GLOBISH แพลตฟอร์ม ที่มอบโอกาสให้ทุกคนที่ต้องการพัฒนาตัวเอง
เด็กไทยเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็กก็จริง แต่สุดท้ายเมื่อเข้าสู่โลกของการทำงาน หลายคนก็ยังติดปัญหาไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้ดั่งใจ
จุ๊ย – ชื่นชีวัน วงษ์เสรี Co-Founder GLOBISH สถาบันสอนภาษารูปแบบออนไลน์ อันดับต้นๆ ของไทย ในฐานะ EdTech Startup ที่มุ่งพัฒนาการศึกษาด้วยเทคโนโลยีให้เติบโตอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่ปีที่ 9 ก็เป็นคนหนึ่งที่เคยประสบปัญหาเช่นนี้ เธอและผู้ร่วมก่อตั้งจึงอยากสร้างประตูแห่งโอกาส เพื่อแก้ Pain Point ให้คนไทย
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เส้นทางของ GLOBISH ล้มลุกคลุกคลานไม่เบา ซึ่ง 2 ปีแรกที่จับทางไม่ถูก ธุรกิจก็เกือบเจ๊ง พอทุกอย่างเริ่มจะไปได้สวย ก็มาเจอสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เหมือนจะเป็นโอกาสให้กับธุรกิจ แต่ก็ต้องเผชิญกับสารพัดความท้าทาย อะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จ ที่ทำให้ GLOBISH ข้ามผ่านอุปสรรคมานับครั้งไม่ถ้วน และ ก้าวต่อไปของ GLOBISH คืออะไร ไปหาคำตอบพร้อมกัน
จากธุรกิจเพื่อสังคม สู่ “EdTech Startup”
“ช่วงที่เริ่มต้น GLOBISH ก็ยังไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นสตาร์ทอัพ แต่มองว่าเป็นธุรกิจเพื่อสังคม ช่วง 2 ปีแรก จุ๊ย และ Co-Founder อีกคน ได้ทุนจากนักลงทุนชาวญี่ปุ่นที่เขาต้องการจะสร้างโอกาสการเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้คนไทย เลยนำไอเดียการเรียนภาษาอังกฤษผ่านวิดีโอออนไลน์ จากประเทศญี่ปุ่นมาต่อยอด โดยช่วงแรกโฟกัสไปที่นักศึกษาในมหาวิทยาลัย แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะตอนนั้น GLOBISH อยู่ในช่วงเริ่มต้น ยังขาดความน่าเชื่อถือ บวกกับทางฝั่งมหาวิทยาลัยก็มองว่า มีหลักสูตรภาษาอังกฤษของตัวเองอยู่แล้ว ทำไมจะต้องมีแพลตฟอร์มใหม่ๆ” ชื่นชีวัน เล่าถึงในวันที่เริ่มต้น
หลังจากเป้าหมายแรกไม่สำเร็จ GLOBISH เลยเบนเข็มมาจับกลุ่มคนพิการ หวังจะเพิ่มทักษะให้คนกลุ่มนี้มีงานทำ แต่ปรากฏว่า แม้จะเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษได้จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนพิการจะมีงานทำ เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นข้อจำกัด
ล้มเหลวเพื่อเรียนรู้และไปต่อ
หลังจากล้มเหลวมา 2 ครั้ง GLOBISH ก็มาถึงจุดเปลี่ยน หลังพบว่า ฐานลูกค้า คือ พนักงานบริษัท ซึ่งเป็น กลุ่มที่อาจจะไม่ได้โฟกัสมาตั้งแต่ต้น แต่กลับมีการเข้ามาใช้บริการซ้ำและบอกต่อสูง เพราะ Pain Point ของคนกลุ่มนี้คือ ต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ เพื่อใช้ในการทำงานอย่างจริงจัง ซึ่ง GLOBISH ตอบโจทย์ ทั้งในแง่ความสะดวกสบาย เพราะเรียนผ่านระบบวิดีโอคอล สามารถเรียนจากที่ไหน เวลาไหนก็ได้ มีครูต่างชาติให้เลือกฝึกภาษาจากทั้งเอเชีย ยุโรป
จากจุดนั้น GLOBISH จึงค่อยๆ ปรับโมเดลธุรกิจเพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มนี้ และผันตัวเองสู่การเป็นสตาร์ทอัพ แทนที่จะใช้แพลตฟอร์มของคนอื่นเป็นช่องทางในการเรียนการสอน มาสู่การพัฒนาแพลตฟอร์มของตัวเอง
“เหตุผลสำคัญ คือ เราต้องควบคุมคุณภาพให้ได้มากที่สุด เริ่มตั้งแต่แพลตฟอร์มที่ใช้ในการเรียนการสอน ไปจนถึงการออกแบบรูปแบบการเรียน ที่เน้นการเรียนภาษาเพื่อการทำงานและการพูดแบบจริงจัง โดยหากเป็นคลาสเรียนแบบตัวต่อตัว จะกำหนดเวลาไว้ที่ประมาณ 25 นาที เพราะมีงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับช่วงเวลาในการเรียนรู้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พบว่าผู้เรียนจะมีสมาธิและสามารถเรียนรู้ได้ดีที่สุดในช่วงเวลา 25 นาทีแรก นั่นเอง”
ติดปีกธุรกิจ ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด
พอเจอกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ GLOBISH ยังติดปีกให้ธุรกิจด้วยการทำการตลาดออนไลน์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด นอกจากนี้ยังมีการขยายบริการเพื่อตอบโจทย์กลุ่มพ่อแม่ที่มาเรียนภาษาอังกฤษเพราะอยากคุยภาษาอังกฤษกับลูกๆ ทาง GLOBISH จึงเกิดไอเดียขยายกลุ่มเป้าหมายจากวัยทำงานไปสู่กลุ่มเด็กอายุ 7-14 ปี ด้วย
กระทั่ง มาเจอวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด -19 ซึ่งเป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย เพราะแม้สถานะการณ์ของโควิด-19 จะเป็นตัวเร่งให้เทรนด์การเรียนออนไลน์เป็นที่นิยม แต่ก็ทำให้มีคู่แข่งที่เข้ามาในธุรกิจมากขึ้น บวกกับกำลังการใช้จ่ายของผู้คนก็ได้รับผลกระทบ
“แต่ถึงอย่างนั้น ช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 GLOBISH ก็ยังเติบโต มีการขยายไปสู่ภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร ในส่วนของกลุ่มเด็ก จากเดิมที่มีเฉพาะตัวต่อตัวก็เพิ่มแบบเรียนเป็นกลุ่ม มี GLOBISH For School และขยายพอร์ตไปจับกลุ่มลูกค้าองค์กรมากขึ้น รวมทั้งขยายแพลตฟอร์มไปในต่างประเทศ เช่น เวียดนาม ซาอุดิอาระเบีย และบังกลาเทศ ซึ่งสองประเทศหลังนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้และหาพาร์ตเนอร์ ”
วางอนาคตเป็นมากกว่าแพลตฟอร์มสอนภาษา
สำหรับอนาคตของ GLOBISH นั้น ชื่นชีวัน กล่าวว่า “อยากแก้ปัญหาการศึกษาภาษาอังกฤษในระบบก่อน เพราะหากการศึกษาในระบบดี เด็กๆ ก็ไม่จำเป็นต้องเรียนพิเศษ ส่วนในภาพใหญ่ที่ต้องการเห็นคือ ให้ GLOBISH เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการพัฒนาตนเองในทุกมิติ อาจจะไม่ใช่แค่เรื่องภาษา แต่รวมถึง Soft Skill ต่างๆ“
“วันนี้ถ้าถามว่าGLOBISH ประสบความสำเร็จหรือยัง ต้องบอกว่านิยามคำว่าสำเร็จก็อาจจะมีหลายมิติ ถ้ามองว่า วันนี้เราสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของระบบการศึกษา มีความน่าเชื่อถือในการไปติดต่อกับหน่วยงานต่างๆ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ แต่ลึกๆ ยังต้องการให้แพลตฟอร์มของเราเข้าถึงกลุ่มคนที่กว้างขึ้น ในราคาที่เข้าถึงได้มากกว่านี้ ซึ่งจะไปถึงจุดนั้นได้ การ Scale up ก็เป็นส่วนหนึ่ง เพราะเรามีแรงผลักดันว่า ต้องการให้ใครก็ตามที่อยากจะพัฒนาตัวเองได้มีโอกาส ซึ่ง GLOBISH ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโอกาสนั้นให้เกิดขึ้น”
สูตร(ลับ)สำหรับสตาร์ทอัพ
สำหรับสิ่งที่ต้องการฝากถึงสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ๆ คือ อย่ายึดติดกับไอเดียที่มีมากจนเกินไป แต่ต้องพยายามทำความเข้าใจลูกค้า แล้วค่อยๆ ปรับ Business Model ให้เข้ากับความต้องการของลูกค้า
“อย่างที่บอกว่า GLOBISH เองก็ผ่านการลองผิดลองถูกมาเยอะ ซึ่งโชคดีที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ในหลายๆ ด้าน อย่างช่วงแรกๆ ที่เริ่มต้นธุรกิจ ทาง NIA มีโครงการคูปองนวัตกรรม ซึ่งเหมือนเป็นการให้งบมาลองทำอะไรใหม่ๆ เพื่อทดสอบไอเดียหรือความคิด ซึ่งก่อนหน้านี้เราอาจไม่กล้าเสี่ยง เช่น การทำการตลาด หรือ การจ้างคน นอกจากนี้ NIA ยังให้ความรู้ พร้อมทั้งช่วยต่อยอดด้านคอนเนกชัน อย่างการจัดงาน Startup Thailand ที่ทำให้สตาร์ทอัพได้มีโอกาสพบปะกับสตารท์อัพเจ้าอื่นๆ และนักลงทุน รวมถึงมีการจัดคอร์ส PPCIL ที่ให้ตัวแทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และสตาร์ทอัพมาเจอกันเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมมอง เพื่อพัฒนาประเทศให้ดีขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสและประสบการณ์ที่ดีมากๆ”
รายละเอียดเพิ่มเติม :
https://www.facebook.com/speakglobish
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Startup Thailand Marketplace ของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)