฟาร์มกลับมาทำปุ๋ยหมักซึ่งเป็นปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมี นอกจากนี้ เนสท์เล่ยังส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชหลากชนิดเพื่อเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพและยังเป็นการเสริมรายได้ให้เกษตรกรอีกด้วย
การทำการเกษตรเชิงฟื้นฟูสร้างคุณค่าให้ทุกภาคส่วนในสังคมไทยแบบ Triple Win+ เพื่อโลก เพื่อเราทุกคน ได้แก่ ความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ในการสร้างความมั่นคงทางอาหารผ่านการสร้างผลผลิตทางการเกษตรที่มั่นคงและเพียงพอ ดูแลเกษตรกร เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ให้มีรายได้ที่ยั่งยืน และมีความพร้อมรับมือภาวะโลกร้อน ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ด้วยการฟื้นฟูดิน ดูแลป่า ปกป้องแหล่งน้ำ เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ และลดคาร์บอน และ + คือ การสร้างคุณค่าให้กับผู้บริโภค ด้วยการส่งมอบกาแฟคุณภาพจากวัตถุดิบคุณภาพให้กับคอกาแฟชาวไทย และส่งต่อโลกที่น่าอยู่ให้กับคนรุ่นต่อไป
“นี่คือคำมั่นสัญญาของเนสกาแฟ ที่จะพัฒนาโลกแห่งกาแฟ ให้ทุก ๆ แก้ว มีส่วนช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น เพราะเบื้องหลังกาแฟคุณภาพของเนสกาแฟคือความทุ่มเทของเกษตรกรชาวสวนกาแฟ เราจะนำต้นไม้ส่งต่อไปที่สวนกาแฟในจังหวัดชุมพร และส่งมอบต้นไม้ส่วนหนึ่งให้กับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อต่อยอดความยั่งยืน และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในอีกหลาย ๆ จังหวัดในประเทศไทย และทุกแก้วเนสกาแฟ เป็นกาแฟคุณภาพ ที่ดูแลทั้งโลกและเกษตรกร ผู้บริโภคที่ดื่มเนสกาแฟ ก็สามารถมั่นใจได้ถึงคุณภาพและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความยั่งยืนได้” นางสาวศรีประภา กล่าวทิ้งท้าย