Recent News: สรุปข่าวประจำวันที่ 11 เมษายน 2023
ฟิลิปส์ เปิดตัว Philips MR7700 เทคโนโลยีด้านการตรวจวินิจฉัยสุดล้ำ ชูเทคโนโลยี AI. และ SmartSpeed เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจวินิจฉัยและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ป่วย
บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานเปิดตัว ‘Philips MR7700’ เครื่องเอ็มอาร์ไอ (MRI) 3.0T รุ่นใหม่ล่าสุดครั้งแรกในประเทศไทย มาพร้อมเทคโนโลยีเอไอ (AI) และเทคโนโลยี SmartSpeed (สมาร์ทสปีด) เพื่อการสแกนที่เร็วขึ้นถึง 3 เท่า และให้ภาพที่คมชัดมากขึ้นถึง 65% และยังโดดเด่นด้วยฟีเจอร์ multi-nuclei imaging ช่วยให้การตรวจวินิจฉัยสามารถตรวจพบโรคได้ในระยะเริ่มต้น หรือระดับ molecular ช่วยยกระดับกระบวนการทำงานให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ป่วย โดยได้แสดงความล้ำสมัยของเทคโนโลยีทางการแพทย์ผ่าน
โลกเสมือนจริง พร้อมเชิญผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแชร์ข้อมูลที่น่าสนใจ ณ โรงแรมเรเนซองค์ กรุงเทพฯ
นายวิโรจน์ วิทยาเวโรจน์ ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
“ฟิลิปส์ ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ เราไม่หยุดที่จะพัฒนานวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจรักษาให้กับผู้ป่วย ในครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เราได้นำเทคโนโลยีด้านการตรวจวินิจฉัยระดับโลกเข้ามาในวงการเฮลท์แคร์ในประเทศไทย เพื่อเตรียมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้บริการด้านสาธารณสุขในประเทศไทย สำหรับเครื่องเอ็มอาร์ไอ (MRI) Philips MR7700 เป็นเครื่องเอ็มอาร์ไอรุ่นใหม่ล่าสุดที่ฟิลิปส์เพิ่งเปิดตัวในงาน RSNA เมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีจุดเด่นที่เทคโนโลยี AI และเทคโนโลยี SmartSpeed ที่ช่วยให้สแกนได้เร็วขึ้น 3 เท่า และได้ภาพคมชัดมากขึ้น 65% เมื่อเทียบกับเครื่องเอ็มอาร์ไอรุ่นก่อนที่ใช้เทคโนโลยี Philips SENSE”
เครื่องเอ็มอาร์ไอ (MRI) เป็นเครื่องตรวจอวัยวะด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยไม่ต้องใช้รังสี แต่ใช้หลักการทำงานของคลื่นวิทยุ สามารถตรวจวินิจฉัยอวัยวะภายในได้เกือบทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นสมอง หัวใจ หลอดเลือด ข้อ กระดูก เป็นต้น สำหรับเครื่อง Philips MR7700 ถือเป็นเครื่อง MRI รุ่นใหม่และล้ำสุดของฟิลิปส์ซึ่งนอกจากการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในการสแกนและประมวลผล แล้วยังมาพร้อมฟีเจอร์การสแกนและประมวลผลแบบหลายนิวเคลียส ซึ่งจะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยอาการของผู้ป่วยได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น หรือจะใช้สำหรับการวิจัยทางคลีนิกก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้เครื่อง Philips MR7700 ยังมาพร้อมอุโมงค์ที่กว้างขึ้น เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายในขณะเข้ารับการตรวจ
ทางด้าน ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงอรสา ชวาลภาฤทธิ์ ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล มาร่วมแชร์ข้อมูลที่น่าสนใจว่า “ปัจจุบันผู้ป่วยกลุ่มโรคหลอดเลือดสมองทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกมีจำนวนมากขึ้น โดยพบว่าประชากรในเอเชียมีความชุกของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองสูงถึง 30-50% และโรคดังกล่าวเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเป็นอันดับสองของคนไทย จากสถิติในประเทศไทยพบอัตราตายที่ 53 ต่อประชากรแสนคน[1] โดยโรคกลุ่มนี้หากตรวจพบเร็วแพทย์สามารถช่วยลดความรุนแรงของโรคลงได้ ซึ่งการตรวจวินิจฉัยอาการผู้ป่วยในกลุ่มนี้ทางการแพทย์เราจะใช้เครื่อง MRI เป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจหาความผิดปกติ เพราะสามารถถ่ายภาพอวัยวะในระดับเนื้อเยื่อได้อย่างชัดเจน และแพทย์สามารถตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่อาการระยะเริ่มแรก ในแง่ของการวินิจฉัยเครื่อง MRI จึงเหมาะกับการใช้ตรวจผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของสมอง, หัวใจและหลอดเลือด มากกว่าเครื่อง CT Scan”
