fbpx

ชวนะ ช่างสุพรรณ กับมุมมอง วิธีคิดไม่สำคัญเท่าวิธีทำ

“คุณครูคะ ขออนุญาตให้เด็กชาย ชวนะ ได้ลองวิ่งใหม่อีกครั้งได้ไหมคะ”

คุณแม่ผมเอ่ยปากขอร้องคุณครูพละ ตอนผมอยู่ชั้นประถมปีที่ 6 ในการคัดเลือกตัวนักวิ่งในแต่ละรุ่น เพื่อเป็นตัวแทนของโรงเรียน ไปแข่งขันกีฬาประจำจังหวัดและแน่นอน ผมได้โอกาสนั้นใหม่อีกครั้ง

‘เข้าที่ ระวัง ไป……” เสียงตะโกนของอาจารย์ปลุกเร้าอารมณ์ความฮึกเหิมของผมอย่างมาก ผมพุ่งตัวทะยานออกตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเพื่อนๆรุ่นเดียวกันอีกสองคน รองเท้าหัวเข็มที่คุณแม่ลงทุนซื้อให้ทำงานของมันอย่างเต็มที่ เสียงโลหะที่ตะกุยลงบนพื้นดินในสนามหญ้าดังอยู่ในโสตประสาทผมอยู่ตลออดเวลา

 ผมเริ่มทิ้งห่างเพื่อนผมสองคนนั้นไกลออกไปทุกที ผมเร่งฝีเท้าเต็มกำลัง เส้นชัยอยู่ข้างหน้าอีกไม่กี่วินาที ผมรวบรวมกำลังที่เหลือทั้งหมดเท่าที่มีพุ่งตัวผ่านเข้าเส้นชัยในที่สุด

“ ไม่เป็นไรนะลูก อย่างน้อยลูกก็พยายามได้ดีที่สุดแล้ว “ คุณแม่ผมปลอบใจ และพาผมไปทานขนมต่อเป็นการปลอบขวัญ ใช่ครับ ผมวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นคนสุดท้าย โดยมีเพื่อนๆวิ่งนำหน้าผมไปหลายวินาที

ที่ผมเกริ่นเล่าเรื่องนี้มา ก็เพราะว่าความผิดหวัง สมหวังในชีวิตเรา เดินคู่ขนานกับเรามาตลอดทั้งชีวิต ไม่ว่าในอดีต วันนี้ หรือแม้แต่วันข้างหน้า แต่บทเรียนในวันนั้น สอนให้เรียนรู้ว่า ทุกๆอย่างที่มุ่งมั่นจะทำ มีโอกาสให้อยู่เสมอ ไม่ใช่แค่ครั้งที่สองเท่านั้น แต่มีรอต้อนรับเสมอ ตราบเท่าที่เราพยายาม

ฝันจะเป็นนักวิ่งที่เร็วที่สุดในโลกของผมหยุดอยู่ตรงนั้น มารู้ตัวอีกทีผมก็หลงรักงานศิลปะเข้าอย่างเต็มเปา จนสามารถเข้าเรียนสายงานออกแบบในมหาวิทยาลัยชื่อดัง และจบมาทำงานในสายงานที่ตัวเองรักได้ในที่สุด  และแล้วความผิดหวังครั้งใหญ่ก็มายืนรอรับผมตรงประตูอีกครั้ง ที่ทำให้การวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นที่โหล่ กลายเป็นเรื่องเล็กๆ ขึ้นมาทันที  ครั้งนี้เปลี่ยนแปลงทั้งความคิด การใช้ชีวิตและมุมมองของผมตลอดไป

วิกฤติต้มยำกุ้ง คนรุ่นผมคงเข้าใจกันดี มันทำเอาผม ต้องกินมาม่าอยู่หลายปี แน่นอนครับ ช่วงนั้นผมพยายามหาโอกาสกลับมายืนใหม่อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง อยู่ตลอดเวลา รอบตัวผม มีแต่ข่าวคนฆ่าตัวตาย คนที่ทำร้ายครอบครัวตัวเองรวมทั้งตัวเอง เพื่อหนีความล้มเหลวทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น เห็นธุรกิจเพื่อนๆ และคนรอบข้างเริ่มทะยอยปิดตัวลง บางคนหนีหายไปต่างจังหวัด จนวันนี้ยังไม่เคยเจออีกเลย บางคนเลิกสนใจธุรกิจ บางคนลดความมุ่งมั่นและฝันของตัวเอง กลับไปเป็นพนักงานในสำนักงานจนถึงทุกวันนี้ก็มี

ผมคิดว่าตัวเองช่างโชคร้ายจริงๆ ที่เริ่มต้นทำธุรกิจได้ไม่กี่ปี ก็มาเจอหายนะทางเศรษฐกิจ เคยคิดฆ่าตัวตายไหม? โถ… เปราะบาง อย่างผม คิดสิครับ  ร้องไห้อย่างกับเด็กทารกก็เคย เจอเจ้าหนี้ทั้งในระบบนอกระบบ โทรตามหนี้ คุยกันจนจะเป็นญาติกันเลยก็มี มีถึงขนาดโทรมาพูดจาไม่สุภาพกับผมอย่างแรง ผมจำได้ว่าครั้งหนึ่ง ผมถามเขากลับไปว่า เขาชื่ออะไร ครับ คำถามกลับมา ก็คือ คุณจะถามไปทำไม คำตอบของผมในวันนั้น เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมกลับมาได้ในวันนี้ด้วยเช่นกัน  ผมตอบเขาไปว่า “ ที่ผมถาม ก็เพราะว่าสักวันหนึ่งที่ผมชำระหนี้คืนคุณได้เรียบร้อย วันนั้นผมจะเป็นเพื่อนกับคุณ”  หลังจากที่ผมพูดออกไปแบบนี้ในวันนั้น ผมไม่เคยเจอคำพูดที่ไม่ดีกับผมอีกเลย ผมพบว่าการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น คือการเผชิญหน้ากับมัน และบอกเขาว่าเราพร้อมจะแก้ไขมัน และทำให้เขาเห็นว่าเราทำอยู่ตลอดเวลา อาจจะช้าบ้างแต่ยังคงทำมันต่อไป

 ผมใช้เวลาหลายปี ปิดภาระต่างๆ ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ไล่ปิดภาระง่ายๆใกล้ตัว ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะภาระเล็กๆจะถูกตามถี่ๆ มีให้มาปวดหัวทุกวัน แล้วค่อยไปไล่ปิดภาระก้อนใหญ่ๆ เพราะส่วนใหญ่จะต้องผ่านขบวนการมากมาย ใช้เวลาเยอะ พอให้ผมมีเวลาหายใจได้บ้าง ที่สำคัญคือต้องตั้งใจ ผมทำงานเกือบทุกอย่างในช่วงนั้นจันทร์ถึงอาทิตย์ งานมีให้ทำตลอด ขึ้นอยู่กับเราจะเลือกทำหรือไม่ทำ จากเจ้าของบริษัท ไปเป็นอาจารย์สอนศิลปะให้เด็กๆเล็กๆ สอนหนังสือในมหาวิทยาลัย เปิดร้านอาหารที่เดือนหนึ่งขายได้แค่ข้าวต้มชามเดียวก็มี ไปสอนศิลปะตามบ้าน ผมทำทุกอย่างให้มีรายได้เข้ามา แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องเข้มแข็งอย่างมากคือ รายได้ที่ได้เข้ามา ต้องเอาไปใช้หนี้เขาให้หมด เก็บไว้เท่าที่จำเป็น ผมทำอย่างนี้อยู่หลายปี จนในที่สุด ผมก็ปิดภาระต่างๆ ได้จนหมด

และถ้าจะถามผมว่า…..ผมใช้วิธีคิดอย่างไร ถึงผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ ถ้าจะเล่าละเอียดคงเขียนหนังสือได้เป็นเล่ม เพราะถ้าวิธีหาเงินคือการทำงานที่ถนัดอย่างเดียวของคุณ แล้วในภาวะเศรษฐกิจอย่างนั้น งานที่คุณถนัด ไม่เป็นที่ต้องการ ในเวลาแบบนนั้นคุณจะทำอะไร ดังนั้น วิธีคิดไม่สำคัญเท่าวิธีทำ การลงมือทำเท่านั้นที่จะช่วยให้คุณค้นพบความคิดที่จะหาทางเอาตัวรอดได้

หลังจากผ่านพ้นช่วงวิกฤติในชีวิตมาได้ มุมมองชีวิตของผมก็เปลี่ยนไป บนเรียนที่ได้จากการรอดพ้นวิกฤตในครั้งนั้น ทำให้ผมมองเห็นว่า มิตรภาพ ช่วยเหลือคุณได้มากกว่าเงินในกระเป๋า การให้โอกาสกับคนอื่นๆ ก็สร้างโอกาสให้เราได้ด้วยเช่นกัน เรียนรู้เรื่องราวรอบตัวตลอดเวลา เพราะสิ่งที่ทำอยู่ในช่วงเวลานั้น อาจจะไม่เหมาะสมกับอีกช่วงเวลาหนึ่ง

ถามผมว่าตอนนี้ผมทำอะไรอยู่ ตอนนี้ผมยังทำธุรกิจเดิมที่ผมถนัด คือออกแบบตกแต่งภายใน แต่ผมเปลี่ยนมุมมองใหม่ในการทำงาน ผมเรียกสิ่งที่ผมทำตอนนี้ว่า creative living design เพราะผมไม่ใช่คนที่ทำงานออกแบบตกแต่งภายในเพื่อจรรโลงการอยู่อาศัยด้วยความสวยงามอย่างเดียวอีกต่อไป ผมเริ่มโครงการออกแบบโดยใช้แนวคิดเรื่องการใช้ที่อยู่อาศัยอย่างมีคุณค่า ทั้งกับตัวเองและสิ่งแวดล้อมรอบตัว งานออกแบบที่ไม่ต้องการพื้นที่หรือขนาดเพื่อบ่งบอกฐานะ แต่เพื่อใ้ห้เพียงพอกับการใช้ชีวิต และรักษาสภาพแวดล้อม ทำงาน ใช้ชีวิต ควบคู่กันไปได้

 ผมทำ platform เพื่อสร้างโอกาสในการทำงาน ชื่อ collacreate ที่มาจากการรวมกันของคำว่า collaboration และ creative เพื่อร่วมกันสร้างสรร งานในสายอาชีพงานออกแบบที่ผมรัก เพื่อสร้างโอกาสให้กับคนที่มีความสามารถ คนที่พยายาม แต่ยังขาดโอกาสในการมีตัวตนในสายงานออกแบบ ให้ได้มีพื้นที่เพื่อบอกเล่าความสามารถของตัวเอง เพื่อสร้างโอกาส ผมหาข้อมูลงานออกแบบเพื่อได้แบ่งปัน ได้เรียนรู้ ผมเริ่มทำกิจกรรมที่ไปแบ่งปันความรู้จากประสบการณ์ของตัวเอง โดยขอความร่วมมือกับsupplier เพื่อแชร์ประสบการณ์ความรู้ในเรื่องต่างๆ ที่ผมมี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ด้วยการสนับสนุนของ supplier 

 ผมทำโครงการหลายอย่าง บนแนวคิดเพื่อการแบ่งปัน แน่นอนว่า ผมต้องหารายได้เพื่อให้แนวคิดเหล่านี้ยังดำเนินต่อไป แต่จะเดินทางควบคู่ไปกับมิตรภาพ โอกาสของความคิดสร้างสรร ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่เราจะทำงานในสิ่งที่คนอื่นมองว่าเป็นสิ่งด้อยค่า ผมยังคงมุ่งมั่นทำต่อไป ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จ หรือว่าจะล้มเหลว อีกกี่ครั้งก็ตาม

เพระถ้าเป้าหมายของคุณในขณะที่คุณวิ่งไปข้างหน้า ไม่ใช่เชือก ที่ขึงพาดยาวอยู่เบื้องหน้า แต่เป็นรอยยิ้มของผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนรอรับคุณอยู่ตรงปลายทาง

Digiqole ad

บทความที่น่าสนใจ