Recent News: สรุปข่าวประจำวันที่ 24 เมษายน 2023
Shell’s LNG Outlook 2023 เผยสถานการณ์ความต้องการก๊าซธรรมชาติเหลวในยุโรป ผลักดันให้เกิดการแข่งขันด้านอุปทาน กลายเป็นตัวแปรหลักในตลาดการค้าในระยะยาว
รายงานภาพรวมอุตสาหกรรม LNG ในปี 2023 ของบริษัท เชลล์ จำกัด (มหาชน) ชี้ว่า ความต้องการ LNG ที่เพิ่มขึ้นในยุโรป จะส่งผลให้ต้องแข่งขันกับทางเอเชียมากขึ้น ในช่วงที่อุปทานใหม่ ๆ ยังคงมีจำกัด
ในอีกสองปีข้างหน้า และอาจกลายเป็นตัวแปรหลักในตลาดการค้า LNG ในระยะยาว
ปัจจุบันความต้องการก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจและทางการเมืองระดับภูมิภาคที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปทั่วโลก รวมถึงความมั่นคงด้านพลังงาน ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ความต้องการ LNG จึงถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นเรื่องสำคัญในอุตสาหกรรมพลังงาน เพื่อเสริมความมั่นคงให้กับระบบพลังงานของประเทศ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ในฐานะหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมพลังงานระดับโลก ได้ร่วมแบ่งปันข้อมูลแนวโน้มมุมมองใน Shell’s LNG Outlook 2023 โดยนายเมห์ดี เชนูฟี Head of LNG Origination & Market Development ในงานสัมมนารายงานภาพรวมอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติเหลว
ในปี 2022 หลายประเทศในยุโรปรวมถึงสหราชอาณาจักร นำเข้า LNG ถึง 121 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับปี 2021 เพื่อเป็นการรับมือกับสถานการณ์ก๊าซนำเข้าทางท่อจากรัสเซีย ที่มีปริมาณลดลงอย่างมากหลังจากการรุกเข้าไปในยูเครนของรัสเซีย นอกจากนี้ การนำเข้า LNG จากจีนลดลง 15 ล้านตัน ประกอบกับการที่ผู้ซื้อในเอเชียใต้ลดการนำเข้าลง มีส่วนช่วยให้บรรดาประเทศในยุโรปมีก๊าซใช้อย่างพอเพียง และหลีกเลี่ยงภาวะขาดแคลนก๊าซได้ ทั้งนี้ การที่ยุโรปมีความต้องการใช้ LNG เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้ส่งผลให้ราคา LNG ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และทำให้ตลาดพลังงานทั่วโลกเกิดความผันผวน
เมื่อปริมาณก๊าซที่นำส่งมาทางท่อจากรัสเซียน้อยลง LNG จึงกลายเป็นทรัพยากรหลักที่สำคัญต่อความมั่นคงทางพลังงานของยุโรปมากขึ้น โดยมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในการพัฒนาสถานีรับ-จ่าย LNG แห่งใหม่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรปเป็นแรงหนุน ในทางกลับกัน ประเทศจีนก็มีการพัฒนาจากการเป็นตลาดนำเข้าที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ไปสู่ประเทศที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น จนสามารถเข้ามาช่วยปรับสมดุลในตลาด LNG ของโลกได้
“สงครามในยูเครนส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในด้านความมั่นคงทางพลังงานทั่วโลก และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
เชิงโครงสร้างในตลาด ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรม LNG ของโลกในระยะยาว” สตีฟ ฮิลล์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการตลาดพลังงานของเชลล์ กล่าว
“สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ยิ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องมีการรับมือในเชิงยุทธศาสตร์มากขึ้น ด้วยการยืดระยะเวลาของอายุสัญญาให้ยาวขึ้น เพื่อรับประกันว่าจะมีแหล่งพลังงานที่ไว้วางใจได้ และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากราคาที่อาจพุ่งสูงขึ้น“
การนำส่งก๊าซทางท่อจากรัสเซียที่ลดลงอย่างมาก ส่งผลให้เกิดการแทรกแซงเชิงนโยบายและกฎระเบียบในลักษณะที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เนื่องจากรัฐบาลในยุโรปพยายามเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานและปกป้องเศรษฐกิจจากต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งรวมถึงการให้ความสำคัญในการนำเข้า LNG และการพัฒนาสถานีรับ-จ่าย LNG แห่งใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว
ในปี 2022 ความต้องการ LNG ในยุโรปเป็นปัจจัยกดดันให้ผู้นำเข้ารายอื่น ๆ ต้องลดการนำเข้าและเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงชนิดอื่นแทน ซึ่งส่งผลให้มีการปล่อยมลภาวะออกมามากขึ้น ราคา LNG ที่สูงขึ้นทั่วโลกนำไปสู่การลดการนำเข้า LNG ในเอเชียใต้ โดยปากีสถานและบังคลาเทศหันไปนำเข้าน้ำมันเตามากขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากภาวะขาดแคลนพลังงาน ส่วนอินเดียก็หันไปใช้ถ่านหินเพิ่มขึ้น
ปริมาณการค้า LNG ทั่วโลกในปี 2022 เพิ่มขึ้นถึงระดับ 397 ล้านตัน โดยผู้เกี่ยวข้องในตลาด LNG คาดว่าความต้องการ LNG จะขึ้นไปแตะ 650 ถึงกว่า 700 ล้านตันต่อปีภายในปี 2040 จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการลงทุนในโครงการผลิต LNG ให้มากขึ้น เพื่อเลี่ยงปัญหาอุปสงค์-อุปทานที่คาดว่าจะก่อตัวในช่วงปลายทศวรรษ 2020
การมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่หลากหลายเข้ามาช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่อุปทานของก๊าซธรรมชาติและ LNG เป็นสิ่งที่ช่วยเสริมบทบาทของก๊าซธรรมชาติและ LNG ในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน อีกทั้งอุตสาหกรรมยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาและปรับใช้ก๊าซที่ผลิตจากกระบวนการลดคาร์บอน รวมทั้งก๊าซธรรมชาติจากแหล่งพลังงานทดแทน ก๊าซธรรมชาติสังเคราะห์ ไฮโดรเจน และแอมโมเนีย ทั้งนี้ เพื่อส่งมอบความมั่นคงทางพลังงานที่ยั่งยืนมากขึ้นในอนาคต
เอเชีย เอรา วัน ร่วมกับ อีจีส เรล ลงนามในบันทึกข้อตกลงส่งเสริมความร่วมมือด้านโปรแกรมฝึกอบรมและพัฒนาการให้บริการระบบราง
บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด ผู้ร่วมลงทุนและดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน โดยปัจจุบันสนับสนุนการเดินรถและซ่อมบำรุง แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ภายใต้การกำกับดูแลของ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงหรือ MOU กับ บริษัท อีจีส เรล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมการก่อสร้าง และการดําเนินงานระบบรางในระดับโลก เพื่อร่วมกันพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้องกับระบบขนส่งมวลชนประเภทราง มุ่งเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การแบ่งปันความรู้ การเทียบเคียงกระบวนการทำงานและการดำเนินงาน และการพัฒนาสมรรถนะเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของอุตสาหกรรมและสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว
ดร. ฮั่ว ตงอี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด กล่าวในพิธีลงนาม MOU ว่า “เอเชีย เอรา วัน ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ อีจีส เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาศักยภาพในอุตสาหกรรมรถไฟ ภายใต้เงื่อนไขของความร่วมมือในครั้งนี้ เรามุ่งจัดตั้งหลักสูตรการฝึกอบรมที่ตรงจุด เพื่อเพิ่มองค์ความรู้ให้กับบุคลากร ถือเป็นการปรับให้เหมาะกับความต้องการของอุตสาหกรรม เชื่อว่าจะสามารถเพิ่มทักษะและความรู้ของแรงงานในอุตสาหกรรมระบบราง ให้พร้อมรับมือต่อสภาพแวดล้อมและแนวโน้มของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปได้ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายพร้อมทำงานร่วมกันในการวิจัยและพัฒนาเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านบริการระบบราง เพื่อให้สามารถจัดการกับประเด็นปัญหาเร่งด่วนที่กําลังเผชิญอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างให้อุตสาหกรรมเกิดการเติบโตด้วยนวัตกรรม”
“นอกจากการฝึกอบรมแล้ว ยังมีกระบวนการแลกเปลี่ยนความรู้ และแลกเปลี่ยนวิธีปฏิบัติ ที่เป็นเลิศ (Best Practices) ซึ่งจะช่วยให้ เอเชีย เอรา วัน และ อีจีส มีวิธีการในการวัดและเปรียบเทียบกับองค์กร ในบริบทของอุตสาหกรรมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในด้านการดําเนินงานและการบํารุงรักษา” ดร. ฮั่ว กล่าวเพิ่มเติม
ด้านนายสฤษดิ์ จิณสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด กล่าวว่า “ความร่วมมือกับ อีจีส ในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในพันธกิจของเอเชีย เอรา วัน ในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับอุตสาหกรรมระบบรางด้วยการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ความร่วมมือในครั้งนี้ยังสอดคล้องกับพันธกิจด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่มุ่งเน้นให้เกิดวัฒนธรรมการเรียนรู้และเสริมสร้างประสบการณ์ตรงให้กับบุคลากร ด้วยความตระหนักว่าทรัพยากรสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตและความสำเร็จของธุรกิจอย่างยั่งยืนคือบุคลากรภายในองค์กร ส่งผลให้เกิดการพัฒนาแรงงานที่มีทักษะสูง ช่วยยกระดับธุรกิจและการให้บริการด้านระบบราง พร้อมสร้างให้เกิดโอกาสใหม่ ๆ เตรียมพร้อมกับอุตสาหกรรมที่มีสมรรถนะสูง“
ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวและผลักดันขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมระบบราง ทั้งสององค์กรจะทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนา
ระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ด้วยการเอาชนะความท้าทายที่อุตสาหกรรมต้องเผชิญ ดังเช่น การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ ตลอดจนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์อย่างเหมาะสม
“ในปัจจุบันที่เกิดความท้าทายต่างๆ บนโลก อีจีส ในฐานะหนึ่งในองค์กรด้านวิศวกรรมและการปฏิบัติการชั้นนําในระดับสากล จึงมีเป้าหมายที่จะสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสําหรับประชาคมโลก สอดคล้องกับพันธกิจของเราในด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เน้นความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญสู่เป้าหมายดังกล่าว เพื่อช่วยยกระดับการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมระบบรางให้เป็นระบบการขนส่งในรูปแบบอัจฉริยะและครบวงจร สามารถตอบสนองจุดมุ่งหมายในการขับเคลื่อนอนาคตของทุกคนได้“ นายฟิลิปป์ ชูลแชงแชร์ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย – สายธุรกิจขนส่ง บริษัท อีจีส จำกัด กล่าว
“บันทึกความร่วมมือฉบับนี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทั้งสององค์กรจัดการฝึกอบรมและการพัฒนา และถือเป็นจุดเริ่มต้นความคิดริเริ่มให้เกิดความร่วมมืออันดีระหว่างกัน นอกเหนือจากการแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดี (best practices) ในการดําเนินงานและการบํารุงรักษาระบบรางแล้ว ทั้งสององค์กรยังสามารถใช้ความเชี่ยวชาญและทรัพยากรร่วมกันเพื่อพัฒนาโซลูชั่นและการบริการที่ดีขึ้นสําหรับผู้โดยสาร เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมระบบรางของประเทศไทย” นายฟิลิปป์ กล่าวเสริม
เอเชีย เอรา วัน และ อีจีส เชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสององค์กรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอุตสาหกรรมระบบราง ให้เกิดความยั่งยืน เกิดประสิทธิภาพ ตลอดจนนวัตกรรมใหม่ที่สามารถรับมือกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่กําลังเติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างทันท่วงที