“ทั้งนี้พบว่าผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในประเทศไทยมีแนวโน้มที่อายุจะน้อยลงเรื่อยๆ โดยสาเหตุเกิดจากโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันในเลือดสูง หรือพฤติกรรมการสูบบุหรี่ เป็นต้น มีตัวอย่างเคสของผู้ป่วยผู้ชายรายหนึ่งอายุ 35 ปีที่ไม่เคยตรวจสุขภาพมาก่อน แต่มาโรงพยาบาลด้วยอาการปวดหัวเรื้อรัง เมื่อเข้ารับการตรวจ MRI จึงพบภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) และไขมันในเส้นเลือดสูง ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงนำไปสู่การเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้ในอนาคต เคสนี้จึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่าการมีเทคโนโลยีเครื่อง MRI ที่มีความรวดเร็วและให้ผลการตรวจได้อย่างชัดเจน จะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำยิ่งขึ้น นำไปสู่การรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเช่นกัน” ศ.พญ. อรสา กล่าวเพิ่มเติม
Philips MR7700 เป็นเครื่องเอ็มอาร์ไอรุ่นล่าสุดของฟิลิปส์ที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา (FDA) จากประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นเครื่องตรวจวินิจฉัยที่สนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ www.philips.com
มหกรรมกีฬาตลอดปี 2566 ดัน “สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง” รีเทิร์น
เปิดมุมมองกูรูการตลาดกับการกลับมาของการทำตลาดในรูปแบบ “สปอร์ตมาเก็ตติ้ง” หลังจากสะสมความอัดอั้นมาหลายปีของผู้จัดและผู้ชม เมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย มหกรรมกีฬาหลายรายการทั้งระดับชาติและนานาชาติจึงจัดไทม์ไลน์มาให้แฟนกีฬาชาวไทยได้รับชมกันอย่างจุใจ โดยเฉพาะรายการใหญ่ที่ทุกคนรอย “เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19” โดยระบุว่า ความชุกของรายการแข่งขันกีฬาและวิถี new normal กำลังสร้างมิติใหม่ให้นักการตลาดใช้เป็นเครื่องมือขยายฐานลูกค้าและสร้างแบรนด์รอยัลตีได้มากขึ้น สอดรับกับข้อมูลวิจัยตลาดจาก Neilsen ที่ระบุในรายงาน Sports&Esports : Understanding the growth of fans in Thailand ว่าผู้ชมกีฬามากกว่า 60% มีมุมมองเชิงบวกต่อผู้สนับสนุนแบรนด์และสามารถจดจำแบรนด์ได้และ 55% พิจารณาและพร้อมที่จะซื้อสินค้าของผู้สนับสนุนการแข่งขันกีฬา
เมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย อีเว้นต์ใหญ่ด้านการกีฬาก็เริ่มเปิดฉาก มีการแข่งขันกีฬาหลากประเภทหลายรายการเพื่อมุ่งสู่สนามเอเชียนเกมส์ของนักกีฬาไทย โดยเฉพาะมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ที่จะเริ่มแข่งขันในเดือนพฤษภาคม ตามมาด้วยทัวร์นาเมนต์วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย เนชั่นส์ ลีก 2023 ช่วงพฤษภาคม-กรกฎาคม ต่อด้วยโปรแกรมแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งเอเชียในเดือนกันยายนซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ รวมทั้งการแข่งขันโอลิมปิก 2024 รอบคัดเลือกในเดือนกันยายน ที่ประเทศญี่ปุ่น ต่อเนื่องด้วยเอเชียนเกมส์ กันยายนถึงตุลาคม ที่ประเทศจีน
ผศ.ดร.เอกก์ ภทรธนกุล อุปนายก สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยและหัวหน้าภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า เมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ปี 2566 จึงเป็นปีที่มีความชุกของรายการแข่งขันกีฬา เพราะคอนเทนต์กีฬาเป็นไลฟ์สไตล์ส่วนหนึ่งของผู้คนทั่วโลก การกลับมาของรายการแข่งขันต่างๆ ทำให้เกิดมิติใหม่ในการรวมกลุ่มผู้ชม มีทั้งการรับชมผ่านทางทีวีที่มีการถ่ายทอด การเดินทางไปชมในสถานที่จัดการแข่งขันการรวมกลุ่มชมกีฬาพร้อมกันในสถานที่ใดที่หนึ่งโดยชมผ่านช่องทางสื่อสารเดิมคือ ทีวี หรือช่องทางใหม่ในโซเชียลมีเดีย และอีกมิติที่เป็นรูปแบบใหม่ของยุคดิจิทัลคือการชมและเชียรกีฬาร่วมกันแบบอินเตอร์แอคทีฟทางออนไลน์ซึ่งเห็นได้ชัดจากการแข่งขันกีฬา E-sport
