Recent News: สรุปข่าวประจำวันที่ 22 มิถุนายน 2023
บมจ. ยัสปาล ยื่นแบบไฟลิ่ง เสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 156 ล้านหุ้น ก้าวสู่หนึ่งในผู้นำธุรกิจแฟชั่นไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับสากล
บมจ. ยัสปาล หรือ JPC ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกเสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น และสินค้าไลฟ์สไตล์ รวมถึงธุรกิจผลิตและจำหน่ายที่นอน เครื่องนอน ของตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์ ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) เพื่อเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 156 ล้านหุ้น เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน พร้อมระดมทุนก้าวสู่หนึ่งในผู้นำธุรกิจแฟชั่นไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับสากลที่นำความสุขที่ยิ่งใหญ่มาสู่ผู้คนนับล้านทั่วโลก ยกระดับอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยในเป็นที่ยอมรับในเวทีโลก
นายจรัญ สิงห์สัจจเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “JPC”) เปิดเผยว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อย (รวมเรียกว่า กลุ่มบริษัทฯ) เป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิต จัดหาและจัดจำหน่ายเสื้อผ้า สินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ (กลุ่มธุรกิจสินค้าแฟชั่น) ภายใต้แบรนด์ที่กลุ่มบริษัทฯ เป็นเจ้าของ (Inhouse Brand) และแบรนด์ที่กลุ่มบริษัทฯ ได้รับอนุญาตให้เป็นตัวแทนจำหน่าย และ/หรือ ให้จัดจำหน่าย และ/หรือ ให้ผลิตและเป็นตัวแทนจัดจำหน่าย และ/หรือ ได้รับสัญญาแฟรนไชส์ และ/หรือ ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิ (Import Brand) ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั้งในประเทศไทยและในระดับโลก รวมกันกว่า 19 แบรนด์ เช่น Jaspal (ยัสปาล), ) Misty Mynx (มิสตี้ มิงซ์), CC Double O (ซีซี ดับเบิ้ลโอ), CPS CHAPS (ซีพีเอส แชปส์), Lyn (ลิน), Lyn Around (ลิน อะราวนด์), Fred Perry (เฟร็ด เพอร์รี่), Diesel (ดีเซล), Superdry (ซุปเปอร์ดราย) เป็นต้น โดยเป็นสินค้าแฟชั่นที่มีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีคุณภาพสูงในราคาที่เหมาะสม มีความทันสมัยและหลากหลายมากกว่า 113,000 SKUs ครอบคลุมสินค้าตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอางและแว่นตา เป็นต้น นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังเป็นผู้ผลิต จัดหาและจำหน่ายที่นอนและเครื่องนอน ของตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์ (กลุ่มธุรกิจที่นอนและเครื่องนอน) ภายใต้ Inhouse Brand และ Import Brand รวม 6 แบรนด์ มีสินค้ามากกว่า 21,500 SKUs ภายใต้แบรนด์ SANTAS, SANTAS Home, Stevens, Sealy, Tempur, และ Ethan Allen เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มด้วยคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล
กลุ่มบริษัทฯ ถือเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจสินค้าแฟชั่นของภูมิภาคอาเซียนและเป็นบริษัทสัญชาติไทยที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและรองเท้าเฉพาะอย่างของประเทศไทย (อ้างอิงข้อมูลรายงานภาวะอุตสาหกรรมของ Euromonitor International) ที่มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจสินค้าแฟชั่นตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำมายาวนานกว่า 70 ปี และมีบุคลากรที่มีความสามารถเข้าใจในอุตสาหกรรมแฟชั่นที่มองเห็นเทรนด์การเปลี่ยนของธุรกิจและอุตสาหกรรม สามารถใช้ความเชี่ยวชาญการออกแบบ จัดหาสินค้า เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ผ่านแบรนด์พอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย ตอบสนองไลฟ์สไตล์ด้านแฟชั่นของผู้บริโภคที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ควบคู่กับการบริหารจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพเพื่อสนับสนุนช่องทางการจำหน่ายสินค้า ผ่านช่องทางสาขาและจุดจำหน่ายในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมทั้งสิ้น 462 สาขา ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์บริษัทฯ และแพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ต่างๆ (Marketplace) ขณะที่กลุ่มธุรกิจที่นอนและเครื่องนอน มีช่องทางจำหน่ายผ่าน 3 ช่องทางหลัก ได้แก่ (1) สาขาหน้าร้านและจุดจำหน่ายในศูนย์การค้ามากกว่า 508 แห่ง (2) การขายงานโครงการ และ (3) การส่งสินค้าไปยังต่างประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์ ‘การจะเป็นผู้นำในธุรกิจแฟชั่นไลฟ์สไตล์ เพื่อนำความสุขที่ยิ่งใหญ่มาสู่ผู้คนนับล้านทั่วโลก’ โดยมุ่งมั่นนำสร้างสรรค์สินค้าแฟชั่นและบริการ ผ่านกระบวนการคิด ออกแบบและผลิตอย่างพิถีพิถัน นำเสนอสินค้าที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมายและสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่จดจำและให้ทุกคนทั่วโลกเข้าถึงได้ เพื่อก้าวสู่หนึ่งในผู้นำธุรกิจแฟชั่นไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับสากลที่นำความสุขที่ยิ่งใหญ่มาสู่ผู้คนนับล้านทั่วโลก สร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่นของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในวงการแฟชั่นระดับโลก
นายทินพันธุ์ หวั่งหลี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2566 บมจ.ยัสปาล หรือ JPC ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 156 ล้านหุ้น คิดสัดส่วนไม่เกิน 26% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด ทั้งนี้ ณ ปัจจุบัน แบบคำขออนุญาตและร่างหนังสือชี้ชวนอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ
PAÑPURI x JIM THOMPSON ความหอมและความงามของผ้าไทย หลอมเป็นหนึ่งเดียวกับคอลเล็กชันสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
ปัญญ์ปุริ (PAÑPURI) เวลเนส ไลฟ์สไตล์แบรนด์ชั้นนำของไทย ร่วมกับ จิม ทอมป์สัน (Jim Thompson) แบรนด์ไอคอนิกไลฟ์สไตล์ระดับโลกของเมืองไทย ร่วมสร้างสรรค์คอลเล็กชันสุดเอ็กซ์คลูซีฟ แห่งปี PAÑPURI x JIM THOMPSON นำความพิเศษอันแสนโดดเด่นของทั้ง 2 แบรนด์มารวมในคอลเล็กชันนี้อย่างลงตัว
ความพิเศษของคอลเล็กชันนี้คือการจับมือของ ปัญญ์ปุริ ผู้นำด้านการสร้างสรรค์กลิ่นหอมจากพรรณไม้และดอกไม้จากทั่วทุกมุมโลก ได้ปรุงกลิ่นหอมสุดพิเศษขึ้น 4 กลิ่นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากบรรยากาศของพิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน บ้านไม้เรือนไทยสุดคลาสสิก ผ่านการการตีความอัตลักษณ์ ใหม่ในยุคปัจจุบัน เพื่อการสร้างสรรค์กลิ่นหอมใหม่อันมีเสน่ห์และโดดเด่น ถ่ายทอดเป็นผลิตภัณฑ์สุดพิเศษคอลเล็กชันนี้โดย จิม ทอมป์สัน คัดเลือกผ้าไหม Collectible collection ซึ่งเป็นระดับชิ้นงานสะสม นำมาวางรูปแบบใหม่จนเกิดเป็นลวดลายที่สะดุดตามากกว่า 100 รูปแบบ เพื่อนำมาตกแต่งบนผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ เทียนหอม ก้านไม้หอม และถุงหอม โดยในแต่ละผลิตภัณฑ์จะมีการวางลายผ้าที่แตกต่างในผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้น แนวทางการใช้ผ้ารูปแบบนี้ยังถือเป็นการ Upcycling เพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่ผืนผ้าตามแนวทาง Sustainability การพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อย่างยั่งยืน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความพิเศษของคอลเล็กชันนี้
PAÑPURI x JIM THOMPSON เป็นคอลเล็กชันที่รวมแก่นแห่งการสร้างสรรค์กลิ่นหอม และความงามของผ้าไทยมาหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างงดงาม โดยผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจากคอลเล็กชันนี้ไม่เพียงแต่ใช้เติม ความหอมสร้างบรรยากาศภายในบ้าน หรือห้องให้รื่นรมย์เท่านั้น ทั้งตัวผลิตภัณฑ์ และกล่องที่ใช้ผ้า JIM THOMPSON ในการตกแต่ง ยังสามารถใช้เป็นกล่องใส่เครื่องประดับ ของตกแต่งบ้านชิ้นเก๋ หรือด้วยโทนสีของผ้าที่หลากหลายและโดดเด่น สามารถใส่ของใช้ได้อย่างสวยงาม โดยกลิ่นหอมทั้ง 4 กลิ่น ได้แก่ House on the Klong กลิ่นหอมลุ่มลึกสไตล์ Woody ตัวแทนของบ้านไม้จิม ทอมป์สัน ทรงไทย ที่ตั้งอยู่ริมคลอง โดยนำความหอมลุ่มลึกของ Sandalwood มาผสมความหอมอบอวลของ Rose พร้อมเติมความพิเศษด้วยกลิ่นของ Vetiver ที่ผสานกับกลิ่นหลักได้อย่างลงตัว กลิ่น House on the Klong มีในผลิตภัณฑ์เทียนหอมขนาด 250 g ก้านไม้หอมระเหยขนาด 100 ml และถุงหอม ขนาด 40 g
Jim’s Garden กลิ่นหอมจากสวนแห่ง จิม ทอมป์สัน ที่มอบความรู้สึกสดชื่น และผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน กลิ่นหอมของ Green Tea ผสานกลิ่นอบอุ่นของ Bergamot ตัดกับกลิ่นหวานของ Jasmine ได้อย่างดี กลิ่น Jim’s Garden มีในผลิตภัณฑ์ เทียนหอมขนาด 250 g ก้านไม้หอมระเหย ขนาด 100 ml และถุงหอม ขนาด 40 g
Jim’s Dream กลิ่นชวนฝันพาให้ล่องลอยไปตามจินตนาการที่แสนสวยงาม และผ่อนคลายเสมือนได้ เดินเล่นในทุ่งดอกไม้ ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมแนว Floral ของดอกไม้นานาชนิด อย่าง Tuberose ที่มีกลิ่นหอมเย้ายวน ผสานกลิ่นสดชื่นของ Neroli และ Bergamot กลิ่นหวานปนความสดชื่นนี้มีในผลิตภัณฑ์ ถุงหอม ขนาด 40 g
Oriental Journeys กลิ่นอบอุ่น และสดชื่นแนว Citrus เหมือนได้เดินพักผ่อนบนชายหาดอันแสบเงียบสงบ พร้อมปลุกความตื่นเต้นของจินตนาการด้วยกลิ่น Lime Zest และ Mandarin ที่มีกลิ่นหอมของ Bergamot มาผนวกรวมให้กลิ่นนี้น่าสนใจ กลิ่น Oriental Journeys มีในผลิตภัณฑ์ถุงหอม ขนาด 40 g
เทียนหอมในคอลเล็กชันนี้ ทำจากแว็กซ์ถั่วเหลืองธรรมชาติ และไส้เทียนทำจากฝ้าย 100% ที่ผ่านการถักขึ้นด้วยมือเพื่อให้ยึดกับเนื้อแว็กซ์ของเทียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตั้งตรงตลอดการใช้งาน เทียนหอมของปัญญ์ปุริ ปราศจากสารโลหะหลัก ปลอดภัยต่อสุขภาพ สำหรับก้านไม้หอมระเหยของปัญญ์ปุรินั้น ใช้ส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่สกัดจากธรรมชาติ ก้านไม้หวายที่ช่วยมอบกลิ่นหอมทำจากคอตตอนไฟเบอร์อย่างดี และรักษ์โลก และสำหรับผลิตภัณฑ์ถุงหอม ทำจากหินภูเขาไฟธรรมชาติ, เม็ดดินเผามวลเบา และเปลือกอบเชย เพื่อกักเก็บกลิ่นหอมภายในถุงหอมได้ยาวนานถึง 3 เดือน
สัมผัสความเอ็กซ์คลูซีฟของคอลเล็กชัน PAÑPURI x JIM THOMPSON นี้กับ 3 ผลิตภัณฑ์ เทียนหอม 250 g ใน ก้านไม้หอมระเหย 100 ml ในและถุงหอม ได้ที่ปัญญ์ปุริ สาขาที่จำหน่ายได้แก่ เอ็มโพเรียม, เซ็นทรัล ชิดลม, เซ็นทรัล เวิลด์ (ชั้น 1และ 2), เกษร ทาวเวอร์ และไอคอน สยาม และร้านจิม ทอมป์สัน จิม ทอมป์สัน สาขา สุรวงศ์, จิม ทอมป์สัน เฮอริเทจ ควอร์เตอร์, สยามพารากอน, เซ็นทรัล เวิลด์, ไอคอนสยาม, เอ็มควอเทียร์, เซ็นทรัล เอ็มบาสซี,เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสตา, เซ็นทรัล สมุย, สนามบินสมุย, เซ็นทรัล พัทยา, เซ็นทรัล เชียงใหม่, อนันตรา เชียงใหม่ รีสอร์ท และ โรงแรม เดอะ สยามสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook, Twitter, Instagram @panpuriofficial และ Line @PANPURI
สยามพิวรรธน์ จับมือ จี ยู ครีเอทีฟ ผนึกกำลัง กทม. พร้อมพันธมิตร จัดการแข่งขันกีฬาเก็บขยะ ครั้งแรกของประเทศไทย! “SPOGOMI WORLD CUP 2023 THAILAND STAGE”
บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหารสยาม พารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม ไอซีเอส และ สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ตอกย้ำจุดยืนองค์กรต้นแบบด้านการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน สร้างผลกระทบเชิงบวกแก่สิ่งแวดล้อม โดยมีนโยบายที่ได้บรรจุเข้าไปในการดำเนินธุรกิจ อาทิ การตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีระบบบริหารจัดการ Smart Building ช่วยประหยัดพลังงาน เพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในศูนย์การค้า การบริหารจัดการทรัพยากร จัดการขยะแบบครบวงจร รวมถึงการเป็นจุดรับขยะไดรฟ์ทรูแห่งแรกของประเทศไทย ล่าสุดจึงได้ร่วมกับ จี-ยู ครีเอทีฟ จัดงานแถลงข่าว “SPOGOMI WORLD CUP 2023 THAILAND STAGE” การแข่งขันกีฬาเก็บขยะครั้งแรกในประเทศไทย! ร่วมเฟ้นหาตัวแทนประเทศไปแข่งขันชิงแชมป์เก็บขยะโลก ณ ประเทศญี่ปุ่น โดยผนึกกำลังพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีเป้าหมายการขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมในทิศทางเดียวกัน อาทิ กรุงเทพมหานคร สร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมยกระดับการมีส่วนร่วมระดับโลก ภายในงานพบกับกิจกรรมที่อัดแน่นไปด้วยสาระความรู้ ความบันเทิงที่เปลี่ยนเรื่องขยะให้กลายเป็นความสนุก
งาน “SPOGOMI WORLD CUP 2023 THAILAND STAGE” จัดให้มีการแข่งขันเก็บขยะครั้งแรกในประเทศไทย วันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม 2566 โดยจะมีการปล่อยตัวผู้เข้าแข่งขัน ณ สยามพารากอน เพื่อเดินออกไปเก็บขยะในพื้นที่โดยรอบสยามพารากอนตามเส้นทางที่กำหนดภายในระยะเวลา 1 ชม. และกลับมาแยกขยะภายในระยะเวลา 20 นาที ณ พาร์ค พารากอน ซึ่งขยะที่เก็บมาทั้งหมดจะต้องนำมาแยกประเภท 4 ประเภท ได้แก่ ขยะพลาสติก ขยะขวดแก้ว/กระป๋องอะลูมิเนียม ขยะกระดาษ และขยะก้นกรองบุหรี่ โดยจะมีคะแนนตามสัดส่วนที่กำหนด จากนั้นขยะทั้งหมดจะถูกนำไปเข้าสู่การบริหารจัดการขยะอย่างถูกต้องและเกิดประโยชน์สูงสุดภายใต้ความร่วมมือในโครงการ Siam Piwat 360° Waste Journey to Zero Waste ของกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ และ YOUเทิร์น ระบบบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วของ GC
สำหรับผู้เข้าแข่งขันทีมที่ได้คะแนนสูงสุดจะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันเก็บขยะโลก ในงาน “SPOGOMI WORLD CUP 2023” วันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 ณ เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และยังได้รับเครื่องย่อยเศษอาหารจาก HASS มูลค่า 35,000 บาท รองเท้า และรองเท้า Eco Friendly จาก Saucony รุ่น Shadow 5000- Midnight Swimming พิเศษสุด! ผู้เข้าร่วมแข่งขันทุกท่านจะได้รับ VIZ Coins x 2 จากแคมเปญ RCC Double Point ของสยามพิวรรธน์ เพื่อตอบแทนคนไทยหัวใจสีเขียว เพื่อนำไปสะสมและแลกเป็นสิทธิประโยชน์ผ่าน ONESIAM SuperApp อีกด้วย นอกจากนั้นยังมีการแข่งขันเก็บขยะทีมพิเศษจากเหล่าเซเลบริตี้หัวใจรักษ์โลก มาร่วมแข่งเก็บขยะเพื่อร่วมชิงเงินรางวัล 10,000 บาท เพื่อส่งมอบให้องค์กรการกุศลเพื่อช่วยเหลือด้านสิ่งแวดล้อมต่อไป
งาน “SPOGOMI WORLD CUP 2023 THAILAND STAGE” ยังมีกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ อีกมากมาย อาทิ นิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการขยะแบบครบวงจร Siam Piwat 360° Waste Journey to Zero Waste และการสร้างคุณค่าจากพลาสติกใช้แล้วโดย YOUเทิร์น ระบบบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วของ GC นิทรรศการแสดงผลงานจากการนำขยะพลาสติกมารีไซเคิล โดย ECOTOPIA ร่วมกับแบรนด์ Earthology นิทรรศการการแสดงนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการนำของเสียจากอุตสาหกรรมสิ่งทอมาแปรสภาพเป็นเสื้อผ้าใหม่ โดย ECOTOPIA ร่วมกับ Circular กิจกรรมนำขยะมาแลกเครื่องดื่มสูตรพิเศษบรรจุในกระป๋องอะลูมิเนียมรีไซเคิล โดย Can Café กิจกรรม Workshop รักษ์โลกจาก Hoo DIY กิจกรรมปั่นจักรยานลดขยะจาก Greenery
ร่วมส่งกำลังใจให้กับผู้เข้าแข่งขันกีฬาเก็บขยะครั้งแรกของประเทศไทย! พร้อมร่วมกิจกรรมที่ตั้งใจรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อร่วมฟื้นฟูและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืนได้ในงาน “SPOGOMI WORLD CUP 2023 THAILAND STAGE” วันที่ 1-2 กรกฎาคม 2566 ณ พาร์ค พารากอน ชั้น M สยามพารากอน