“นักการตลาดกำลังมีช่องทางการสื่อสารกับผู้บริโภคได้ตรงกลุ่มมากขึ้น ผลลัพธ์ของการใช้สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง คือคุณสามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้นและลดต้นทุนการตลาดต่อหน่วยลงได้แม้ในภาพรวมของแผนดำเนินงานคุณอาจต้องใช้งบประมาณรวมมากขึ้น แต่เมื่อคิดเฉลี่ยต่อหน่วยนับว่าคุ้มค่ามาก” ดร.เอกก์ ขยายความ
กล่าวได้ว่า ปี 2566 เป็นปีทองของผู้ชมกีฬาเพราะมีไทม์ไลน์คอนเทนต์กีฬาทุกประเภทให้เลือกชมได้ตลอดปี ทั้งยังเป็นปีทองของนักการตลาดในการสร้างโอกาสใหม่ให้แบรนด์สินค้าและบริการ ทั้งนี้ มหกรรมกีฬาร้อนแรงที่สุดสำหรับประเทศไทยคงหนีไม่พ้น “เอเชียนเกมส์ 2022” ครั้งที่ 19 ซึ่งถูกเลื่อนการจัดแข่งขันมาจากปีที่แล้ว พร้อมมาระเบิดความยิ่งใหญ่ระหว่าง 23 กันยายนถึง 8 ตุลาคม 2566 ที่นครหางโจว ซีลิคอนวัลเลย์ของประเทศจีน
มหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ปีนี้จะเป็นเวทีส่งให้นักกีฬาไทยไปถึงฝันโอลิมปิกครั้งถัดไป ณ กรุงปารีส (Paris Olympic 2024) รวมถึงกีฬาฟุตบอลที่จะมีการแข่งบอลโลกรอบคัดเลือกสิ้นปีนี้ ซึ่งทางฟีฟ่าได้ออกกฎใหม่ทำให้ฟุตบอลไทยมีโอกาสสูงขึ้นในการเข้ารอบ นอกจากนี้ กีฬาประจำชาติอย่างมวยไทย รายการ One Championship ก็กลับมาจัดแข่งขันในไทยมากขึ้นกลายเป็นคู่แข่งดุของรายการมวย RWS ราชดำเนิน เวิลด์ ซีรีส์ การแข่งขันชกมวยไทยมาตรฐานสากลที่ได้รับความนิยมน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง
ดร.เอกก์ กล่าวด้วยว่า คอนเทนต์กีฬาทรงพลังและมีอิทธิพลต่อแบรนด์สินค้า เพราะสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งไม่ได้จำเพาะอยู่ในหลัก 4P (Product, Price, Place, Promotion) ของการทำการตลาด หากยังเพิ่มมุมมองอีก 3P เข้าไปด้วยคือ people ไม่ว่าจะเป็นทีม หรือตัวนักกีฬารายบุคคล passion เป็นเรื่องราวของกลุ่มแฟนคลับที่นักการตาดต้องมีความเข้าใจภาษาและวัฒนธรรมของแฟนคลับซึ่งมีพลังในการ “ปกป้อง” หรือ “ทำลาย” ชื่อเสียงของแบรนด์ได้ และ prompt คือความทันท่วงทีในการตอบสนองต่อคอนเทนต์กีฬาที่เกิดขึ้นจากการแข่งขันโดยไม่มีข้อจำกัด
“ผมมองว่าสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งสำหรับนักการตลาดควรมีตัวช่วยที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น การทำงานร่วมกับบริษัทบริหารจัดการด้านกีฬาที่มีความเข้าใจคอนเทนต์การกีฬาและการเลือกใช้สื่อที่เหมาะสมจะทำให้บรรลุผลลัพธ์ทางการตลาดที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้”
สำหรับแบรนด์สินค้าที่ประสบความสำเร็จมากในการใช้สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งมาส่งเสริมความภักดีในแบรนด์ ดร.เอกก์ ยกเคสของ SCG กับการสนับสนุนกีฬาแบดมินตันและกอล์ฟ โดยเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันกีฬาและตัวนักกีฬา (sponsorship) ที่สามารถสร้างฐานแฟนคลับ จากนั้นต่อยอดด้วยการใช้ Relationship Marketing เมื่อต้องการสร้างคอนเทนต์การตลาดต่อเนื่องในเรื่องที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ขององค์กร เช่น กิจกรรมเพื่อสังคม โดยให้นักกีฬาเป็นตัวตั้งต้นคอนเทนต์ที่จูงใจและขยายผลการสนับสนุนจากกลุ่มแฟนคลับผ่านการสื่อสารในช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ
สำหรับตัวอย่าง International Brand อาทิ Rolex กับการสนับสนุนการแข่งขันรถ Formular1 ทั้งนี้ มีข้อสังเกตสำคัญคือ สินค้าทุกชนิดที่ใช้สื่อโฆษณาสนับสนุนรายการแข่งขันสามารถเชื่อมโยงพฤติกรรมผู้ชมมาสู่การทำคอนเทนต์การตลาดของแบรนด์ผ่านเนื้อหาสาระด้านการกีฬา รวมถึงเรื่องราวของนักกีฬา เช่น ไลฟ์สไตล์ แฟชั่น อาหารการกินและกิจวัตรล้วนนำมาผูกโยงเพื่อสร้างคอนเทนต์การตลาดได้ทั้งสิ้น
ยิ่งโซเชียลมีเดียเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันและนักกีฬามีสถานะเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์สำหรับกลุ่มผู้ติดตามด้วยแล้ว สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งจะยิ่งทรงพลังและเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการตลาดที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดการจดจำแบรนด์สินค้า สามารถสร้างแบรนด์รอยัลตีครองใจผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี